หลายๆ บทความและงานวิจัยบ่งชี้ว่าคนรุ่นใหม่ให้ความใส่ใจในเรื่องไลฟ์สไตล์ส่วนตัวกันมากขึ้น และหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 หลากสายพันธุ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่ทำให้ผู้คนนั้นหันมาใส่ใจในคุณค่าและคุณภาพของสินค้ามากกว่าแต่ก่อน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เราจึงเห็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ Local และ Niche คุณภาพดีมากมายกลายมาเป็นที่นิยมของผู้บริโภค แทนที่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกไปโดยปริยายซึ่งมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เราได้กล่าวไป
และเรื่องของ ‘กลิ่น’ ที่ได้กลายเป็นอีกเรื่องที่คนรุ่นใหม่นั้นให้ความสนใจมากในยุคนี้ โดยเฉพาะกลิ่นหอมต่างๆ ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะนอกจากกลิ่นหอมเหล่านั้นจะสามารถบ่งบอกถึงรสนิยมส่วนตัวได้แล้วยังสามารถช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพและสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ใช้ได้อีกด้วย ส่งผลให้นอกจากน้ำหอมแล้ว ‘เครื่องหอม’ จึงได้กลายมาเป็นไอเท็มสามัญประจำบ้านที่ทุกคนต้องมีติดบ้านเอาไว้เพื่อบ่งบอกรสนิยมส่วนตัว รวมถึงสร้างความสุนทรีย์และเสน่ห์ให้กับที่พักอาศัย
แต่ไม่ใช่เครื่องหอมแบรนด์ไหนก็ได้ที่คนรุ่นใหม่จะตัดสินใจเสียเงินซื้อ เพราะจะต้องมีเรื่องราวและความใส่ใจในด้านต่างๆ เช่น สิ่งแวดล้อม ดีไซน์ และคุณภาพมาเป็นเหตุผลประกอบในการซื้อของพวกเขาสอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป เราจึงเห็นแบรนด์เครื่องหอมน้องใหม่มากมายผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด วันนี้ LIPS เลยรวบรวมแบรนด์เครื่องหอมที่น่าสนใจทั้งไทยและเทศที่มาพร้อมกับคุณภาพสุดปังแถมตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในทุกมิติมาให้ทุกคนได้ดูกัน!
Boy Smells
ในวงการบิวตี้และแฟชั่นคำว่า Boy ถูกใช้เพื่อตีความถึงความ ‘Musculine’ หรือ ‘ความเป็นชาย’ ในหลายๆ แบรนด์ แต่สำหรับแบรนด์เครื่องหอมสัญชาติอเมริกันอย่าง ‘Boy Smells’ นั้นกลับตีความคำนี้ให้มีความลื่นไหลมากขึ้นเพื่อบ่งบอกกลิ่นอันไร้เพศของแบรนด์ที่ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ได้ แถมสร้างคำว่า ‘Genderful’ คำจำกัดความคำว่าไร้เพศสุดเก๋และเชิงบวกของแบรนด์นี้ เพื่อบอกเล่าถึงกลิ่นหอมและสินค้าของแบรนด์ที่ไม่เหมือนใครและใช้แทนคำว่า Genderless ที่ดูไร้ชีวิตชีวาและดูเป็นคำเชิงลบสำหรับพวกเขา
แบรนด์เครื่องหอมไร้เพศจากรัฐแคลิฟอร์เนียนี้จึงเกิดขึ้นในปี 2016 โดยฝีมือของคู่รักชาว LGBTQ+ อย่าง Matthew Herman และ David Kien ในปัจจุบันแบรนด์เครื่องหอมนี้มีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทมาก แต่โด่งดังและไอคอนิคสุดก็คงจะเป็น ‘เทียนหอม’ ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของแบรนด์ที่สร้างชื่อให้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง นอกจากกลิ่นสุดแสนยูนีคไม่เหมือนใครแล้วแพ็กเกจจิ้งเทียนหอมของแบรนด์นี้ก็เก๋และทันสมัยมากๆ เหมาะสำหรับถ่ายรูปลงใน Instagram สุดๆ
Recommend Scent: ‘Purple Kush’ กลิ่นสุด Genderful ของ Boy Smells ที่ผสมผสานโน๊ตกลิ่นที่แสน Feminine อย่างดอกไวโอเล็ตที่มักพบในน้ำหอมผู้หญิง เข้ากับโน๊ตกลิ่นสุด Musculine อย่างหนังและหญ้าแฝกที่เรามักจะพบในน้ำหอมผู้ชายได้อย่างลงตัว การผสมผสานโน๊ตกลิ่นอย่างลงตัวทำให้เทียนกลิ่นนี้ให้ความรีแลกซ์สุดๆ เหมาะมากที่จะจุดในวันที่เราต้องเจอเรื่องหนักมาทั้งวัน
Copenn.
มาต่อกันที่แบรนด์เครื่องหอมสัญชาติไทยที่เน้นในเรื่องของงานดีไซน์อย่าง ‘Copenn.’ ที่แตกต่างจากแบรนด์เครื่องหอมอื่นๆ ในไทย ด้วยการชูเรื่องของงานออกแบบเป็นหลักก่อนที่จะนำเอางานออกแบบเหล่านั้นไปผูกกับกลิ่นหอมแสนยูนีคที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันไป ทำให้หน้าร้านของ Copenn. จึงถูกเรียกว่า Design Concept Store ที่จัดจำหน่ายสินค้าดีไซน์สุดเก๋ทุกประเภทแต่มีสินค้าประเภทเครื่องหอมเป็นตัวชูโรง
Copenn. นั้นเกิดขึ้นจาก 4 คนในแวดวงการออกแบบไม่แปลกเลยที่แบรนด์นี้ให้ความสำคัญในเรื่องของการออกแบบมากๆ แต่ขอบอกเลยว่าเรื่องของผสมผสานของกลิ่นของแบรนด์นี้นั้นก็ไม่ได้โดดเด่นไปน้อยกว่ากันเลยนะ ซิกเนอเจอร์กลิ่นของ Copenn. คือกลิ่นแนวอะโรมาติกที่เน้นโน๊ตกลิ่นอย่าง Woody, Citrus, Floral และ Fruity ที่ปรุงออกมาได้ลงตัวมาก แถมมีสินค้าเครื่องหอมหลากหลายชนิดครบจบที่ Copenn. เลย เช่น Perfume Spray, Reed Diffuser, Scented Candle, Hand and Body Wash, Hand Cream, Oil Burner รวมถึง Incense Cone หรือกำยานที่หายากมาในแบรนด์เครื่องหอมไทย
Recommend Scent: ‘Burning Cabinet’ กลิ่นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่มีโน๊ตกลิ่นอย่าง Agarwood, Cedarwood, Tobacco, Vetiver ผสมผสานมากับ Petitgrain กลิ่นแนว Citrus ที่มาเบรคความเข้มข้นของโน๊ตกลิ่นโทน Woody ความคอนทราสต์แต่ลงตัวของกลิ่นนี้ทำให้ Burning Cabinet ของ Copenn. นั้นเป็นกลิ่นของเครื่องหอมที่คุณควรลองสักครั้ง
Amoln
‘Amoln’ แบรนด์เทียนหอมสัญชาติสวีเดนสายเลือดไทยที่โด่งดังระดับโลก ที่มีเอกลักษณ์คือแพ็กเกจจิ้งและเนื้อเทียนสีฟ้าไม่เหมือนใคร แถมกลิ่นหอมแต่ละกลิ่นของแบรนด์ถูกรังสรรค์ขึ้นจากเรื่องราวในความทรงจำสุดพิเศษที่ผสมผสานกับวัตถุดิบชั้นยอด ทำให้เทียนหอมแบรนด์ Amoln นั้นเหมือนกับงานศิลปะชั้นสูงที่มาในรูปแบบของเทียนหอม ที่หากมีติดบ้านไว้จะช่วยสร้างบรรยากาศและความสุนทรีย์ของคุณได้เป็นอย่างดี
แบรนด์ Amoln นั้นเกิดขึ้นจากคู่สามีภรรยาอย่าง Jonas Bergholm และ ไอซ์-จุฑาธร ประวัติยากูร สาวไทยผู้ต่อสู้เรื่องสิทธิและความเท่าเทียมของชุมชน LGBTQ+ ที่สำคัญกระบวนการผลิตเทียนหอมของแบรนด์นี้นั้นเป็นงาน Hand-Made ทุกขั้นตอนโดยใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์กว่าจะได้เทียน Amoln ขึ้นมาหนึ่งชิ้น แถม Amoln ยังเป็นแบรนด์รักษ์โลกทุกมิติ เช่น การเป็น Vegan และ Cruelty-Free แถมเป็นแบรนด์สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนั้นยังใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ได้มาอย่างยั่งยืน ส่งผลให้แบรนด์ Amoln นั้นประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วและเป็นที่นิยมของสาวกเทียนหอมทั่วโลก
Recommend Scent: ‘1945’ กลิ่นที่เกิดจากความทรงจำเกี่ยวกับคุณพ่อของเจ้าของแบรนด์ โน๊ตกลิ่นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำในวัยเด็กต่อคุณพ่อของเธอจึงกลายมาเป็นส่วนผสมของเทียนกลิ่นนี้ เช่น Orange Blossom, Mango, Blackcurrant และ Berry ผสมผสานกับ Sandalwood และ Cedarwood กลายมาเป็นกลิ่นหอมแนว Woody-Fruity ที่ใครๆ ก็สามารถใช้ได้
Klin
มาต่อกันที่แบรนด์เทียนหอมไทยดีไซน์เก๋อย่าง ‘Klin’ กันบ้างที่นอกจากดีไซน์แพ็กเกจของแบรนด์จะดูมินิมอลมากๆ แล้ว แรงบันดาลใจของกลิ่นหอมของแบรนด์นี้ก็เรียกว่าเก๋และเรียบง่ายไม่แพ้กัน โดยกลิ่นหอมจากคอลเลคชั่นแรกของแบรนด์มาในธีม ‘Woman Power’ หรือกลิ่นที่ตีความมาจาก 4 ตัวละครในซีรีส์และภาพยนตร์ชื่อดังที่หลายๆ คนต้องเคยรับชมกันมาบ้าง
ประกอบด้วย ‘Ko Moon Young’ กลิ่นที่ตีความมาจากนางเอกซีรีส์เรื่อง It’s Okay to Not Be Okay สื่อถึงความลึกลับ ‘Enola’ กลิ่นที่ตีความจากตัวละครหลักในซีรีส์เรื่อง Enola Holmes สื่อถึงความไร้เพศ และสองกลิ่นสุดท้ายอย่าง ‘Emily’ และ ‘Maria’ จากเรื่อง Emily in Paris และ The Sound of Music ตามลำดับเพื่อสื่อถึงพลังของผู้หญิง นอกจากที่มาของกลิ่นอันแสนจะยูนีคไม่เหมือนใครบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์นี้ยังใช้เครื่องปั้นดินเผาที่ปั้นด้วยมือจากช่างปั้นท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ และใช้เทียนไขและไส้เทียนที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ 100% ด้วยเพื่อความยั่งยืน
Recommend Scent: ‘Enola’ กลิ่น Unisex ที่ใครๆ ก็สามารถใช้ได้เป็นกลิ่นแนว Woody-Oriental ที่มีโน๊ตกลิ่นอย่าง Sandalwood, Amber, Orange Blossom และ Clemetine กลิ่นนี้แบรนด์เคลมว่าเหมาะมากสำหรับใครที่ต้องการสมาธิในการอ่านหนังสือ นั่งสมาธิ เพราะกลิ่นนี้จะช่วยรักษาสมดุลในสมองได้เป็นอย่างดี
Mr.Butler
มาต่อกันที่แบรนด์เทียนหอมไทยอีกแบรนด์ที่มีชื่อแบรนด์ที่เก๋สุดๆ อย่าง ‘Mr.Butler’ ซึ่งเบื้องหลังของชื่อแบรนด์นี้มาจากอาชีพของเจ้าของแบรนด์ที่มีอาชีพเป็น Butler หรือผู้ที่ทำหน้าที่ช่วยดูแลการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ ของบุคคลสำคัญของโลกหรือในโรงแรมระดับ 5 ดาว ด้วยความหลงใหลในเทียนหอมและการใช้เทียนหอมมามากมายจึงเกิดเป็นแบรนด์นี้ขึ้นมา
เทียนหอมของแบรนด์ Mr.Butler นั้นเป็นเทียนหอมแบบ Made-by-Order ที่ ตอง-เมธัส สิริกุลเมธา เจ้าของแบรนด์นั้นทำขึ้นมาเองกับมือเองทุกขั้นตอน ทำให้เทียนแต่ละชิ้นนั้นใช้เวลาทำนานถึง 6-7 วันต่อชิ้น อีกสองจุดเด่นพิเศษของแบรนด์นี้ก็คือกลิ่นหอมสุดยูนีคที่ผสมผสานโน๊ตกลิ่นสุดฮิตที่นิยมนำมาทำเทียนหอมอย่าง Rose, Amber, Oud, Suede และ Peony นำมาทำเป็นเทียนหอมคุณภาพดีราคาจับต้องได้ แถมยังผลิตจากไขเทียนจากธรรมชาติ 100% โดยทางแบรนด์ใช้ไขเทียน 3 ชนิดก็คือ ไขถั่วเหลือง ไขผึ้ง และไขมะพร้าวเพื่อทำเทียนหอมคุณภาพดี
Recommend Scent: ‘Thousand & One’ กลิ่นหอมสไตล์ Oriental ที่เก๋ไม่ซ้ำใคร เทียนหอมกลิ่นนี้มีโน๊ตกลิ่นอย่าง Oud ที่ผสมผสานเข้ากับโน๊ตขั้วตรงข้ามอย่าง Rose เพื่อสร้างความแตกต่างที่ลงตัว กลิ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ขายดีมากๆ ของแบรนด์และสามารถใช้ได้ในทุกเพศทุกไลฟ์สไตล์เลย
D.S. & Durga
แบรนด์สุดท้ายเราเชื่อว่าถ้าถ้าใครเป็นแฟนคลับน้ำหอม Niche จะต้องคุ้นชื่อแบรนด์ ‘D.S. & Durga’ แบรนด์เครื่องหอมจากบรุกลินนี้แน่นอน แบรนด์น้ำหอมสุดอินดี้นี้ก่อตั้งโดยคู่รักนักดนตรีและสถาปนิกชาวอเมริกันอย่าง David และ Kavi Moltz คอยสร้างสรรค์น้ำหอมสุดแปลกใหม่และสร้างสรรค์ที่ให้ความรู้สึกแบบเหนือจริง D.S. & Durga มีน้ำหอมเจ๋งๆ มากมายที่ตีความมาจากเรื่องราวและองค์ประกอบในชีวิตประจำวัน เช่น ดอกไม้ริมถนน กางเกงยีน และน้ำหอมเถื่อน จนกลายเป็นที่นิยมในหมู่คอน้ำหอม Niche ทั่วโลก
แต่ที่มากไปกว่านั้นแบรนด์นี้มีเครื่องหอมต่างๆ นอกจากน้ำหอมด้วยนะ เช่น เทียนหอม ครีมทามือ สบู่ และน้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเครื่องหอมเหล่านี้ก็มีความแปลกใหม่ เหนือจริง และสร้างความเซอร์ไพรส์ไม่ต่างจากไลน์น้ำหอมของแบรนด์นี้เลย ใครอยากได้เครื่องหอมหรือน้ำหอมที่มีความยูนีคสุดๆ เราแนะนำแบรนด์ D.S. & Durga เลย
Recommend Scent: ‘Concrete After Lightning’ กลิ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวันฝนตกในหน้าร้อน ความรู้สึกอันร้อนระอุถูกเปลี่ยนให้สงบลงด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาตีความกลิ่นหอมแนวเขียวๆ อย่าง Green ออกมาให้มีความโมเดิร์นและทันสมัยมากขึ้น หากใครชอบกลิ่นหลังฝนตกและอยากให้มันอบอวลอยู่ในบ้านของคุณกลิ่นนี้ตอบโจทย์มากๆ