เมื่อต้นปีที่แล้วในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ Joe Biden ได้ให้กำเนิดดาวดวงใหม่ผู้เปรียบเสมือนความหวังของคนในเจเนเรชั่นรุ่นต่อๆ ไป เธอมีชื่อว่า ‘Amanda Gorman’ นักเขียนกวี และนักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันวัย 23 ปี พิธีครั้งนี้ทำให้ Amanda กลายเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้ถูกเลือกให้ขึ้นพูดในพิธีสุดสำคัญของสหรัฐฯ และทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน
ซึ่งในบทบาทของนักกวี Amanda นั้นประสบความสำเร็จมากๆ เพราะนอกจากการได้มาเป็นตัวแทนในพิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้วเธอยังเป็นเยาวชนคนแรกที่ได้รับรางวัลกวีเยาวชนแห่งชาติของสหรัฐฯ ในปี 2017 และยังตีพิมพ์กวีนิพนธ์ของตัวเองหลายเล่ม เช่น The One for Whom Food Is Not Enough, The Hill We Climb, Change Sings รวมถึงเล่มล่าสุด Call Us What We Carry
และในบทบาทของนักกิจกรรมเธอเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิของสตรี ปฏิรูปการเหยียดเชื้อชาติ และการผลักดันเรื่องคนชายขอบ อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม ‘One Pen One Page’ กลุ่มสำหรับนักเรียนที่อยากบอกเล่าเรื่องราวเพื่อเปลี่ยนโลก และเป็นผู้สนับสนุนโครงการ ‘She the People’ โครงการที่ส่งเสริมศักยภาพผู้หญิงรุ่นใหม่ในอเมริกา เธอบอกว่าการเป็นนักกิจกรรมของเธอนั้นได้รับแรงบันดาลใจจาก Malala Yousafzai นักเคลื่อนไหวด้านการศึกษาและสิทธิสตรีชื่อดังนอกจากนั้นเธอตัดสินใจจะเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2036 อีกด้วย
เธอได้รับเกียรติให้เป็นกวีคนแรกที่ได้ขึ้นไปอ่านบทกวีที่มีชื่อว่า ‘Chorus of the Captains’ ในการแข่งขัน Super Bowl ครั้งที่ 55 เพื่อยกย่องกัปตันผู้ทรงเกียรติ (Honorary Captains) ที่ทำงานอย่างหนักท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ซึ่งกัปตันทั้ง 3 ถูกเลือกโดยเนชันแนลฟุตบอลลีกหรือ NFL สำหรับการแข่งขัน Super Bowl ถือเป็นการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในโลกเพราะมียอดผู้ชมสูงกว่า 100 ล้านคนทำให้ศิลปินระดับโลกหลายๆ คนฝันอยากจะขึ้นแสดง Halftime Show หรือมาร้องเพลงชาติสหรัฐฯ แต่ NFL กลับเลือกเธอมากล่าวบทกวีในพิธีเปิดเพื่อทำให้เห็นว่าเธอคือตัวแทนเจเนเรชั่นใหม่ที่จะมาขับกล่อมและเปลี่ยนแปลงโลกด้วยบทกวี
THE MET GALA 2021
ในพาร์ตของแฟชั่นเธอได้ถูกเลือกให้ขึ้นปก Vogue Us ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และเธอยังได้ถูกเชิญให้เป็น Co-Host ของงานอีเวนต์แฟชั่นที่สำคัญที่สุดของวงการแฟชั่นอย่าง The Met Gala ร่วมกับ Anna Wintour, Timothée Chalamet, Billie Eilish และ Naomi Osaka ซึ่งในมุมมองของเราการที่เธอได้รับเลือกให้เข้าร่วมในอีเวนต์ระดับชาติต่างๆ รวมถึงนิตยสารหัวใหญ่ที่สุดของโลกเป็นนิมิตหมายอันดีต่อคนรุ่นใหม่ทั่วโลก มันทำให้เห็นว่าหากคุณเป็นคนมีความสามารถและต้องการขับเคลื่อนโลกนี้ไปข้างหน้า ไม่ว่าจะสีผิว เชื้อชาติ เพศ อาชีพหรือแม้แต่ความสนใจไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะมาเป็นกรอบข้อจำกัดความสามารถและความสำเร็จของเราได้อีกต่อไป
เรารู้สึกว่า Amanda คือกระบอกเสียงให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง เพราะถึงแม้ว่าปัจจุบันโลกเราจะพัฒนาไปเท่าใดก็ตามแต่โลกของเราก็ยังเต็มไปด้วยการกดขี่ แบ่งแยก เหยียดหยาม เห็นได้จากมูฟเมนต์ต่างๆ ทั่วโลกที่เกิดขึ้นมากมายยกตัวอย่างเช่น #Metoo #BlackLivesMatter หรือแม้แต่ #StopAsianHate แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงโลกด้วยการเคลื่อนไหวทางสังคม เพราะแม้แต่คนมีชื่อเสียงบางคนยังเลือกที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็มี แต่สำหรับ Amanda ไม่ใช่อย่างนั้นเพราะในฐานะกวีเธอรู้จักใช้พลังของ ‘ภาษา’ ในการสร้างมูฟเมนต์ สร้างแรงกระเพื่อม ริเริ่มการปฏิวัติ และสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงกว้างโดยเฉพาะเรื่องการเหยียดเชื้อชาติและการเหยียดเพศ
instagram : @amandascgorman
บทกวีล่าสุดของเธอที่เพิ่งโพสต์ลง Instagram ของเธอไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมปีที่แล้วเป็นของขวัญให้กับคนทั่วโลก และบทกวีนี้มีชื่อว่า ‘New Day’s Lyrics’ เป็นการปิดท้ายปีเก่าและเริ่มต้นปีใหม่ได้อย่างดีเพราะมันมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสามัคคีและการเริ่มต้นใหม่ เพราะทุกคนล้วนเผชิญความลำบากมาตลอดปีที่แล้ว และในปี 2022 บทบาทใหม่ของเธอคือการถูกแต่งตั้งในฐานะ Global Changemaker โดยแบรนด์เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Estée Lauder ซึ่งบทบาทนี้ไม่ได้มีไว้แค่สำหรับโปรโมตลิปสติกแต่อย่างใด แต่มันคือการเปลี่ยนมุมมองทัศนคติของตัวแบรนด์และผู้บริโภคให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้านความงามเราไม่จำเป็นต้องเป็นดารา เซเลบริตี้หรือนางแบบ เราสามารถเป็นใครก็ได้แค่ต้องสร้างคุณค่าบางอย่างให้กับตัวเราและผู้อื่น ไม่เพียงแค่นั้น Amanda ยังริเริ่มโครงการ ‘Writing Change’ เพื่อส่งเสริมการเรียนหนังสือในหมู่ของเด็กผู้หญิงและสตรีเพื่อความเท่าเทียม นอกจากนั้น Estée Lauder ยังบริจาคเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการนี้อีกด้วย เราเลยขอยกให้ Amanda Gorman เป็นหนึ่งใน #VoiceoftheFuture ที่อยากให้ทุกคนได้รู้จัก