ช่วงเดือน Pride Month อย่างนี้ เราขอขุดทั้งหนังใหญ่และซีรีส์ของชาว LGBT+ มาดูกันยาวๆ คัดมาแนะนำทั้งแนวแอ็คชั่น, ไซไฟ, โรแมนติก และคอมเมดี้ แบบที่หนุ่มการ์ซงก็ดูได้ และกลุ่ม LGBT+ ก็ดูเพลิน ด้วยวิธีการนำเสนอ และการเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม ทำให้ภาพยนตร์และซีรีส์ที่มีแง่มุมเรื่องความหลากหลายทางเพศที่เราอยากชวนการ์ซงมาดูด้วยกันนั้นบอกได้เลยว่า เหมาะกับทุกเพศ (แต่บางเรื่องอาจจะไม่ใช่ทุกวัยนะ 18+, 20+ พอไหวอยู่)
Love, Simon (2018)
ภาพยนตร์ Romantic, Comedy, Coming of age
ถ้าจะให้แนะนำภาพยนตร์สักเรื่องที่สามารถกลับมาดูซ้ำๆ ได้โดยไม่เบื่อ เราก็คงแนะนำเรื่องนี้ เพราะมันทำให้เรากลับไปนึกถึงช่วงเวลาวัยรุ่น ที่เป็นช่วงที่เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับความรัก ว่าถ้้าชอบใครสักคนแล้วต้องจีบยังไง ต้องคุยหรือทำตัวแบบไหน ทุกคนจะได้ความสนุก และน้ำตาซึมไปกับชีวิตของไซม่อน ที่เขาตกหลุมรักกับบุคคลปริศนาในอีเมล์ จนเริ่มต้นการตามหาว่าจริงๆ แล้วคนนี้ๆ คือใคร
สำหรับเรา เหตุการณ์ และการดำเนินเรื่องทั้งหมด มันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศๆ นี่จึงเป็นเหตุผลให้ Love, Simon เป็นภาพยนตร์อีกเร่ืองที่ไม่ว่าใครก็สามารถดูและอินไปกับเนื้อเร่ืองได้ และอีกหนึ่งประเด็นที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ใครหลายๆ คนเริ่มตั้งคำถามกับสังคมคือ ทำไมคนที่เป็น LGBT จำเป็นต้องเปิดเผยตัวด้วย ทั้งที่มันก็ไม่ได้สำคัญเลยเพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นหรือไม่ เราก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมอยู่ดี
The Danish Girl (2015)
ภาพยนตร์ Romantic, Drama
The Danish Girl เล่าเรื่องของ Transgender คนแรกที่เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศในประวัติศาสตร์ ไอนาร์ หรือลิลี่ (ชื่อในร่างผู้หญิง) เพิ่งค้นพบตัวเองว่าอยากเปลี่ยนแปลงร่างกายผู้ชายของตัวเองให้เป็นผู้หญิง และเธอก็ได้ทำตามความปรารถนาในที่สุด ถึงแม้จุดจบจะไม่งดงามนักก็ตาม
เรื่องราวของเธอทำให้เราเข้าใจถึงเหตุผล ความต้องการ และแรงกระตุ้นว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจแบบนั้น อีกด้านหนึ่งที่เราคิดว่าน่าสนใจคือ เรื่องราวของเกอร์ด้า ภรรยาของไอนาร์ที่แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมา ถึงแม้จะรู้ว่าสามีต้องการเป็นผู้หญิง แต่เธอก็ยังรักและให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของไอนาร์ในฐานะคู่สมรสอยู่เหมือนเดิม ซึ่งมันทั้งหอมหวานและขมขื่นไปในเวลาเดียวกัน
Call Me By Your Name (2017)
ภาพยนตร์ Romantic, Coming of age
ถึงจะไม่ใช่คนรักการดูภาพยนตร์ก็คงต้องเคยได้ยินชื่อเรื่องนี้แน่ๆ เพราะเป็นอีกหนึ่งงานศิลปะที่ผ่านการเรียบเรียงและนำเสนอได้อย่างสวยงามมาก ทั้งดนตรีและองค์ประกอบศิลป์ จนเราแทบไม่สามารถละสายตาไปจากซีนไหนได้เลย ถึงจะไม่ได้เป็นชาว LGBT แค่นั่งดูไปเรื่อยๆ ก็เหมือนได้เสพงานศิลป์ร่วมสมัยดีๆ ชิ้นหนึ่งแล้ว
เรื่องนี้ดูไปอาจจะนึกหมั่นไส้ในความเล่นเนื้อเล่นตัวของตัวละครทั้งสองตลอดการดำเนินเรื่อง ในทุกๆ ฉากก็แฝงนัยยะเรื่องเพศเอาไว้อยู่มากมายผ่านสัญลักษณ์ สิ่งของ และเสื้อผ้า แม้ว่าบางสิ่งจะต้องใช้การตีความเข้ามาช่วยบ้าง แต่องค์ประกอบอื่นๆ ก็สามารถสื่อสารความรู้สึกเอลิโอ้ที่มีต่อโอลิเวอร์ ผู้ช่วยงานคุณพ่อของเขาได้อย่างชัดเจน และสิ่งที่ทำให้เราอยากแนะนำเรื่องนี้คือ สุดท้ายแล้วเนื้อเรื่องทั้งหมดก็ไม่ได้บอกรสนิยมทางเพศของทั้งสองอย่างชัดเจนว่า เขาเป็นเพศอะไรกันแน่ แต่พยายามจะชี้ให้เห็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า นั้นคือความรู้สึกที่ทั้งสองคนมีให้กัน
Blue is the Warmest Color (2013)
ภาพยนตร์ Drama, Coming of age
“เจ็บปวดและงดงาม” คือสิ่งที่เรานิยามให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะต้ังแต่นักแสดง ทีมงาน และองค์ประกอบศิลป์ทั้งหมดทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีมุมมองและภาพที่สวยมากๆ ทั้งที่เนื้อเรื่องไม่ได้มีความสนุก หรือตลกขำขันมากมายนัก
Blue is the Warmest Color เป็นภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องที่มีตัวละครหลักเป็นเลสเบี้ยน โดยดำเนินเรื่องผ่านตัวละคร อเดล ที่เธอกำลังค้นหาคำตอบให้กับตัวเธอเองว่า จริงๆ แล้วเธอต้องการใครกันแน่ เพราะคบหาและมีเซ็กส์กับผู้ชายก็ไม่ใช่ หรือจะชอบผู้หญิงก็ไม่เชิง ถ้าใครอยากรู้คำตอบของเธอก็ลองค้นหาด้วยตัวคุณเองดู แต่คำเตือนสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ มีฉากเซ็กส์ที่โจ่งแจ้งมาก ไม่ควรนั่งดูกับพ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่โดยเด็ดขาด!
Sex Education (2019)
ซีรีส์ Comedy, Drama
เป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะนำเสนอเรื่องเพศศึกษาตามชื่อเรื่องได้ตรงไปตรงมาซะจนผู้ใหญ่หลายๆ คนกลัว ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นทั้งหญิงและชาย ที่มาขอคำปรึกษาเรื่องเซ็กซ์และความเข้าใจเรื่องเพศในประเด็นต่างๆ จากคลินิกลับที่ตั้งขึ้นโดยกลุ่มตัวละครหลัก ด้วยไม่รู้จะหาคำตอบหรือวิธีใดๆ จากที่ไหน เพราะครอบครัวหรือโรงเรียนเองก็แทบไม่เคยพูดถึงเรื่องเพศและเซ็กส์อย่างจริงจัง
นี่จึงเป็นเหตุผลให้โอติส เด็กหนุ่มตัวละครหลักของเราต้องครูพักลักจำความรู้จากคุณแม่ผู้เป็นที่ปรึกษาด้านเซ็กซ์ เพื่อมาช่วยเหลือเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียน ฟังดูแล้วอาจจะรู้สึกว่ามันดูเป็นแนวซีรีส์ที่หลายๆ เรื่องเคยนำเสนอแล้ว แต่สำหรับซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอประเด็นและปัญหาที่เราขอบอกเลยว่าคุณต้องเซอร์ไพร์สแน่นอน
Sense8 (2015)
ซีรีส์ Sri-fi, Drama
จะเป็นอย่างไรเมื่อจิตใจและร่างกายของเราสามารถเชื่อมต่อกับคนอีก 7 คน บนโลกได้ เหมือนเป็นคนๆ เดียวกัน ถ้าคนหนึ่งเจ็บ คนที่เหลือก็จะเจ็บไปด้วย ยังไม่พอดันมีกลุ่มคนที่อยากจับตัวละครทั้งหมดไปทดลองอีก ฟังดูแล้วซีรีส์เรื่องนี้มีความเป็นวิทยาศาสตร์อยู่เยอะมากๆ ซึ่งเราเองก็ไม่ปฏิเสธ เพราะนี้คือจุดเด่นของเรื่องนี้ที่ทำให้น่าสนุกและติดตาม
แต่สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ และฉากบู๊มากมาย คือเรื่องของความเลื่อนไหลทางเพศ อย่างที่เราเคยบอกว่าทั้ง 8 คนจิตใจและร่างกายเชื่อมต่อกัน รวมถึงการมีเซ็กส์ด้วย การมีเซ็กซ์กับใครคนใดคนหนึ่งนั้นคือการมีเซ็กซ์กับคนอีก 7 คนด้วย สิ่งนี้เองทำให้เร่ืองเพศไม่ได้มีความสำคัญต่อตัวละครหลักทั้งหมดเลย
Glee (2009)
ซีรีส์ Musical, Romantic, Comedy
ถ้า Mean Girl คือภาพยนตร์วัยรุ่นที่โด่งดังตลอดกาล สำหรับซีรีส์ก็คงเป็น Glee เพราะนำเสนอประเด็นและปัญหาของเด็กวัยรุ่นช่วงมัธยมฯ ได้อย่างเผ็ดแสบ ทั้งปัญหาท้องก่อนวัยเรียน เด็กติดยา การกลั่นแกล้งในโรงเรียน และเรื่องเพศ ที่ตัวละครมีความเป็น LGBT อยู่เต็มไปหมด นั่นทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ทุกคนสามารถเข้าใจเรื่องเพศได้อย่างง่ายดาย เพราะถูกถ่ายทอดและเล่าด้วยภาษาของตัวละครที่มีีนิสัยใกล้เคียงกับวัยรุ่นในทุกยุคทุกสมัย จนไม่ต้องมานั่งอธิบายกันให้มากความ หรือถ้าใครชอบเสพภาพยนตร์หรือซีรีย์ร้องเพลง Glee ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะร้องกันทุกตอน ทุกซีซั่น จนเรามีลิสต์เพลงน่าฟังได้ไปอีกหลายเดือน
Orange is the New Black (2009)
ซีรีย์ Comedy, Drama
ไม่มีใครอยากติดคุกโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดหรอก ไพเพอร์ก็เช่นกัน ที่ชีวิตแต่งงานกำลังไปได้สวยก็ดันต้องมาโชคร้ายติดอยู่ในคุกหญิงกับนักโทษคนอื่นๆ ที่ดูจะไม่เป็นมิตรกับเธอเลย สำหรับเราสิ่งที่น่าสนใจคือการปรับตัวและวิธีการเอาตัวรอดของเธอ ที่เราแทบจะไม่เคยคิดหรือเคยลองทำในชีวิตจริง
อีกประเด็นหนึ่ง คือ เธอดันเจอแฟนสาวเก่าของเธอที่เคยคบหากัน ทำให้เรารู้ว่าตัวละครหญิงคนนี้เป็น Bisexual ซึ่งเป็นลักษณะตัวละครหญิงที่ไม่ค่อยถูกนำเสนอมากเท่าตัวละครที่เป็นเลสเบี้ยน และเพราะแฟนเก่าของเธอนี่แหละ ที่ทำเอาไพเพอร์เกิดความสับสนขึ้นมาอีกครั้งว่าตกลงแล้วเธอจะเลือกใครระหว่างสามีหนุ่มกับอดีตแฟนสาว จนเราต้องติดตามชมไปเรื่อยๆ
│Text : Sittichai