เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วซูเปอร์โมเดลสาวแห่งยุคอย่าง ‘Bella Hadid’ ได้พูดถึงปัญหาด้านสุขภาพจิตใจของเธอบน Instagram ซึ่งบัญชีของเธอมีคนติดตามราว 49 ล้านคนและได้เปรียบเทียบว่าปัญหาทางด้านจิตใจของเธอมันเหมือนกับรถไฟเหาะที่ไม่สามารถควบคุมได้ Bella เป็นหนึ่งในเซเลบริตี้ระดับโลกที่ออกมาพูดถึงปัญหาสุขภาพจิตผ่านโซเชียลมีเดียจนกลายเป็นกระแสไปทั่วโลกสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องนี้ให้กับสังคม ความจริงแล้วในสังคมของเราหลายๆ คนอาจจะเผชิญกับภาวะ Mental Breakdown แต่อาจจะไม่รู้ตัวและไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากนัก
ซึ่งคนดังระดับโลกเองก็เช่นกัน มีเหล่านักแสดง นักร้องหลายๆ คนที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้เพราะความโด่งดังและกระแสลบจากโลกออนไลน์ แต่มีไม่กี่คนหรอกที่จะออกมาพูดถึงปัญหาทางจิตในเหล่านี้ในที่สาธารณะหรือเป็นกระบอกเสียงให้กับหลายๆ คนในสังคมที่ต้องเจอกับสภาวะ Mental Breakdown หรืออาการเจ็บป่วยทางเหมือนกับที่ Bella ออกมาพูดในครั้งนี้
เพราะปัจจุบันในสังคมปัจจุบันนี้เราต้องเจอกับปัญหามากมายทั้งเรื่องของโรคระบาดที่เป็นปัญหาหลักของมวลมนุษยชาติตอนนี้ ยังรวมไปถึงเรื่องของเศรษฐกิจ การเมือง หรือแม้แต่การทำงานที่หลายคนต้อง Work From Home ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งเร้าที่ส่งผลถึงสุขภาพจิตของเราได้ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ทำให้คนเรานั้นเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ ในสังคมจนทำให้เกิดภาวะความวิตกกังวลและโรคซึมเศร้าเพราะโซเชียลมีเดียหลายๆ แพลตฟอร์มนั้นล้วนเกี่ยวกับการอวดรูปภาพวิถีชีวิตของตนลงไป
Bella เลือกรักษาและปรับสมดุลสุขภาพจิตของเธอด้วยการทำ ‘Social Detox’ หรือการหยุดพักจากโซเชียลมีเดียเพื่อมุ่งพัฒนาสุขภาพจิตของเธอจนมันดีขึ้นและทำให้เธอกล้าจะออกมาโพสต์ถึงเรื่องนี้บนโซเชียลมีเดียหลังจากสุขภาพจิตใจของเธอนั้นดีขึ้นแล้ว นอกจากนั้นเธอยังแบ่งปันคำแนะนำให้กับแฟนๆ และผู้ติดตามของเธอที่อาจจะเผชิญกับภาวะ Mental Breakdown ว่า “ฉันอยากให้คุณรู้ว่ามันจะมีแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์เสมอ และรถไฟเหาะมาจอดที่จุดใดจุดหนึ่งเสมอ” เธอเปรียบเปรยว่าภาวะจิตใจที่ย่ำแย่มันย่อมมีวันจบลงและรักษาได้หากเราดูและมันอย่างจริงจัง
ในอดีตมีเหล่าเซเลบริตี้หลายคนมากที่จมอยู่ในสภาวะ Mental Breakdown ส่งผลให้พวกเธอนั้นมีพฤติกรรมแปลกๆ ในที่สาธารณะจนพวกเธอนั้นกลายเป็นข่าวแทบลอยด์ไปทั่วโลกเพียงชั่วข้ามคืนและทำให้พวกเธอกลายเป็นมีมที่หลายๆ คนล้อเลียนมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นเพราะว่าในอดีตปัญหาทางสุขภาพจิตใจนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่หลายคนพูดถึง ตระหนักรู้ และให้มีความสำคัญสักเท่าไหร่ทำให้หลายๆ โดยเฉพาะความเห็นอกเห็นใจ (Emphaty) กับคนที่มีปัญหาด้านจิตใจเหมือนในปัจจุบันทำให้เซเลบริตี้หลายๆ คนที่เผชิญกับปัญหาทางด้านจิตใจในอดีตกลายเป็นข่าวกอสซิปและกลายเป็น Talk of the Town มาจนถึงทุกวันนี้
ตัวอย่างที่เราสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนอย่าง Britney Spears นักร้องสาวเจ้าของฉายาเจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อปที่เผชิญกับมรสุมชีวิตต่างๆ ในช่วงปี 2007 ทำให้เธอนั้นเผชิญกับภาวะ Mental Breakdown จนโกนหัวในร้านทำผมเองและทุบรถปาปารัสซีจนกลายเป็นตัวตลกให้คนทั่วโลกหัวเราะเยาะและเป็นสาเหตุที่ทำให้ให้พ่อของเธอ ‘Jamie Spears’ ควบคุมชีวิตของ Britney ราวกับอยู่ในนรกจนเกิดมูฟเมนต์ #FreeBritney ที่ทำให้เธอหลุดจากนรกขุมนี้ออกมาได้และมีชีวิตที่เป็นอิสระ
รวมไปถึง Amanda Bynes นักแสดงสาวดาวรุ่งในช่วงยุค 2000s ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตและการแสดงออกในที่สาธารณะทำให้เธอขโมยของตามร้านขายของ ใส่วิกผมสีบลอนด์รูปร่างประหลาดไปศาล และทวีตข้อความลามกถึงนักร้องชื่อดัง Drake ส่งผลให้เอเจนซี่ PR และทนายของเธอปลดเธอออกจากสังกัด โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าไม่สามารถติดต่อเธอได้เป็นเวลาหลายเดือน แสดงให้เห็นว่าในช่วงนั้นคนไม่ได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาทางด้านจิตใจและคอยช่วยเหลือคนที่ต้องเจอกับภาวะนี้เลยจนทำให้ Amanda ค่อยๆ หายไปจากวงการฮอลลีวูดในที่สุด
แต่จริงๆ แล้วนั้น Bella ไม่ใช่เซเลบริตี้คนเดียวที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เพราะยังมีเหล่าเซเลบริตี้อีกหลายคนออกมาพูดถึงสุขภาพจิตที่ย่ำแย่และพยายามทำให้อาการป่วยทางจิตใจนั้นกลายเป็นเรื่องปกติที่และคอยผลักดันด้านต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เจอกับสุขภาพจิตที่ย่ำแย่อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น Selena Gomez นักร้องสาวที่เคยป่วยเป็นไบโพลาร์หรือโรคสองขั้วซึ่งเป็นอาการป่วยทางจิตใจที่หลายๆ คนเจอในปัจจุบัน
ซึ่งตอนนี้เธอหายขาดจากอาการไบโพลาร์แล้วและยังช่วยเหลือผู้ที่มีสภาวะจิตใจที่ย่ำแย่ด้วยการบริจาค 1% ของยอดขายทั้งหมดของ Rare Beauty แบรนด์เครื่องสำอางของเธอ ซึ่งถูกนำเข้าสู่กองทุน Rare Impact Fund เพื่อให้บริการด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะในชุมชนที่ด้อยโอกาส นอกจากนี้ยังมีเซเลบริตี้อีกหลายคนที่ออกมาพูดถึง Mental Breakdown จนกลายเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความตระหนักและผลักดันให้กลายเป็นปัญหาที่หลายๆ คนต้องระวังในทุกวันนี้ เช่น Kendall Jenner, Sophie Turner, Pink, Cara Delevingne หรือแม้แต่ Harry Styles หนุ่มทรงอิทธิพลแห่งยุคก็ออกมาพูดถึงประเด็นนี้