STAGE Menu 8.0

สตาช เสนอเมนูใหม่ประจำซีซันจากวัตถุดิบดีที่สุดทั่วโลก

by Woranin Snitwongse Na Ayudhya
17 August 2565

Culture / Dining

Stage (สตาช) นำเสนอเมนูใหม่ ‘Stage Menu 8.0’ คัดสรรวัตถุดิบประจำซีซั่นที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก

ในโอกาสพิเศษ ๆ ที่เราอยากเสาะหาร้านอาหารสักร้านเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษกับคนพิเศษ ร้านแรก ๆ ที่ผุดขึ้นในหัว คงหนีไม่พ้นร้านอาหาร Casual Fine Dining สไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัย แถว ๆ เอกมัย ที่อยู่ระหว่างซอย 19 และ 21 อย่าง Stage (สตาช) ร้านอาหาร Casual Fine Dining สไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัย เป็นแน่ ร้านอาหารที่ผสมผสานเทคนิคการทำอาหารจากทั่วทุกมุมโลกนำทีมโดย เชฟเจย์ – สายนิสา แสงสิงแก้ว (Chef / Owner) ซึ่งล่าสุดนี้เชฟได้นำเสนอเทสติ้งเมนูใหม่ ‘Stage Menu 8.0’ ซึ่งเรายังจำรสชาติของ ‘Menu 7.0’ ของซีซันก่อนเมื่อช่วงต้นปีได้คุ้นลิ้นดีอยู่เลย

ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องของการสร้างสรรค์รสชาติอาหารแปลกใหม่ ซับซ้อน แต่กลมกล่อมลงตัว อีกอย่างที่เราประทับใจ คือ การเล่นกับสีสันสุดจัดจ้านในการครีเอทตกแต่งแต่ละเมนู จนแต่ละจานที่ออกมาเสิร์ฟมีความสวยงามเหมือนเราชมงานศิลปะเลย ส่วนเรื่องการใช้วัตถุดิบในแต่ละซีซั่น ที่เชฟตั้งใจเลือกเฟ้นแต่ของชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งจากทวีปยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย ยิ่งทำให้อาหารทุกจานที่เสิร์ฟในคอร์สยิ่งยกระดับขึ้นไปอีก

สำหรับ ‘Stage Menu 8.0’ ครั้งนี้ ยังคงอาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่เริ่ม แต่ก็เติบโตขึ้นไปอีกขั้น การนำเสนอรสสัมผัสของอาหารที่แปลกใหม่ และคงต้องพูดเหมือนทุกครั้งที่ไปว่า “สตาช เขามีลูกเล่น” เพราะทั้งความทันสมัย และความสนุกสนานที่สอดแทรกลงไปในอาหารแต่ละจาน ผนวกการใช้เทคนิคอันซับซ้อน และชูวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมให้โดดเด่น ช่างไม่เป็นสองรองใคร การใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบ Stage ยิ่งทำให้อาหารแต่ละจานถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงาม แฝงไปด้วยรายละเอียด โดยเมนูไฮไลต์ประจำซีซั่นที่เชฟนำเสนอ คือ

Cherry Gazpacho / Foie Gras Ice Cream / Green Tomato & Basil – เริ่มต้นเมนูเบา ๆ ด้วยซุปเย็นเชอร์รี่กัซปาโช มาพร้อมไอศกรีมฟัวกราส์ ตัดด้วยความกรอบสดชื่นของมะเขือเทศเขียวและเบซิลครัมเบิ้ล เสิร์ฟมาใน ice bowl ทรงสวย เรียกน้ำย่อย และเปิดต่อมรับรสได้ดีทีเดียว

Red Shrimp / Pickled Beetroot Parmesan / Caviar – เมนูนี้เน้นการใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบหลักให้ได้ประโยชน์สูงสุด กุ้งแดงอาร์เจนตินาดิบที่เบิร์นด้านนอกเล็กน้อยให้หอม โปะด้วยเจลลี่ที่ทำจากเปลือกกุ้ง และคาเวียร์ และซอส Pickled Beetroot Parmesan พอทานคู่กับหัวกุ้งกรอบ ๆ บอกเลยว่ายิ่งเพิ่มอรรถรส

Abalone / Maitake / Seaweed Beurre Blanc – ปกติเราไม่ทานหอยเป๋าฮื้อ แต่ด้วยเทคนิคการปรุงสไตล์ฝรั่งเศส เสริมด้วยวัตถุดิบหายากประจำซีซันของญี่ปุ่นอย่างเห็ดไมตาเกะ ชูรสด้วยซอสสาหร่ายเบอร์บล็อง สาหร่ายคอมบุ และไข่ปลาเทราต์รมควัน ก็ทำให้เราเปิดใจกับเมนูฟิวชั่นจานนี้ได้อย่างไม่ยากเลย

Lamb Floss / House Curd / Potatoes – เนื้อแกะที่ถูกนำมาปรุง และเสิร์ฟแบบแปลกใหม่ ทันทีที่ยกเสิร์ฟเราหยิบมือถือมาถ่ายแทบไม่ทัน เนื้อแกะตุ๋นที่ฉีกเป็นเส้น ๆ นำไปทอดกรอบจนเป็นเหมือน Lamb Floss วางคู่มากับ Glazed Potatoes และซอสที่ผสมจากเคิร์ด (Curd) ของทางร้าน, เวย์ (Whey), และ Lamb Jus นอกจากจะหน้าตาน่าตื่นเต้น รสชาติที่เข้มข้น และซับซ้อนแบบคาดไม่ถึง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจานที่ทานแล้วสนุก และทำให้ลืมรสชาติของเนื้อแกะแบบที่เคยกินที่อื่นมาเลย

Busyu Wagyu A3 / Smoked Carrot / Café de Paris – เมนูที่โชว์ความเป็น Traditional Twist ของ Stage ได้ดี ด้วยแรงบันดาลใจจากเมนูฮิตอย่าง Steak Frites ตามร้านเฟรนช์บิสโทร เชฟใช้เนื้อญี่ปุ่น Busyu Wagyu A3 นุ่ม ๆ มาเสิร์ฟคู่มากับซอส Café de Paris สโมคแครอท และฟรายส์ พูดได้เต็มปากว่า คำเดียวไม่พอจริง ๆ สำหรับจานนี้

Caviar / Horlick / Grape ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวานที่รสชาติแปลกใหม่ เป็นเจลลี่องุ่นมัสแคทสดชื่น ๆ หอมหวาน เสิร์ฟกับไอศกรีม Mascarpone Horlick และคาเวียร์ เหมือนนำอาหารคาว และหวานมาฟีเจอริ่งกันได้ลงตัว เพิ่มความเก๋ด้วยแป้งกรอบ ๆ บาง ๆ อย่าง Lavosh ผสมลาเวนเดอร์ให้มาทานคู่กันด้วย

‘Stage Menu 8.0’ เสิร์ฟเป็น Tasting Menu โดยคอนเซปต์เมนูจะมีการเปลี่ยนแปลงทุก 2 – 3 เดือนตามวัตถุดิบที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น ๆ และเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน Stage ยังได้คัดสรรไวน์ และแชมเปญชั้นเลิศมาเสิร์ฟคู่กับเทสติ้งเมนูใหม่ด้วยนะ แถมยังมีวิสกี้ และค็อกเทลไว้ให้บริการแบบ Table Side Service รวมไปถึงกิมมิกสนุก ๆ กับ Champagne Trolley ที่เข็นมาบริการเสิร์ฟให้ลูกค้าถึงโต๊ะอีกด้วย นอกจากนี้ Dessert Trolley ยังเป็นซิกเนเจอร์ไฮไลต์ที่ห้ามพลาดสำหรับสายหวาน ไว้ทานปิดท้ายมื้ออาหารสุดพิเศษ โดยทางร้านจะครีเอทขนมหวานหลากหลายเมนูมาดัดแปลง และนำเสนอในแบบแปลกใหม่

Stage สามารถรองรับได้ 30 ที่นั่ง พร้อมโซนกึ่ง Private Chef’s Table ที่สามารถมองเห็นทีมเชฟทำงานในครัวเปิดได้อย่างใกล้ชิดผ่านกระจกใส ร้านเปิดให้บริการทุกวัน (รอบเวลา 12:00 – 14:30 น. และ 18:00 – 00:00 น.)