อีกหนึ่งข่าวดีของสายแฟโดยเฉพาะแฟนๆ ของแบรนด์ซีไขว้อย่าง ‘Chanel’ เพราะว่าเมซงชื่อดังแห่งนี้ได้นำนาฬิกา ‘Première’ ดาวเด่นในจักรวาลแห่งการผลิตนาฬิกาของแบรนด์หรูนี้ตั้งแต่ปี 1987 กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชันดังเดิม นาฬิการุ่นนี้เรียกว่าอัดแน่นไปด้วยสัญลักษณ์ประจำเมซงไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้รูปทรงแปดเหลี่ยมของฝาปิดขวดน้ำหอมในตำนานอย่าง ‘N°5’ ในส่วนของตัวเรือนก็ถูกแต่งด้วยแลคเกอร์สีดำหนึ่งในสีสุดคลาสสิกประจำเมซง
นอกจากนั้นนาฬิการุ่นนี้ยังหยิบยืมดีไซน์สายโซ่ที่ร้อยด้วยเส้นหนังอันเป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋าลายควิลท์อันโด่งดังของแบรนด์ เมื่อสัญลักษณ์ต่างๆ ของแบรนด์ได้ถูกนำมาใช้กับนาฬิการุ่นนี้ทำให้ Première สามารถสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับโลกของการผลิตนาฬิกาที่ในช่วงยุค 80s ที่ถูกครอบงำด้วยดีไซน์นาฬิกาสำหรับผู้ชายมาโดยตลอด และที่สำคัญเมื่อผ่านไป 35 ปีแล้วตั้งแต่การรังสรรค์ชิ้นงานสุดคลาสสิกนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรกแต่นาฬิกาเรือนนี้ยังคงอัดแน่นไปด้วย ‘เสน่ห์ดึงดูดใจที่ไร้กาลเวลา’ คุณค่าที่ถูกยกย่องโดยโลกของแฟชั่นและนาฬิกา
การกลับมาอีกครั้งหนึ่งของเรือนเวลาสุดคลาสสิกของแบรนด์ Chanel เรือนนี้ที่เราเชื่อว่าสายแฟหลายๆ คนต้องจดเอาไว้ใน Wish List อย่างไม่รีรอ แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือเรื่องราวเบื้องหลังของนาฬิกาเรือนนี้ก็มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของมัน ไปดูกันดีกว่าว่าอะไรอยู่เบื้องหลังเรือนเวลาสุด TImeless เรือนนี้บ้าง!
ประวัติศาสตร์อันยาวนานหลังเข็มนาฬิกา
การรังสรรค์นาฬิกาเรือนแรกของแบรนด์ Chanel นั้นเริ่มจากนาฬิกา Première ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นในปี 1987 โดย ‘Jacques Helleu’ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของแบรนด์ในขณะนั้น เขาได้ร่วมงานกับแบรนด์ Chanel เมื่อ 30 ปีก่อนเพื่อเข้ามาดูแล “ปัญหาเรื่องรสนิยม” ที่สำคัญไปกว่านั้นชายผู้น่าทึ่งคนนี้อุทิศตนให้กับแบรนด์ Chanel ตั้งแต่อายุ 18 เรียกว่ายาวนานมาก และนาฬิกา Première เองก็คือเครื่องการันตีชั้นดีถึงความสามารถของเขาที่ไม่มีใครเทียบได้
35 ปีถัดมานาฬิการุ่นนี้กลับมามีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกแฟชั่นอีกครั้งต้องยกความดีความชอบให้กับ ‘Arnaud Chastaingt’ ผู้อำนวยการสตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาของแบรนด์ที่มองว่านาฬิกา Première นั้นเป็นตัวแทนแห่งจิตวิญญาณในการรังสรรค์นาฬิกาของแบรนด์
“Première เป็นหน้าแรกของประวัติศาสตร์การรังสรรค์นาฬิกาของ Chanel ซึ่งถือกำเนิดจากเสรีภาพโดยสมบูรณ์ในการสร้างสรรค์ และเป็นตัวจุดประกายวิสัยทัศน์ ‘เสน่ห์เย้ายวนแห่งกาลเวลา’ ที่แบรนด์ซีไข้วนี้ยึดมั่นมาเสมอ และในปี 2022 นี้ผมต้องการให้ Première ได้หวนคืนสู่จุดเดิมอีกครั้งและเป็นศูนย์กลางในคอลเลคชั่นของเรา ผลงานชิ้นนี้คือ DNA ของเราที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด Première ไม่ใช่แค่นาฬิกาเรือนหนึ่ง แต่เป็นต้นแบบแห่งความมีสไตล์” Arnaud กล่าวถึงการกลับมาของนาฬิกาเรือนแรกของ Chanel
‘การปลดแอก’ หนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์
การที่นาฬิกา Première นั้นเปิดตัวในโลกของนาฬิกาได้อย่างโดดเด่นนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการปลดปล่อยตนเองจากดีไซน์ที่ครอบงำโดยความเป็นชาย ไปจนถึงรูปแบบการสวมใส่ที่หลากหลายทั้งแบบนาฬิกาพอดีข้อมือหรือสวมใส่เป็นสร้อยข้อมือสำหรับผู้หญิงได้ สะท้อนไปยังจุดเริ่มต้นที่ ‘Gabrielle Chanel’ เคยทำไว้
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือนาฬิกาเรือนนี้นับเป็นครั้งแรกที่นาฬิกาถูกออกแบบมาสำหรับผู้หญิง ‘โดยเฉพาะ’ ไม่ใช่นาฬิกาเวอร์ชันย่อส่วนจากนาฬิกาของผู้ชาย Première จึงเป็นนาฬิกาที่รังสรรค์ขึ้นอย่างกล้าหาญและสง่างามที่อุดทิศขึ้นแด่ผู้หญิงโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ปี 1987 จิตวิญญาณของ Première ยังคงดำรงอยู่ดั่งบทกวีที่ยกย่องเสรีภาพของผู้หญิงทุกคนที่จดจ่ออยู่กับปัจจุบันและไขว้คว้าสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเสมอ
เสน่ห์สุดเย้ายวนที่ยากจะต้านทาน
หน้าปัดของนาฬิกา Première นั้นมาพร้อมกับกระจกแบบลาดเอียงและรูปทรงแปดเหลี่ยมซึ่งเป็นที่จดจำได้ในทันทีว่านี่คือ Première เพราะเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงมาจากฝาปิดขวดน้ำหอม N°5 ที่ชวนให้นึกถึงโครงสร้างของ ‘Place Vendôme’ ที่มาดาม Gabrielle มองเห็นจากห้องสวีทของเธอที่โรงแรมเดอะริทซ์ อีกทั้งนาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมอีกไอคอนหนึ่งคือเส้นหนังที่ร้อยเข้ากับโซ่ของกระเป๋าลายควิลท์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งทำให้สายของนาฬิการุ่นนี้ยืดหยุ่นได้
พูดได้เต็มปากว่านาฬิการุ่น Première นั้นเล่นกับไอคอนของแบรนด์ได้อย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างตำนานบทใหม่ที่ทนทานต่อบททดสอบของกาลเวลา นอกเหนือจากนั้นนาฬิการุ่นนี้ยังอัดแน่นไปด้วยการออกแบบอันน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำภายในตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมสีทอง ทำให้พื้นผิวอันเรียบหรูนี้ดูเหมือนแผ่ขยายออกได้เมื่อเวลาผ่านไป
นาฬิการุ่นนี้ไม่มีตัวเลขหรือตัวบอกเวลาใดๆ ไม่มีเข็มวินาทีหรือวันที่ใต้กระจกลาดเอียงนั้น เข็มบอกเวลาอันเพรียวบางเคลือบสีทองสองเข็มค่อยๆ เคลื่อนไหวในอาณาจักรเล็กๆ แห่งความเป็นนิรันดร์นี้ ในขณะที่เม็ดมะยมที่ประดับด้วยออนิกซ์ทรงคาโบซงช่วยให้ดีไซน์เรขาคณิตแบบ Two-Tone นี้ดูสมบูรณ์แบบและตอบโจทย์คำว่า Timeless และความคลาสสิกที่เปรียบเสมือนแก่นของแบรนด์สุดๆ
