Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

‘ไมค์-ภัทรเดช’ กว่าจะมาเป็นพระเอกแถวหน้าเจ้าของหุ่นสุดฮอตในวันนี้

Interview / People

     ขโมยหัวใจคอละครไปได้ตั้งแต่ได้รับบทบาท “เสือผา” ในละครฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง “มธุรสโลกันตร์” ทำให้เกิดกระแส #เมียโจร ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทะลุกระแสของซีรีส์วายที่ยึดครองอันดับเทรนด์ทวิตเตอร์อย่างเหนียวแน่นมาโดยตลอด ดังนั้น ถ้าจะเรียกว่า ไมค์-ภัทรเดช เป็นพระเอกละครที่ครองเรตติ้งมาเป็นลำดับต้นๆ ในค.ศ. นี้ก็คงไม่ผิดสักเท่าไร เพราะถ้าดูจากงานละครที่จ่อคิวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง งานแฟนมีทที่อบอุ่นไปด้วยพลังรักจากแฟนคลับที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน นั่นแสดงให้เห็นว่า ไม่เพียงแต่มีฝีมือ แต่เขายังมีเสน่ห์ที่สามารถทำให้แฟนละครตกหลุมรักจนมีบ้านแฟนคลับเป็นกลุ่มก้อน

     เราขอพาลิปสเตอร์ไปเรียนรู้แบบเจาะลึกในเส้นทางชีวิตของพระเอกหนุ่มสุดฮอตที่ต้องถอดเสื้อทีไรทำเอาสาวๆ หายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนอ่านบทสัมภาษณ์เตรียมใจไว้ให้ดีๆ เพราะบอกเลยว่า ผู้ชายคนนี้แซ่บเกินต้าน ร้ายเกินคาด แต่ก็น่ารักเกินห้ามใจไม่ให้หลงรัก

     “ตอนเด็กๆ พ่อแม่เลี้ยงผมแบบเด็กเอาแต่ใจ ตามใจทุกอย่าง อาจจะเป็นเพราะผมน่าจะเป็นลูกหลง เป็นลูกคนเล็ก อายุห่างจากพี่ๆ ราวๆ 11 ปีเห็นจะได้ ยังไง ตอนเด็กๆ คุณแม่รักมาก แล้วผมมีความรู้สึกว่า ผมต้องเป็นที่รัก ผมต้องเป็นที่หนึ่ง ผมเคยแกล้งเพื่อนอยู่หลายวีรกรรมมาก ครั้งที่พิเรนทร์มาก คือ ตอนอยู่ประมาณชั้นป.3 – ป.4 มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นเด็กใหม่แล้วเขานิสัยดีมาก เพื่อนทุกคนรักคนนี้มากเลย จากผมที่เป็นที่รักของเพื่อน กลายมาเป็นคนนี้แทน ผมยอมไม่ได้ แล้วเป็นเด็กใช่ไหม ผมก็เอาสีไม้ของเขามาโยนทิ้งเลย แล้วยังฉี่ใส่ของเขาด้วยนะแต่เราก็รับผิดชอบเขานั่นแหละ แต่สุดท้ายแม่ก็เลือกที่จะเชื่อเราว่า เราก็ใส่ไฟเขาว่า เขาไม่น่ารัก อย่างนั้นอย่างนี้ ตอนเด็ก ๆ นิสัยเสียมาก”

     ถึงจะถูกเลี้ยงมาแบบเด็กสปอยล์เต็มขั้น แต่เมื่อถึงจุดที่ตระหนักได้ว่า เพื่อนรอบตัวเริ่มร่อยหรอไปเรื่อยๆ เขาก็เริ่มปรับตัวจนมาเป็นที่รักของเพื่อนๆ ได้อีกครั้ง แต่จุดเปลี่ยนในชีวิตที่ทำให้อดีตเด็กเอาแต่ใจอย่างเขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว คือ เมื่อเขามีโอกาสได้ไปร่ำเรียนที่ประเทศจีน

     “ก่อนหน้านั้นช่วงเรียนปริญญาตรี มันเป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผมต้องเรียนที่จีน 2 ปี เรียนที่ไทย 2 ปี ได้ปริญญา 2 ใบ แต่ไปก็จะเรียนยากกว่าที่นี่ เพราะมันไม่มีภาษาไทยเลย ผมก็เลือกที่จะไป แล้วทีนี้ตอนประมาณปี 2 ปี 3 ที่บ้านผมเริ่มธุรกิจไม่ดี ก็มีปัญหาเรื่องค่าเทอม ทำให้ผมต้องโทรไปขอเงินญาติ ทางที่บ้านก็เคยรบกวนหลายครั้งแล้ว ผมเลยจัดการเอง เพราะผมสนิทกับตั่วโกอยู่แล้ว ผมโตขึ้นเพราะว่ามันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นในบ้านผม

     …จริง ๆ ผมมีความฝันอีกแบบหนึ่ง นอกจากวงการบันเทิง ผมอยากจะอยู่ประเทศจีนต่อ ผมได้ทุนเรียนฟรีในหลายๆ มหาวิทยาลัยที่จีน เรียนสาขาอะไรก็ได้ ตอนนั้นผมเรียนสาขา Business Chinese ธุรกิจภาษาจีน แล้วเพื่อนบางคนก็ไปทำงานหลากหลาย ผมชอบภาษาจีน ผมมีเพื่อนคนจีนเยอะ ผมชอบคนจีน ผมก็อยู่ประเทศจีนก็มีความสุขดี แต่ว่าด้วยครอบครัวเรามีปัญหาเรื่องการเงิน ผมเรียนจบปี 4 เสร็จ ผมก็เลยต้องมาทำงาน แล้วพอดีมีคนติดต่อผม งานวงการบันเทิง ก็ปรึกษาที่บ้าน โอเค คิดว่ามันเป็นโอกาส เพราะถ้าผมไปทำงานปกติ กว่าจะมีเงินเดือน กว่าจะดูแลพ่อแม่ได้ มันก็คงต้องใช้เวลา ผมก็เลยมาทำงานในวงการบันเทิง ก็เป็นจุดทำให้เราโตขึ้น เพราะเรามีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น”

     ด้วยความจำเป็นเรื่องเศรษฐกิจของทางบ้านทำให้เขาต้องพับความฝันของตัวเองเก็บเข้าลิ้นชักไว้ก่อน แล้วเลือกลองชิมลางในวงการบันเทิงด้วยการเดินสายประกวด เดินแบบ แคสต์ติ้งละคร จริงอยู่ว่า ได้รับเลือกบ้าง แต่ก็ไม่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำอย่างที่ใครๆ คิดว่า คนหน้ากล้องน่าจะได้

     “ตอนนั้นเฉลี่ยแล้วเนี่ย ผมได้เดือนละหมื่นเดียวเอง เมื่อเทียบกับค่าขับรถไปมันไม่คุ้มเลย มันก็มีจุดที่ให้คิดว่าเอ๊ะ มันใช่เราหรือเปล่า เสียดายมาก ผมนั่งดูเฟซบุ๊กเพื่อนตลอดเลย นั่งดูเพื่อนเขาไปถึงไหนแล้ว ตอนนั้นผมทำงานได้ประมาณ 2-3 ปีแล้ว ถ่ายละครเนี่ย แต่ว่าผมมา ผมไม่ได้เป็นพระเอกเลย มาเล่นเรื่องแรกเป็นพระรอง ละคร 11 โมง แล้วก็มาเป็นพระรองละครหลังข่าว แล้วก็พระรองก่อนข่าว กว่าจะได้ขึ้นเป็นพระเอกหลังข่าว ก็ใช้เวลาหลายปี”

     เขายอมรับว่า ไมค์-ภัทรเดช คงไม่มีวันนี้ถ้าเขายังคงมีแนวคิดในการทำงานแบบเดิมอยู่

“ระหว่างทางที่เราทำงาน ตัวตั้งของเราผิด เราไปตั้งที่เอาเงินเป็นตัวตั้ง การทำงานมันเลยเหนื่อย เพราะเราไม่ได้อินกับงานที่เราทำ มันไม่มีความสุข”

     คิดแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน สีหน้าของเราขณะถามคำถามนี้เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

     “คิดได้เมื่อตอนถ่ายละครเรื่องคมพยาบาท วันนั้นผมก็นั่งท้อมาก เพราะเวลาไปกองผมต้องโดนคนด่าทุกวัน เพราะเราเป็นเด็กใหม่ เล่นละครไม่ดีก็ต้องโดนด่า อาจจะมีประชดประชันบ้าง เหมือนเราทำให้กองฯ ช้าด้วย แล้วมันทรมานมาก ต้องมาลุกขึ้นสู้ทุกวัน เพราะหนีมันไม่ได้อยู่แล้ว

     …จนมีวันหนึ่งคุณแม่มาอยู่ด้วยที่คอนโดฯ ผมก็นั่งทอดอารมณ์อยู่หลังห้อง ท้อมาก ไม่อยากทำอะไรแล้ว เหนื่อย พอมองผ่านผ้าม่านเห็นแม่อยู่ในห้อง ก็เริ่มคิดอะไรได้หลายอย่าง ผมเบื่องานที่ผมทำ ไม่มีความสุข แต่ผมลืมมองตัวเองว่า ทุกสิ่งที่ผมมีในวันนี้ เพราะงานที่ผมไม่มีความสุข งานที่ผมไม่ได้รัก ผมเลยมานั่งถามตัวเองว่า ทำไมผมไม่ลองตั้งใจทำมันจริงๆ ผมอาจจะได้อะไรมากกว่านี้ก็ได้ ผมก็เลยกลับมาตั้งใจทำงาน โดยเริ่มต้นจากไปเรียนการแสดงเพิ่ม

     …ผมชอบตัวเองอย่างหนึ่ง ผมเป็นคนยอมรับตัวเอง ผมไม่ถนัดอะไร ผมยอมรับตัวเอง แล้วผมต้องพัฒนา ต้องเอาชนะมันให้ได้ ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม ย้อนกลับไปตอนที่ผมเรียนที่จีน ตอนนั้นผมอยู่อันดับท้ายๆ ของห้องเลย เพราะว่าตอนปีหนึ่งแฟนผมทำการบ้านให้หมดเลย เขารักผมไง เขาเลยทำให้ ผลลัพธ์ คือ เขาได้อันดับหนึ่ง ผมอยู่อันดับท้ายๆ แล้วผมรู้สึกอาย ถ้าผมไม่สู้ ผมก็ต้องกลับบ้าน เพราะที่จีนเขาโหดมาก ไม่มีหยวนๆ น่ะ ผมก็เลยตั้งใจว่า จะลองสู้อีกสักครั้งหนึ่ง ผมใช้เวลา 4 เดือนในการอ่านหนังสือ ผมนอนตั้งแต่ 3-4 ตื่นตี 5ทุกวัน เพื่ออ่านหนังสือทุกเช้า จากอันดับบ๊วยของห้อง จนมาถึงผมได้ทุนอันดับสองของประเทศจีน สิ่งนี้มันยิ่งมาตอกย้ำผมว่า ผมรู้จักชีวิตมากขึ้นแล้ว ถ้าคนเราตั้งใจทำอะไรสุดกำลัง มันต้องได้แหละ”

     แน่นอนว่า ใบหน้าหล่อเหลา กับหุ่นสุดเพอร์เฟ็กต์ที่มาจากการดูแลตัวเองอย่างดีนั้นคงสูญเปล่า หากเขาไม่ได้ฉุกคิดขึ้นมาได้ในวันนั้น เราคงไม่ได้เห็นเขาในบทบาท “เสือผา” จากละครเรื่องมธุรสโลกันตร์ ที่ทำให้เขาสะสมฐานแฟนคลับได้อย่างมหาศาล และแฟนคลับของเขาคงจะพลาดโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับนักแสดงหนุ่มที่ทุ่มเทและใส่ใจในแฟนด้อมของเขาอย่างสุดกำลัง

     “ผมมีความสุขกับการทำให้แฟนคลับมีความสุขมากๆ ทำอย่างไรให้เขาเซอร์ไพรส์ที่สุด Fan Meeting ที่ผมจัดขึ้นมาไม่ใช่เฉพาะความบันเทิง แต่เพราะชีวิตที่ดีขึ้น ชีวิตที่มีความสุขของทุกคน แน่นอนวันนี้คุณมา คุณมีความสุข คุณได้มาเจอผม มากกว่านั้นคุณคงไม่คิดล่ะสิว่าคุณจะได้ถ่ายรูปกับผมทุกคน แต่นั่นคือสิ่งที่ผมจะทำ เขาได้มากกว่าสิ่งที่เขาคิดแล้ว และผมยังได้ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตด้วย ผมก็เตรียมอะไรไปแชร์ หลายคนก็ direct message มาหาผมเยอะเลยว่า “ขอบคุณมาก พี่ทำงานมีความสุขมากขึ้นเลยน้องไมค์ พี่ไม่เคยทำงานมีความสุขมาเกือบสิบปีแล้ว แต่วันนี้พี่ไปทำงานมีความสุขมากเลย พี่เอารูปน้องไมค์ไปติดด้วย” (ยิ้ม)

     …ทุกวันนี้ผมแนะนำแนวคิดการใช้ชีวิตให้แฟนคลับด้วย เพราะแฟนคลับชอบบ่นว่า เหนื่อย เบื่องานที่ทำ เบื่อเจ้านาย ไม่มีความสุขเลย ผมก็ลองแชร์ให้เขาฟังว่า ผมก็เคยเป็นแบบนี้ แต่งานที่ผมเบื่อน่ะ มันดันทำให้ผมมีชีวิตอยู่ได้ เพราะฉะนั้น มันไม่แฟร์กับงานเลย ผมแนะนำแฟนคลับผมว่า ลองจัดโต๊ะทำงานใหม่ไหม ลองเปลี่ยน attitude ไหมว่างานนี้เราเบื่อ แต่เรามีกินอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะมัน”

     แล้วเชื่อไหมว่า ก่อนที่จะมาเป็นพระเอกหนุ่มที่สาวคนไหนก็อยากควงแขน ผู้ชายคนนี้เคยร้ายกาจไม่เบาเลยทีเดียว

     “สารภาพว่า ตอนวัยรุ่นผมเป็นคนเจ้าชู้มาก ตอนมัธยมผมเคยคบแฟนอยู่เจ็ดคนในเวลาเดียวกัน ค่าโทรศัพท์ผมเดือนละ 4,000 – 5,000 บาทเลยนะ เคล็ดลับในการสับรางของผม คือ ไม่เปิดตัวใครสักคน แล้วตอนนั้นที่โรงเรียนผมฮอตด้วย ถ้าเจอใครดูน่ารักก็คุย แต่มีจริงๆ น่ะสองคนเท่านั้นที่พิเศษ คนพิเศษผมจะเลือกคนที่ยากที่สุด ตอนเด็กๆ ผมชอบอะไรที่ท้าทายน่ะ

     …สุดท้ายก็ชนกันจนได้ แล้วเรารับรู้ถึงความรู้สึกเสียใจเขาได้ เรารู้สึกแย่กับตัวเองมากเลย ถ้าเขาด่าผม ผมจะไม่รู้สึกแย่เลย แต่เขาไม่ด่าผม เขาดันพูดว่า เขาเข้าใจผมอีก แต่ก็รู้แค่คนเดียว อีกคนหนึ่งก็ยังไม่รู้เลย คนที่รู้คือคนที่มาก่อน และเป็นคนที่โทรหาผมตอนวันเกิดเขา เขาบอกว่า เขาให้ของขวัญตัวเองโดยการโทรหาผม แต่นั่นคือของขวัญที่แย่ที่สุดในชีวิตเขาแล้ว”

“ที่ผ่านมาผมเป็นคนร้ายๆ แต่ก็ถือว่ารู้จักตัวเองนะ ถึงได้ยอมรับตัวเอง ที่ผ่านมาก็เจ้าชู้จริง แล้วผมเป็นคนที่พูดเกลี้ยกล่อมเก่งมาก ผมทำให้ผิดเป็นถูกได้หมดตั้งแต่เด็ก”

     ด้วยความเป็นผู้ชายหุ่นดี Sex Appeal สูงของเขานี่แหละที่ไม่ว่า เพศไหนๆ ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเสน่ห์ล้นเหลือ ความเซ็กซี่ของเขาเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่แรกเข้าวงการบันเทิงด้วยการเป็นนายแบบ แถมยังถูกประทับตราการันตีความร้อนแรงจากนิตยสารที่หนุ่มคนไหนได้ถอดเสื้อโชว์กล้ามขึ้นหน้าปกเท่ากับ หนุ่มคนนั้นขึ้นแท่นหนุ่มฮอตอันดับต้นๆ ของประเทศ

     “ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก มีซิกซ์แพ็ค มีกล้ามหน้าอกตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วพอเข้ามาเล่นละครของช่อง 7 เรื่องที่คนเริ่มจำได้ คือ เรื่อง “คมพยาบาท” เรื่องนั้นผมต้องถอดเสื้อว่ายน้ำ ฉากที่ว่ายน้ำ โอ้โห…เต็มพันทิปไปหมด ตอนนั้นทวิตเตอร์ยังไม่ได้ฮิตใช่ไหม แล้วก็มีฉากที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วน้องเปียเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน เป็นซีนเซ็กซี่ คนก็จำได้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย แล้วเวลาละครเรื่องต่อไป คนกลุ่มนี้ก็จะถามว่า เรื่องนี้จะมีถอดเสื้อหรือเปล่า เราก็ทำให้เขามีความสุขแหละ จริงๆ ผมไม่ใช่คนชอบโชว์ อายด้วยซ้ำ เวลาถอดเสื้อ ยิ่งมีคนรู้ว่าเขาอยากดูยิ่งเขิน แต่เราดูกาลเทศะในการทำมากกว่า เหมือนถ่ายแบบ มากน้อยแค่ไหน เหมาะสมไหม feeling ของรูปเป็นอย่างไร เหมือนกับละคร ถ้าบางอันมันดูตั้งใจเกินผมก็ไม่ทำ แต่ถ้าเกิดมันเป็นไปตามธรรมชาติ อย่างฉากอาบน้ำแบบนี้ได้

     …ผมเป็นคน maintain เรื่องหุ่นอยู่แล้ว วันไหนว่างก็จะไปออกกำลังกายครับ ตอนเช้าตื่นมา ผมจะออกกำลังกายก่อนเลย ตื่น 7 โมง ออกกำลังกายก่อนสัก 2 ชั่วโมง แล้วค่อยกินข้าว เดี๋ยวนี้วันที่ว่างจะออกกำลังกายมันน้อย เพราะฉะนั้น วันไหนที่ว่างผมจะออกกำลังกายหนักมาก เวทเทรนนิ่ง 1ชั่วโมง คาร์ดิโอ 1 ชั่วโมง แต่ตอนนี้มีเวลาน้อย ผมไม่ได้คุมเรื่องอาหารเยอะ ผมแค่เลือกกิน แต่ไม่ได้คุมแคลอรี่ แต่แค่สัปดาห์หนึ่งผมจะกินหนัก 1-2 วัน และต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดารานักแสดงอย่างผม ไม่สามารถอ้วนได้ ผมลงทุนซื้อเครื่องฟิตเนสไว้ที่บ้านเลย ผมซื้อไปเจ็ดแสนกว่าบาทครับ คนหาว่าผมบ้า ผมเล่นฟิตเนสอยู่บ้านเลย เราเป็นนักแสดง สิ่งที่ต้องดูแล รูปร่าง หน้าตา ความสามารถ สามสิ่งนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนา”

     ทุกวันนี้นอกจากจะพัฒนาตัวเองในฐานะนักแสดง และคอยดูแลหุ่นให้ฮอตตลอดเวลาแล้ว พระเอกหนุ่มยังเริ่มขยับขยายบทบาทไปเป็นเจ้าของกิจการลงทุนเข้าหุ้นกับเพื่อนปั้นแบรนด์เครื่องสำอางวางจำหน่ายในประเทศกัมพูชา ประเทศที่มีแฟนคลับของเขาคอยต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งถึงขั้น “ห้างแตก” ทุกครั้งที่ไปเยือน และยังเร่งขยายสาขาแฟรนไชส์ “บองชา” ที่ต้องหยุดชะงักไปในช่วงวิกฤติโควิด-19 ดูเหมือนว่า เขาจะแพลนอนาคตของตัวเองไว้อย่างถี่ถ้วนพอสมควร แต่ไม่ว่า วันนี้เขาจะเดินตามความฝันในการหาสตางค์เลี้ยงดูครอบครัวได้สำเร็จแล้วก็ตามที แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งความฝันที่ยังค้างคาใจอยู่ไม่เลือนหาย

     “ผมคิดถึงชีวิตที่จีนมาก เป็นช่วงชีวิตที่เวลาหลับบางคืนยังนอนฝันถึงอยู่เลย เป็นช่วงชีวิตที่ผมผจญภัยที่สุดแล้ว มีเรื่องเล่าเยอะมากเลย ตอนแก่ก็คงยังพูดถึงเรื่องชีวิตตอนอยู่จีนนี่แหละ เพราะเป็นช่วงชีวิตที่สอนอะไรเราเยอะมาก และหล่อหลอมให้เราเป็นตัวเราในวัน

     และความฝันที่เขาอยากให้เป็นจริงที่สุดนั้น แน่นอนว่า ย่อมต้องเป็นการมีโอกาสได้ไปทำงานในประเทศที่เขาผูกพัน

     “ผมอยากลองทำงานที่เมืองจีน เหมือนผมเคยมีความสุขตรงนั้น แล้วเวลาผมไปแต่ละครั้ง เพื่อนผมต้อนรับผมอบอุ่นตลอดเลย ผมมีดาราจีนที่ผมชอบ ยกให้เป็นไอดอลอยู่หลายคนด้วย ไม่ว่าจะเป็น โจว ซิงฉือ, เจิ้ง อี้เจี้ยน, กัว ฟู่เฉิง รุ่นหลังๆ มาก็มี เอ็ดดี้ เผิง ทุกวันนี้ก็ยังเรียนภาษาจีนอยู่ ยังคุยภาษาจีนกับเพื่อนอยู่เพื่อให้ไม่ลืม เผื่อมีโอกาสวันหนึ่งได้ไปทำงาน ผมก็พยายามดูอยู่ว่าอะไรที่จะทำให้สามารถไปถึงตรงนั้นได้ ผมเคยคิดว่า จริง ๆ คนจีนเขาก็ชอบดูละครไทย ซีรีส์ไทย อยู่ช่องไหนเขาก็หาดูได้ ถ้าละครมันสนุก ถูกจริตเขา

     …เอาจริงๆ ความคิดของผมก็เปลี่ยนไปเรื่อย ตอนแรกผมอยากทำผู้จัดละคร แต่ไปๆ มาๆ ผมไม่ได้อยากเป็นผู้จัดหรอก แต่ผมอยากจัดให้ตัวเองได้เล่นบทที่เราชอบ บทที่มีความแตกต่างในวงการละครไทย บทที่เล่าแบบใหม่บ้าง ซึ่งผมว่ามันเป็นไปได้ เพราะคนไทยทุกวันนี้ก็มีโอกาสดูซีรีส์ต่างประเทศตั้งมากมาย ไปไหนมาไหนคนก็ดูแต่ Netflix ถือว่ามาตรฐานคนดูได้ถูกเปิดแล้ว งานเราก็ควรจะพัฒนาไปให้ทันด้วย”

     นั่นเป็นอนาคตในระยะยาวที่เขาแพลนไว้คร่าวๆ ในใจ แต่ในอนาคตอันใกล้เขาน่าจะมีโอกาสในการเลือกบทบาทที่อยากแสดงมากขึ้น และถึงอย่างไรเขาก็ยังคงผูกพันกับช่องที่ทำให้เขาเติบโตมาจนเป็น ไมค์-ภัทรเดชในทุกวันนี้

     “จริงๆ ผมรักช่อง 7 นะ ผมโตมากับตรงนี้ ผมก็ผูกพัน ถามจริงๆ ผมไม่อยากไปไหน ถ้าทำงานที่นี่มันก็โอเคอยู่แล้ว ขี้เกียจไปปรับตัวที่อื่นด้วย แต่ก็อยากเล่นละครที่มีเนื้อหาที่แปลกใหม่กว่าเดิมนิดหนึ่ง แต่ว่าช่อง 7 ปีนี้ก็มีแนวทางในการปรับเปลี่ยนเยอะมากเลย ซึ่งผมเองก็ตื่นเต้นมากๆ ปีนี้เรามีซีรีส์ใหม่ๆ มีโปรดักชั่นใหม่ๆ เข้ามาทำงานเยอะแยะเลย ผมก็อาจจะเป็นโปรดักชั่นหนึ่งในนั้นต้องคอยดูครับ”

     ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสารลิปส์ ฉบับเดือนเมษายน 2564

Photography : Somkiat K.
Styling : Anansit K.
Makeup : Tashapol S.
Hair : Thannicha P.
เสื้อผ้าจาก Coach
ขอขอบคุณโรงแรม Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม