“ตอนนี้นทอยู่ประจำ 3 ที่ เชียงใหม่ เกาะเต่า และกรุงเทพฯ จริงๆ กรุงเทพฯ เหมือนเป็นเมืองที่ต้องเดินทางผ่าน หลักๆ จะอยู่เชียงใหม่และเกาะเต่า นททำงานศิลปะ งานอนุรักษ์และทำงานดนตรี เล่น Sound ต่างๆ และก็เล่นกับหมา (ยิ้ม)”
เราเริ่มต้นด้วยการอัพเดทชีวิตช่วงนี้ของ ‘นท พนายางกูร’ ที่หลายคนรู้จักในฐานะนักร้องสาวมากความสามารถ ที่ปัจจุบันผันตัวเองเข้าสู่โลกของการสร้างสรรค์งานศิลปะ และงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เกือบเต็มตัว ก่อนจะเข้าสู่ บทสนทนาเรื่องราวความสวยความงามตามแบบฉบับ Beauty First Touch ให้เราได้รู้จักเส้นทางความงามของตั้งแต่ไอเทมชิ้นแรก ไปจนถึงทัศนคติเรื่องความสวยความงามในวันที่เติบโตขึ้น
LIPS : ของบิวตี้ชิ้นแรกที่หยิบมาใช้คืออะไร
นท : ของบิวตี้ชิ้นแรกที่หยิบมาเล่นคือกรรไกรตัดผม เป็นกรรไกรอยู่ในห้องคุณย่า เอามาตัดผมหน้าม้าตัวเอง น่าจะตั้งแต่ตอนเรียนอนุบาลค่ะ ทำให้ตัดผมหน้าม้าเต่อมาตลอด (แม่ว่าไหม?) แม่ก็หัวเราะ แม่ชอบค่ะ และก็รู้สึกว่าตัวเองมีคาร์แรกเตอร์ดี ทุกคนในบ้านมองเราเหมือนตัวโจ๊ก
LIPS : ทำไมตัดผมตัวเอง
นท : นทเป็นเด็กซน ที่อยากตัดอะไรก็ได้ และผมหน้าม้าเป็นสิ่งที่เห็นชัดที่สุด เราก็เลยรู้สึกว่าลองตัดดู ทุกวันนี้ก็ยังตัดผมหน้าม้าตัวเองบ้าง แต่ตอนนี้กำลังพยายามไว้ผมอยู่ จะเป็นสาวผมยาวแล้วค่ะ
LIPS : ของบิวตี้ชิ้นอื่นที่ตามมา
นท : เป็นของคุณแม่ เพราะคุณแม่เป็นสายบิวตี้มากกก เริ่มจากลิปมันเลยค่ะ เห็นคุณแม่ทาลิปมัน เราก็ทาด้วย โลชั่น ครีมทาเท้า และก็พวกเมคอัพ จำได้ว่าเป็นคนแต่งหน้าเร็ว หมายถึงเล่นพวกเครื่องสำอาง เอามาทาตา ทาแก้ม อาจจะเพราะว่าเรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯ เห็นคนอื่นทำ พวกฝรั่งเขาแต่งกันแล้ว เลยแต่งบ้าง เกรด 6 ก็เริ่มใช้อายไลเนอร์แล้ว
LIPS : เคยแต่งหน้าตามใครบ้างไหม
นท : เมื่อก่อนดูยูทูป ชอบตาม Michelle Phan (เมคอัพอาร์ติสชาวอเมริกัน, ยูทูปเบอร์ : Michille Phan) ก็แต่งตามเขา เวิร์คบ้างไม่เวิร์คบ้าง แค่เราว่าเราเป็นคนแต่งหน้าโอเคนะ นทว่าเวลาที่เราแต่งหน้ามันเหมือนวาดรูปค่ะ
LIPS : เมคอัพชิ้นที่ขาดไม่ได้
นท : อายไลเนอร์ค่ะ เมื่อก่อนชอบเขียนมาก เพราะว่าเราตาตี่ แต่ตอนนี้เราพบว่าแค่มาสคาร่าหรือขนตาปลอมดีที่สุดแล้ว แต่ทุกวันนี้ปกตินทไม่ค่อยแต่งหน้า
LIPS : ความไม่มั่นใจในวัยเด็ก
นท : มันต้องมีอยู่แล้ว นทเชื่อว่าเด็กทุกคนเคยมี นทเองก็เคยมี อย่างนทก็เรื่องอ้วน หรือทำไมตรงนี้ไม่สย ไม่มั่นใจเรื่อง Baby Fat ไม่มั่นใจเรื่องเหนียง ที่ขาดความมั่นใจที่สุดน่าจะเป็นเรื่องที่คิดว่าตัวเองขาใหญ่ คิดมาตลอด อาจจะเป็นเพราะว่าคุณแม่ไม่อยากให้เราแต่งตัวโป๊ คุณแม่ก็จะคอยเตือนว่าเธอขาใหญ่นะเธออย่าใส่กางเกงขาสั้นเลย ก็เลยไม่ค่อยกล้าใส่อะไรสั้นๆ ตั้งแต่เด็กๆ ไม่มั่นใจ จะใส่กางเกงบอลหรือว่ากระโปรงยาวๆ หรือว่ากางเกงยาวๆ ปิดไว้ แต่ว่าพอโตขึ้นมารู้สึกว่าขาฉันก็ไม่ได้ใหญ่นี่นา ตอนนี้ก็เลยใส่อะไรก็ได้ค่ะ (ยิ้ม)
LIPS : แล้วในวัยเด็กมีปัญหาเรื่องน้ำหนักไหม
นท : ไม่นะคะ ตอนนั้นที่อ้วนขึ้นมากๆ เพราะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อิตาลีอยู่ 10 เดือน ซึ่งอาหารอิตาลีอร่อยมากกก จำได้ว่าตอนนั้นเราจะตื่นเต้นกับอาหารทุกมื้อ มื้อนี้จะได้กินอะไร เราแฮปปี้มาก รู้สึกว่าอ้วนขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีความสุขค่ะ มีความสุขกับทุกอย่าง มีความสุขกับการกิน
(น้ำหนักขึ้นมากที่สุดกี่กิโลฯ) หูย 50 กว่าๆ เลยค่ะ แบบ 50 ปลายๆ ตอนนี้เราหนัก 44 ซึ่งเป็นน้ำหนักเดียวกับช่วงก่อนไปเรียนแลกเปลี่ยนพอกลับมาไทยมันมาเสียความมั่นใจตอนที่เห็นตัวเองในวิดีโอ เพราะกลับมาก็ประกวด The Star พอดี เป็นช่วงที่กำลังอ้วนๆ เลย พอเห็นตัวเองในวิดีโอ โห… เราเปลี่ยนไปเนอะเหมือนกัน
ก็กลับมาออกกำลังกายค่ะ ‘เตะบอล’ ตอนนั้นเป็นนักบอลทีมโรงเรียนอยู่แล้ว กลับมาออกกำลังกายน้ำนหนักมันก็ลดไปเอง แต่ Baby Fat ก็ยังอยู่นะ ถามว่ากลัวอ้วนไหม นทว่าลึกๆ ก็มีบ้างแหละ แต่เราก็มีวิธีของเรา แต่ถ้าเราเอ็นจอยกับการกิน เราก็ต้องออกกำลังกาย เราต้องบาลานซ์ให้ได้
LIPS : อาหารการกินทุกวันนี้เปลี่ยนไปไหม
นท : เมื่อวานก็ยังกินอาหารอิตาเลียน นทชอบกินพิซซ่า สั่งมากินได้หมดถาด ชอบแป้ง Patina ที่เขาเอาไว้กินกับร็อกเก็ต พาร์ม่าแฮม เอาไปปิ้งกินกับชีส มอสซาเรลล่า หรือกินกับนูเทลล่าก็อร่อย แต่เมนู Patina ไม่ได้กินแล้วเพราะหาที่นี่ไม่ได้ คือเราก็พยายามเปลี่ยนวิธีการกินของเราไป ทุกวันนี้พยายามกินผักเยอะๆ และกินน้ำเยอะๆ
แต่ละวันนทพยายามกินน้ำให้ได้เยอะที่สุด นึกได้เมื่อไหร่ก็กินน้ำ พกกระติกน้ำไปเอง มีน้ำติดตัวตลอด ที่กินน้ำเยอะอาจจะเพราะว่ามาจากเวลาที่เราไปทะเลบ่อย เราอยู่กับเกลือเยอะ อยู่ในน้ำเค็ม ถ้าเราไม่ดื่มน้ำจืด ร่างกายมันเป็นตะคริวได้ มันไม่ดีต่อร่างกาย และมันทำให้ประสิทธิภาพในการออกกำลังกายในน้ำทะเลลดลง
LIPS : พัฒนาการ เรื่องของการแต่งหน้าในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง
นท : แต่งหน้าดีขึ้นเยอะมาก พอเราเข้าวงการบันเทิง เราชวนช่างแต่งหน้าคุย มีคำถามอยู่ตลอดเวลากับทึกอย่าง ก็จะถามเขาเลย เขาก็สอนเราด้วย เราสังเกตเองด้วย ก็เข้าใจแล้วว่าถ้าจะแต่งให้สวยต้องทำแบบนี้ ต้องทำแบบนั้น
LIPS : ถ้าให้บอกจำนวนเมคอัพแต่ละครั้งของนท
นท : มันก็แล้วแต่ว่าเราแต่งหน้าไปไหน อย่างวันนี้มาถ่ายงานกับ LIPS ก็จะแต่งเต็มกว่าปกตินิดนึง เน้นทุกอย่าง ทั้งแก้ม ขนตา ปาก ไฮไลต์ เพราะเราถ่ายบิวตี้นะคะ (ยิ้ม) แต่ถ้าไปถ่ายอะไรที่มันไลฟ์สไตล์ หรือถ่ายมิวสิควิดีโอมันก็จะต้องแต่งอีกแบบ แต่นานๆ ทีนทจะแต่งหน้า เพราะปกตินทไม่ได้แต่งหน้าเต็มมานานมากแล้ว เพราะปกติเราลงน้ำตลอด ก้คือไม่แต่งหน้า อย่างมากก็ทาบลัช และทาน้ำมันมะพร้าว
(ใช้เวลาแต่งส่วนไหนมากที่สุด?) น่าจะไฮไลต์ค่ะ เพราะว่าเราสนุกกับการได้ดูว่าแสงลงตรงไหนของหน้าเรา
LIPS : ถ้าวันไหนแต่งพลาด หรือวิธีแก้ไขเร็วที่สุดของนทคืออะไร
นท : ใส่หมวก ใส่แว่นตาค่ะ จบ (ยิ้ม)
LIPS : นอกจากเมคอัพล่ะ สกินแคร์ของนทคืออะไร
นท : เราทาเซรั่มทุกวัน ก่อนนอนและตื่นนอนตอนเช้า มีเซรั่ม 2 ชนิด ที่เราผสมกัน นวดนึงเป็นเซรั่มที่ข้นกว่าประมาณ 4 ปั๊ม ส่วนอีกขวดเนื้อจะบางใสกว่าใช้ประมาณหยดเดียว ผสมกันใส่มือและทาทั่วหน้าก่อนนอน ส่วนตอนเช้าใช้แค่เซรั่มที่เนื้อข้น 2-3 หยดและทาทั่วหน้า (นทเล่าพลางทำท่าทางผสมให้เราเห็นภาพตาม)
อีกชิ้นที่ขาดไม่ได้… ชอบบำรุงขนตาด้วย เพราะเรารู้สึกว่าตัวเองขนตาน้อยต้องมีเซรั่มบำรุงก่อนนอน
LIPS : ถ้าตามอินสตราแกรม (notep) จะเห็นว่านทไม่อยู่นิ่ง เดินทางบ่อย แบบนี้ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษไหม
นท : ของบิวตี้ที่ต้องพกเวลาเดินทาง อย่างแรกคือแอลกอฮอล์เจล จำเป็นจริงๆ เพราะมือเราแตะหน้าเราได้ตลอด มือเราต้องสะอาดก่อน ไม่อย่างนั้นจะเป็นสิวได้ ต่อมาคือออยล์ทาตัว ด้วยความที่ออกแดดตลอดเวลาก็พยายามลงน้ำมัน นทชอบน้ำมันมะพร้าว หรือออแกนิกอาร์แกนออยล์
ที่ชอบน้ำมันมะพร้าวมาก เพราะมันช่วยป้องกันแตนทะเลด้วย คือเราลงน้ำทะเลตลอด ทาไม่ป้องกันด้วยน้ำมัน มันจะโดนต่อย จะรู้สึกยิบๆ ยับๆ ตลอด และบางทีก็แสบ นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวดีต่อผิวเรา ทำให้ผิวเราไม่ลอกด้วย ช่วยให้ผิวของเราเป็นเฉดสีแทนได้อย่างที่เห็น และที่สำคัญมันไม่ทำร้ายปะการังค่ะ
LIPS : ครีมกันแดดหายไปไหน?
นท : บางทีก็ลืมค่ะ (ยิ้ม) แต่ก็พยายามทากันแดดบ้าง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแม่ด่า คือบางทีเราก็รู้สึกว่าครีมกันแดดมันมีผลต่อปะการัง แต่จริงๆ มันก็มียี่ห้อที่ไม่ส่งผลร้ายอยู่เยอะ หลักๆ ที่ไม่ได้ทาก็คือลืมคะ (หัวเราะ)
LIPS : หมายความว่านทใส่ใจเรื่องส่วนผสมที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมด้วย สิ่งนี่เริ่มให้ความสำคัญตั้งแต่เมื่อไหร่?
นท : เริ่มมานานแล้วค่ะ เมื่อก่อนเริ่มจากการดูว่าผลิตภัณฑ์ไหนทดลองกับสัตว์ นทจะไม่ค่อยซัพพอร์ต ไม่ค่อยใช้ และดูส่วนผสมที่ค่อนข้างมาจากธรรมชาติเป็นหลักด้วย มันแย่ สงสารสัตว์เหมือนปะการังก็เช่นกัน ปะการังก็เหมือนต้นไม้ ปลาก็เหมือนพวกเรา แค่กลับด้านกัน เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลธรรมชาติ
LIPS : อินกับการลงทะเลมากขนาดนี้ ไม่ห่วงสวยเหรอ โดยเฉพาะเรื่องของสีผิว
นท : นทว่าการลงทะเลก็เป็นเคล็ดลับบิวตี้หรือเปล่า ไม่รู้สิ… เวลาไปทะเลแล้วเรารู้สึกสวยขึ้น ไม่รู้ทำไม ผิวหน้าก็รู้สึกดีขึ้น สิวก็ลดลง หรือเป็นผลจากน้ำเกลือหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ
ส่วนเรื่องผิว นทว่าแล้วแต่ผิวของแต่ละคนด้วย นทว่าตัวเองโชคดีที่ผิวค่อนข้างแข็งแกร่งทนทานต่ออะไรต่างๆ ต่อแสงแดด ซึ่งนทชอบผิวสีนี้มาก คนรอบข้างก็ชอบเหมือกัน บอกว่าสีนี้ดี เข้ากับเรา ก็จะมีคุณแม่ที่บอกว่าอยากให้ขาวขึ้นอีกหน่อยก็ได้ ส่วนคุณยายไม่ค่อยเก็ทเท่าไหร่ แต่นอกนั้นคนอื่นๆ บอกว่าดีค่ะ
ไม่เคยสังเกตเลยนะว่าผิวเปลี่ยนไปกี่เฉด แต่เราจะเห็น tan line ของตัวเองที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีเลเยอร์ 1 2 3 มันเกิดจากเราเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ แต่ละชุดก็มี tan line ไม่เหมือนกัน มันก็จะเห็นโทนผิวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เจ๋งดีค่ะ
ยังห่วงสวยนะ แต่ก็รักสนุก เรามันกับทุกกิจกรรมที่เราทำ เราได้ free dive ได้ลงไปอนุรักษ์ใต้น้ำ ปีนเขา อยู่ทะเล ไปนู่นไปนี่ ได้แผลบ้างนืดหน่อยก็ค่อนข้างผาดโผน ปล่อยให้มันหายเองค่ะ และพยายามทาออยล์เยอะๆ บอดี้ ออยล์ เหมือนเป็น SOS Item พยายามทาตลอดทั้งผิว และผมด้วย ประกอบกับเซรั่ม (ยิ้ม)
LIPS : ใช้ชีวิตไปกับการอนุรักษ์และอยู่กับธรรมชาติตลอด มีผลต่อมุมมองความสวยไหม
นท : เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ อย่างเมื่อก่อนเราชอบมองคนที่รูปลักษ์ภายนอก คนนี้สวยจัง มองแค่ว่าหน้าตี มอง Physical สวยทุกมุม มีความเป๊ะ เมื่อก่อนเห็นแบบนี้และบอกว่าสวยเลย แต่พอมาตอนนี้เรารู้สึกว่าความสวยมันต้องมองข้างในลึกมากๆ เลย ไม่จำเป็นต้องภายนอก
LIPS : ทุกครั้งที่ส่องกระจกความรู้สึกวันนี้ กับเมื่อก่อนเป็นอย่างไร
นท : ตอนนี้รู้สึกว่าเราแฮปปี้ทุกครั้งที่ส่องกระจก เมื่อก่อนก็มีบ้างที่รู้สึกว่าอยากให้ส่วนนี้เป็นแบบนี้ ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่บ้าง แต่ไม่ค่อยยึดติดกับมันมากแล้ว
LIPS : วันนี้อายุเท่าไหร่แล้ว
นท : ตอนนี้อายุ 27 ค่ะ
LIPS : อีกไม่กี่ปีก็ 30 อายุที่สาวๆ หลายคนกังวล นทเคยคิดไหมว่าจะเป็นสาววัย 30 แบบไหน
นท : อ๋อ เราไม่กลัวค่ะ เพราะเรารู้ว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีดีค่ะ (หัวเราะ) เรื่องอื่นๆ ก็ไม่กลัว เพราะเรารู้สึกว่าพอโตขึ้น เรายิ่งเจนโลก ยิ่งฉลาดขึ้น อายุมันก็แค่ตัวเลข คือสนุกกับทุกอายุจริงๆ
อยู่วงการบันเทิงมากตั้งแต่อายุ 17 ก็อยู่มาสิบปีค่ะ ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่วงการเท่าไหร่นะ รู้สึกว่าเราอยู่ในโลกที่เราเลือกเอง นทว่าตัวเองมีหลายโหมดมากเลย แต่มันก้สนุกดี เหมือนเป็นบาลานซ์ของกันและกัน ถ้าเรามีแค่โหมดเดียว โหมดใดโหมดหนึ่งมันก็ไม่สนุก มันไม่ได้ลองทุกๆ ด้าน ไม่มีบาลานซ์
LIPS : ด้านที่รู้สึกว่าไม่ดีกับตัวเองคืออะไร
นท : น่าจะเป็นส่วนของการเป็นดีเจตอนกลางคืน ตามเฟสติวัลยังสนุกนะ แต่ถ้าเป็นผับ บาร์มันเป็นที่อโคจร ควันบุหรี่เยอะ คนเมาเยอะ ต้องอดนอน เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่เราต้องการ เราอยากอยู่บ้านมากกว่า จริงนทเป็นสายอยู่บ้าน ไม่ใช่สายปาร์ตี้เลย แต่นานๆ ทีเราก้ปาร์ตี้ได้ ทั้งที่ไม่กินเหล้านะ เราไม่ชอบรชาติ เราไม่ชอบความรู้สึก แต่เวลาไปกับเพื่อนเราเมาดิบได้ เราสามารถดึงพลังงานคนอื่นมาใส่ตัวเราได้
LIPS : นทมีทำงานด้าน Healing ด้วย ยังทำอยู่ไหม
นท : การ healing เป็นในแง่ศิลปะสำหรับนทมากกว่า เป็นซาวด์ เป็นเวิร์คช็อปบ้าง ก็มีงานติดต่อเข้ามาเรื่อบๆ เดี๋ยวก็จะมีจัดอีกเป็น session ค่ะ ทั้ง sound bath หรือ movement meditation ก็ยังมีคนติดต่อมาเรื่อย นทว่าทุกครั้งที่เราช่วย heal คนอื่น เราก็ได้ heal ตัวเองด้วย เราเข้าใจตัวเองไปด้วย มันเหมือนมีแต่พลังงานดีๆ ออกมาเยอะ
LIPS : ในแง่ของการเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นเรื่องการใช้โปรดักส์ต่างๆ ทั้งเรื่องบิวตี้ หรือเรื่องอื่นในชีวิตประจำวัน นทจะแนะนำอย่างไร
นท : หนึ่งเลยคือเรื่องแพคเกจจิ้ง เพราะส่วนใหญ่มันก็เป็นพลาสติก ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อยสลายยากมาก ใช้เวลานานมาก ขยะหลักๆ ที่อยู่ในทะเลส่วนใหญ่ก็คือพลาสติก ในอนาคตมันจะกลายเป็นไมโครพลาสติก ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งที่เข้ามาอยู่ในตัวเราได้ในอนาคต เพราะฉะนั้นเรื่องของแพคเกจจิ้ง ถ้าเลือกได้อยากให้เลือกเป็นแก้ว กระดาษ หรืออะไรที่ทนอยู่นาน ใช้การรีฟีลบ่อยๆ แทน โดยเฉพาะอะไรที่เราใช้บ่อย เช่น แชมพู สบู่ เน้นการรีฟีลแทนที่จะต้องซื้ใหม่ตลอดเวลา หรือถ้าเป็นพลาสติกก็เลือกแบบที่มันใช้ได้นานๆ
เรื่องของส่วนผสม อันนี้แน่นอนว่ามนุษย์ไม่ได้ออกแบบมาให้โดนสารเคมหรืออะไรย่างนี้อยู่แล้ว เพราะฉพนั้นโปรดักส์ที่ส่วนผสมมาจากธรรมชาติ มันดีต่อผิวเรามากกว่า
LIPS : ถ้ามีแบรนด์บิวตี้ของตัวเอง
นท : ก็คงเป็อะไรอะไรที่มันดีต่อโลก คงเป็นพวกรีฟิลค่ะ หรือทำเป็น Limited Edition ที่ทำน้อยมากๆ และจะขายให้แพงมาก เอารายได้ทั้งหมดไปทำอะไรดีๆ
เมื่อก่อนเคยคิดจะทำนะ เคยอยากทำขนตาปลอม ลิปสติกแบบเอาให้มี 10 เฉดสีไปเลยยย (ยิ้ม) สมัยที่ยังไม่ได้มาทำงานอนุรักษ์ขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกไปเพราะว่าทำงานอนุรักษ์นี่แหละค่ะ เรากลับไปคิดว่า ตายแล้ว เราต้องใช้แพคเกจจิ้งเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ซึ่งเราไม่รู้ว่าแพคเกจจิ้งมันเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมยังไง ไม่รู้ตัว ตอนนั้นยังสนุกกับมันมาก ลิปสติกที่จะทำต้องสิบเฉดยี่สิบเฉดไปเลย แต่พอเราเริ่มรู้ปุ๊บ เราเข้าใจ เราไม่ได้ทิ้งไปทีเดียวนะ แต่ค่อนๆ ลด
LIPS : อะไรทำให้ความคิดเปลี่ยนไป
นท : ด้วยตัวเราที่โตขึ้นด้วย และคนรอบข้างมีส่วน โดยเฉพาะพี่แพร-แพรี่พาย พี่แพรแชร์ให้ฟังตลอด เขาเป็นสายอนุรักษ์เหมือนกัน เขาเองก็เลิกสายบิวตี้ไป ที่เขาเลิกทำสายบิวตี้เพราะว่ามันคือสินค้าเดิมๆ แค่เปลี่ยนแพคเกจจิ้งไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันหมดอายุ มันกลายเป็นขยะ
นทว่ายุคสมัยนี้นิยามคำว่าสวยงามมันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปด้วยคัลเจอร์ของเรา ทั้งเรื่องการมองว่าเพศเป็นอย่างไร ศาสนา เทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งนักอนุรักษ์เอง เพราะฉะนั้นเราไม่ยึดติดกับคำว่าสวยแล้ว และก็รู้แค่ว่าความสวยก็คือความดี ถ้าเราดีเราก็สวย ไม่ต้องไปยึดกับมันมาก และก็อยากให้เปิดใจและเปิดมุมมองให้มากๆ กับคำว่าสวย เพราะทุกอย่างมันสวยได้หมด ไม่มีอะไรที่บอกว่าอะไรที่สวย อะไรที่ไม่สวย
┃Photo: SOMKIAT K.