จัดว่าเป็นคู่รักนักเดินทางที่หลายคนบอกว่า มีไลฟ์สไตล์ที่เข้ากันสุดๆ แต่แท้จริงแล้วในโลกของการเดินทางของคนทั้งคู่นั้นมีความแตกต่างที่ซ่อนอยู่
“สมัยก่อนผมจะมีโอกาสไปเที่ยวในสามรูปแบบ คือ หนึ่งคลื่นวิทยุพาไปเที่ยว ไปทำรายการ ไปโปรโมทโปรดักต์ แบบที่สองคือทัวร์ไปกับไกด์ แบบที่สามคือไปช้อปปิ้ง สามอย่างนั่นคือสไตล์ (หัวเราะ) ในตอนแรกผมเป็นคนไม่เที่ยวเลยครับ ผมจะชอบอยู่บ้าน ชอบซื้อของเข้าบ้าน ชอบช้อปปิ้ง ชอบแต่งบ้าน ชอบแต่งตัว แต่ผมเคยได้ยินมาตลอดว่า การท่องเที่ยวคือการเรียนรู้ และมันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชีวิตของคนเรา ผมก็พยายามหาคำตอบ และเริ่มรู้สึกว่าอยากออกเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบอย่างจริงจังเสียที
…จนผมได้มาทำงานร่วมกับแก้ว ได้เล่นละครด้วยกัน เรารู้จักกันในฐานะเพื่อนมาก่อน ในสายตาของผมแก้วเป็นผู้หญิงน่ารัก ตลก มีอารมณ์ขัน แก้วจะมีกลุ่มเพื่อนของเขาเป็นแก๊งที่สนิทกัน ก็คิดว่าถ้าเราได้ไปเที่ยวกับแก๊งนี้ต้องสนุกแน่นอน แล้วเมื่อปีก่อนเป็นจังหวะพอดีที่แก้วกับเพื่อนกำลังจะไปฝรั่งเศส เราก็ขอติดสอยห้อยตามไปด้วยคนสิ ในตอนนั้นผมเป็นนักเดินทางสายแปะ แปะไปกับเขาครับ (หัวเราะ)
“จนถึงตอนที่เราได้ไปเที่ยวฝรั่งเศสด้วยกันจริงๆ ผมได้ไปเจออีกมุมหนึ่งของแก้ว แก้วเป็นคนที่ถ่ายภาพได้สวยมากๆ ครับ จากรูปที่แก้วถ่ายมันทำให้ผมเริ่มมองเขาในอีกแบบ แก้วไม่ใช่แค่เป็นนักแสดง หรือนักร้องคนหนึ่ง แต่จริงๆ แก้วมีความเป็นอาร์ติสท์ มีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวสูง”
…ส่วนตัวผมก็ชอบถ่ายภาพเหมือนกัน แต่ผมจะชอบถ่ายคนเป็นแนวแฟชั่น ผมเลยเริ่มสนใจวิธีการถ่ายภาพของแก้ว ก็เริ่มคุยเริ่มศึกษาจากเขาว่ามีมุมมองอย่างไรในเรื่องของการถ่ายภาพ หรือมีเทคนิคการแต่งรูปอย่างไร ก็ได้นั่งคุยกันไปยาวๆ ในช่วงที่เรานั่งรถไฟจากปารีสไปโพรวองซ์ ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับจากผู้หญิงคนนี้คือเขาสามารถเดินทางคนเดียวได้ เขาเป็นนักเดินทางตัวจริง”
เราเชื่อว่า แก้ว-จริญญา มีจิตวิญญาณของการเป็นนักเดินทางตัวจริงดังที่โทนี่กล่าว เพราะภาพถ่ายที่สาวแก้วเลือกโพสลงในอินสตราแกรมส่วนตัวกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นรูปทริปเดินทาง ที่ล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวที่สวยงาม และดูมีชีวิต
“แก้วรู้สึกว่าในวันที่เรายังแข็งแรง เรายังเที่ยวได้สนุกอยู่ ก็อยากจะออกไปมองดูโลกกว้าง อยากมีชีวิตอิสระ เพราะถ้าเราเอาแต่ทำงานเก็บเงินๆ แล้วอยู่มาวันหนึ่งร่างกายเราไม่ไหว เราไปเที่ยวก็คงไม่สนุกแล้ว นอกจากนี้สิ่งที่จุดประกายให้แก้วเริ่มออกเดินทางอย่างจริงจัง มันเกิดขึ้นจากรูปถ่ายที่ได้เห็นในหนังสือบ้าง ในอินเทอร์เน็ตบ้าง รวมถึงพวกบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวต่างๆ โดยแก้วตามฟอลโลว์บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวที่ชื่อ doyoutravel (Jack Morris) คนนี้อยู่ค่ะ
…แก้วชอบ Jack Morris เพราะเขาเดินทางไปในที่ที่แปลกใหม่ แล้วยังถ่ายรูปได้สวยมากๆ ทั้งมุมมองการจัดวางองค์ประกอบภาพ ทุกอย่างดูน่าสนใจไปหมด ซึ่งทุกครั้งที่ได้เห็นรูปของเขาแล้ว มันทำให้แก้วรู้สึกอยากไปในที่สวยๆ แบบนั้นบ้าง อยากไปเห็นภาพความงดงามด้วยตาตัวเอง ซึ่งส่วนตัวแล้วแก้วไม่ชอบการท่องเที่ยวแบบทัวร์ ชอบเดินทางแบบลุยด้วยตัวเองค่ะ แก้วชอบวางแผนการเดินทางด้วยตัวเอง โดยส่วนมากชอบเที่ยวในเมืองก่อนสัก 2-3 วัน แล้วไปอยู่กับธรรมชาติ 10 วัน”
“จากการที่เราสองคนชอบเที่ยวกันมากๆ และเราเริ่มเดินทางกันบ่อยขึ้น เราเลยเริ่มต้นทำรายการ PHOTOGLOBE ขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยคำว่า PHOTOGLOBE เป็นคำแสลงมาจากคำว่า PHOTOGRAPH โจทย์มาจากการที่เราเดินทางรอบโลกก็เพื่อตระเวนถ่ายรูป โดยแก้วจะเป็นคนวางแผนในแต่ละทริปเดินทางว่าเราจะไปไหน และจะไปถ่ายภาพ และถ่ายรายการตรงไหนในวันนั้นๆ บ้าง”
…สถานที่ที่เราเลือกไป เรามี Reference จากรูปที่เราชอบในใจ หรือหากเราเจออะไรที่น่าสนใจในระหว่างทาง เราก็จอดรถแล้วลงไปเก็บภาพกลับมา ซึ่งความท้าทายของการถ่ายภาพ แก้วคิดว่า มันอยู่ที่ว่าเราจะ Represent ภาพให้ออกมาแบบไหน แล้วบางแห่งที่เราไปอาจมีคนค่อนข้างเยอะ เราต้องอาศัยจังหวะ เวลา ต้องใช้ความพยายาม และมุมมองในการถ่ายภาพที่ดี และเมื่อเราถ่ายภาพจนได้รูปที่ถูกใจแล้ว เราก็จะลงรูปในอินสตาแกรม ซึ่งเรารู้สึกตื่นเต้นกันมากค่ะว่า จะได้รับฟี้ดแบ็คอย่างไรจากคนดู ซึ่งหลายคนถามว่าเราใช้แอฟแต่งรูปหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าใช้นะคะ อย่าง Lightroom เพราะบางทีการแต่งรูปมันช่วยได้เยอะเหมือนกัน แต่เราแค่แต่งให้มันดูมีชีวิตชีวา ดูมีมิติขึ้นเท่านั้น ให้อยู่ในความพอดีค่ะ”
“เรามีการคิดคอนเซ็ปต์ในเรื่องของการแต่งตัวด้วยว่า วันนี้ตรงนี้ที่เราจะไป เราจะแต่งตัวกันแบบไหน อย่างที่ไอซ์แลนด์ที่ที่เราไปมันเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Interstellar เป็นภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางในอวกาศ ชุดที่เราสวมใส่ก็ต้องให้อารมณ์เหมือนเราไปเที่ยวนอกโลก หรือคล้ายกับนักวิทยาศาสตร์ในองค์การนาซ่า เหมือนเราต้องทำงานที่มีความครีเอทีฟสูงอยู่เหมือนกัน เราก็พยายามคิดคอนเซ็ปต์ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับสถานที่เหล่านั้น แล้วค่อยถ่ายมันออกมาครับ”
“ส่วนเสื้อผ้าถามว่าเราเตรียมกันไปเยอะมากไหม น้อยลงนะคะ (หัวเราะ) เหมือนเป็นการ Reuse มากกว่า เอาของเก่ามาใส่ นำมามิกซ์แอนด์แม็ตช์กันค่ะ นอกจากการ Reuse แล้ว ในเวลาที่เราเดินทางไปในที่ต่างๆ เราเลือกที่จะใส่ชุดท้องถิ่น หรือชุดพื้นเมืองที่มีในพื้นที่นั้นๆ ด้วย” ฝ่ายหญิงเสริม
“ทุกชุดที่เราเลือกใส่ เราเลือกที่จะสนุกกับมัน เราก็สนุกกับแฟชั่นในแบบที่เราคิดได้ แก้วก็ให้พี่โทเป็นสไตลิสต์ ถามเราว่าเหนื่อยที่จะแต่งตัวกันไหม ไม่เลย ชอบมากๆ ค่ะ”
ส่วนแพลนการเดินทางในร้อนนี้ ทั้งสองตั้งใจจะออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยในแบบแคมป์ปิ้ง
“จากการที่ผมมีโอกาสได้โรดทริปกับแก้วหลายๆ ที่ ผมรู้สึกมีความสุขมากเลย ก็เลยอยากโร้ดทริปในไทยบ้าง รู้สึกว่าเราขับรถในต่างประเทศได้ไกลขนาดนี้เราลองมาขับในไทยดูบ้างไหม อย่างล่าสุดเราได้ไปแม่ฮ่องสอนมา โค้งกว่าสี่พันกว่าโค้ง สนุกก็สนุก เวียนหัวก็เวียนนะ แต่การได้ผจญภัยแบบนี้นี่ล่ะมันคือคอนเซ็ปต์การเดินทางของเรา
…อย่างที่บอกว่าเวลาเราไปท่องเที่ยวในแต่ละที่ เราต้องมีคอนเซ็ปต์ในการเดินทางที่แปลกใหม่ ถ้าเกิดเราเดินทางในไทย แล้วขึ้นเครื่องไป แล้วไปพักที่รีสอร์ท ก็คงไม่สนุก เลยเลือกเอารถยนต์โฟร์วีลขับกันไป แล้วก็ติดเต้นท์ข้างบนรถ ขนข้าวของอุปกรณ์เกี่ยวกับแคมป์ปิ้งไปให้พ้อม แล้วออกเดินทางสู่จุดหมาย ซึ่งเราจะออกเดินทางไปทั่วประเทศไทย ไปลำปาง ไปเชียงใหม่ ไปกาญจนบุรี ไปทุกที่ล่ะครับ เราไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าร้อนๆ แบบนี้ถ้าจะไปทะเลก็น่าจะไปเกาะช้างครับ ซึ่งการไปแคมป์ปิ้งผมเลือกความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง
…ทุกวันนี้การเดินทางมันเข้ามาเปลี่ยนชีวิตเรา และแก้วได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดวิธีการเที่ยวของผมไปเลย ชอบมากครับ เป็นอิสระ เที่ยวแบบนี้อิสระมาก เราอยากจะแวะก็แวะ เราอยากจะอยู่ตรงนี้นาน หรืออยู่ตรงนั้นแค่นาทีเดียวก็ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเราจริงๆ ครับ”
ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสารลิปส์ ฉบับมีนาคม 2563
│Photography : Nucha J.
│Styling : Anansit K.