‘Guerlain’ หรือ ‘เกอร์แลง’ ลักซูรีแบรนด์จากประเทศฝรั่งเศสผู้บุกเบิกวงการน้ำหอมชั้นสูง เป็นระยะเวลาเกือบ 200 ปีที่เกอร์แลงได้ริเริ่มสร้างสรรค์แรงบันดาลใจผ่านกลิ่นหอมอันทรงเอกลักษณ์ ทรงคุณค่า และเหนือกาลเวลา จนกลายมาเป็น ‘L’Art & La Matière’ คอลเลคชั่นน้ำหอมชั้นสูงหรือ ‘Haute Parfumerie’ อันโด่งดังของแบรนด์ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2005 ทุกกลิ่นหอมในคอลเลคชั่นอันเลอค่านี้ ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถสะท้อนถึงภาพลักษณ์อันหรูหราสง่างาม และรสนิยมชั้นเลิศได้เป็นอย่างดี
ในวันนี้ L’Art & La Matière ได้เผยโฉมผลงานน้ำหอม 2 กลิ่นใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับ 2 เฉดสีที่แสดงให้เห็นถึงสีของ ‘Oud Wood’ หรือ ‘ไม้หอมกฤษณา’ อันเป็นวัตถุดิบหลักที่โดดเด่นในการรังสรรค์น้ำหอมกลิ่นใหม่เหล่านี้ เหล่านักปรุงน้ำหอมได้คัดเลือกวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้มาซึ่งส่วนผสมอันล้ำค่าที่มีความลึกลับ ซับซ้อนแต่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำหอมที่มีกลิ่นหอมรัญจวนฟุ้งกระจายตัวได้เป็นอย่างดี
รวมไปถึงเฉดสีอันงดงามส่งเสริมจินตนาการแห่งกลิ่นให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมาในเฉดสีที่ทุกคนต่างไม่คาดคิดกันมาก่อนอย่างสีเบจนู้ด ซึ่งเป็นสีเนื้อไม้อ่อนที่มีเนื้อสัมผัสเรียบเนียนเหมือนดั่งงานประติมากรรม Pure form ของประติมากรชาวโรมาเนียที่มีชื่อว่า ‘Constantin Brâncuși’ สำหรับน้ำหอมกลิ่น Oud Nude ส่วนไม้สีดำที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงร้อนแรงลุ่มลึกแสนแวววาวของผลเชอร์รี่ ชวนให้นึกถึงงานถึงผลงานศิลปะที่มีสีแดงวับวาวอันโด่งดังของศิลปินชื่อก้อง ‘Jeff Koons’ ถูกถ่ายทอดอยู่ในน้ำหอมกลิ่น Cherry Oud
แรงบันดาลใจจาก 2 ผลงานของ 2 ศิลปินชื่อดัง ถูกถ่ายทอดและตีความออกมา เพื่อเผยให้เห็นถึงเฉดสีแห่ง Oud Wood หรือไม้หอมกฤษณา ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจหลักของ 2 กลิ่นใหม่ในคอลเลคชั่นนั่นเอง อีกความพิเศษของ 2 กลิ่นใหม่ในคอลเลคชั่น L’Art & La Matière นี้คือการร่วมงานกับคุณ ‘Ghizlane Agzenaï ‘ ศิลปินชาวโมร็อกโก ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในการสร้างสรรค์ผลงานผ่านลวดลายกราฟิกและสีสันต่างๆโดย Ghizlane ได้ออกแบบลวดลายสุดพิเศษที่สะท้อนแรงบันดาลใจที่ได้จากน้ำหอมกลิ่นใหม่ ลงบน Plate หรือฝาขวดน้ำหอมของคอลเลคชั่น L’Art & La Matière รวมไปถึงออกแบบการตกแต่งร้านบูติกของเกอร์แลงทั่วทุกมุมโลก
‘Oud Wood’ An Essence Celebrated by Guerlain
Oud Wood หรือไม้หอมกฤษณามีความสำคัญและมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ เป็นที่กล่าวถึงในหลากหลายวัฒนธรรมผ่านชื่อเรียกต่างๆ เช่น Aloes Wood, Eagle Wood, Gaharu หรือ Jinkoh ไม้หอมชนิดนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่หายากและมีราคาสูงโดยมีราคาแพงเทียบเท่ากับทองคำเลยก็ว่าได้ กลิ่นหอมอันล้ำค่าสุดตราตรึงของ Oud Wood นั้นมาจากยางเหนียวบริเวณแก่นไม้ ซึ่งจะถูกหลั่งออกมาเพื่อรักษาและปกป้องตนเอง
เหล่าสุคนธกรของเกอร์แลงได้คัดเลือก Oud Wood อย่างพิถีพิถันจากป่าที่บังกลาเทศ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับชายแดนรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย อย่างไรก็ดีนอกเหนือไปจากปัจจัยด้านคุณภาพของไม้ที่ต้องเป็นเลิศแล้ว เกอร์แลงยังคำนึงถึงความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีก โดยจะปลูกต้นไม้ทดแทน 20 ต้นให้กับทุกๆ 1 ต้นที่ถูกตัดลง รวมไปถึงกรรมวิธีในการเก็บเกี่ยวที่ทำด้วยมือตามวิถีโบราณซึ่งสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยจะตัดไม้เป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นกลั่นแบบสกัดด้วยไอน้ำเพื่อให้ได้มาซึ่งยางเหนียวสีดำอันเป็นแหล่งกำเนิดแห่งกลิ่นหอมอันล้ำค่า
ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้นี้ เรียกว่า ‘Oud Assam’ เป็นหัวน้ำหอมเข้มข้นที่เผยความหอมของกลิ่นไม้ Woody อันหรูหรา เจียระไนกลิ่นอายของอำพัน (Amber) เข้ากันอย่างกลมกล่อมกับกลิ่นหนัง (Leather) และกลิ่นหอมอ่อนแนว Animalic อันนุ่มนวล โดยในคอลเลคชั่น L’Art & La Matière นี้ สุคนธกรของเกอร์แลงร่วมกันเฉลิมฉลองผ่านการรังสรรค์น้ำหอมชั้นสูงที่สื่อถึงเฉดสีที่หลากหลายของ Oud Wood
‘Oud Nude’ A Skin-Soft Oud Wood
หากให้บรรยายถึงกลิ่นของน้ำหอมตัวแรกของคอลเลคชั่นน้ำหอมใหม่จาก L’Art & La Matière อย่าง Oud Nude ก็คงจะต้องบอกว่า “เปล่าเปลือย เย้ายวน และชวนให้ลุ่มหลง” เพราะน้ำหอมกลิ่นนี้มีแนวกลิ่น Woody-Ambery ที่ให้ความอบอุ่น ซาบซ่าน รังสรรค์โดยสุคนธกรของเกอร์แลงในเฉดสีโทน Nude สุดหรูหราพร่างพราว
สัมผัสแรกหรือของ Oud Nude ประดุจเส้นสายอันโค้งเว้าของไวท์อัลมอนด์ ความนุ่มนวลดุจไม้ขัดเงาแต่ง แต้มความเย้ายวนและเผ็ดร้อนด้วยยี่หร่า ที่ให้กลิ่นกรุ่นอบอุ่นเมื่อต้องผิว สำหรับ Heart Notes คือ Raspberry Accord สุดวาบหวามดุจรอยจูบที่ประทับลงบนไม้ซีดาร์อันหรูหรา นำมาซึ่งเฉดสีบลอนด์เรืองรองส่องประกาย
ไม้หอมกฤษณานั้นเปล่งประกายขึ้นด้วยซีดาร์ อ่อนละมุนขึ้นด้วยไม้จันทร์หอมและสีสันแห่งวานิลลาจากมาดากัสการ์ ส่วนผสมสุดล้ำค่าเหล่านี้เปรียบประหนึ่งหัวใจของเกอร์แลง โดยทุกส่วนผสมจะถูกหมักบ่มใน Organic Alcohol อย่างพิถีพิถันเป็นระยะเวลายาวนานจนเกิดการแยกตัว กรรมวิธีเฉพาะนี้นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเกอร์แลงที่สืบสานกันมาอย่างยาวนานนับศตวรรษ
การตีความและถ่ายทอด Oud Wood ในมุมมองใหม่ โดย Delphine Jelk นักปรุงน้ำหอมแห่งเกอร์แลง เผยให้เห็นด้านที่อ่อนละมุน แสนละเมียดละไม และเย้ายวนของไม้ ให้ความรู้สึกถึงความสง่างามที่เปล่งประกายพร้อมมอบความหรูหราได้อย่างไร้ที่ติ
‘Cherry Oud’ An Oud Wood Lacquered in Cherry
มิติแห่งสีแดงอันเข้มข้นร้อนแรงแสนเจิดจ้าถูกเปิดเผยและตีความผ่านไม้ Oud Wood ที่เคลือบประกายสีแดงทรงพลังดั่งผลเชอร์รี่สีแดงสด นักปรุงน้ำหอมแห่งเกอร์แลงภูมิใจนำเสนอน้ำหอมกลิ่นใหม่ Cherry Oud เผยกลิ่นหอมของ Oud Wood อันหรูหราทว่าแฝงความซุกซนด้วยกลิ่น Floral-Fruity ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งความลึกลับ พร้อมสะกดทุกคนให้ตกอยู่ในภวังค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เผยกลิ่นหอมเชอร์รี่สีแดงเข้มอันเย้ายวนที่โอบเคลือบ Oud Wood อันทรงพลังไว้ ถือเป็นความต่างอย่างสุดขั้วที่ลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ มอบสุนทรียภาพทั้งด้านกลิ่น รูปลักษณ์ และสัมผัส ผ่านความงดงามเกินต้านทานของสีดำและสีแดง
อีกความ Contrast ที่เป็นเสน่ห์ของ Cherry Oud คือการผสมผสานกันของเครื่องเทศคู่ตรงข้ามอย่าง Burning Cinnamon และ Cool Cardamon เผยให้เห็นถึงกลิ่นฟรุตตี้อันเข้มข้นของ Cherry Accord สำหรับสีแดงอันทรงพลังนั้นได้รับการยกระดับให้เข้มข้นขึ้นด้วยกุหลาบ 2 สายพันธุ์อันเป็นส่วนผสมชั้นเยี่ยม ได้แก่ Turkish Rose และ Bulgarian Rose
Dephine Jelk เผยว่าในการปรุงแต่งน้ำหอมกลิ่น Cherry Oud นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย โดยเธอจะตีความ Oud Wood สีดำเข้มที่เคลือบไปด้วยสีแดงสดนี้ ให้แสดงถึงความแข็งแกร่งที่แฝงไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน ทำให้นึกถึงผลงานประติมากรรมสีแดงอันเจิดจ้าและมีความแวววาวของ Jeff Koons ซึ่งผลงานของเขานั้นคือสเตนเลสขัดเงากระจกที่เคลือบไปด้วยสีแดงเชอร์รี่นั่นเอง
Personalisation ’Shades of Wood’
สีโรซี่เบจของ Oud Nude และสีแดงเข้มเจือน้ำตาลของ Cherry Oud ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับขวดน้ำหอมจากคอลเลคชั่นน้ำหอมชั้นสูง L’Art & La Matière ของเกอร์แลงได้เป็นอย่างดี โดยขวดน้ำหอมมีให้เลือกถึง 2 ขนาด ได้แก่ 100 มล. และ 200 มล. พร้อมสลักตราสัญลักษณ์ของแบรนด์เกอร์แลงนั่นคือ “ผึ้ง” ลงบนขวดน้ำหอมรูปทรงแปดเหลี่ยม
น้ำหอม L’Art & La Matière สามารถ Personalise ปรับเปลี่ยนและตกแต่งได้ตามความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอม, Plate (ฝาขวด) รวมไปถึงเชือกที่พันบริเวณคอขวด โดยคุณสามารถเลือกวัสดุและสีสันได้อย่างหลากหลาย และยังคงมอบความหรูหราและสง่างามในแบบของเกอร์แลงให้กับคุณ
โดยในคอลเลคชั่นล่าสุดของ L’Art & La Matière นี้ เผยให้เห็นถึง Plate รุ่นใหม่จากแผ่นไม้ธรรมชาติ 3 ดีไซน์ที่สะท้อนถึง 3 กลิ่นใหม่ในคอลเลคชั่นอันได้แก่ ไม้วอลนัทดิบเป็นสัญลักษณ์ที่ให้กลิ่นอายของกลิ่น Oud Nude, ไม้เวงเก้ (Wenge Wood) ที่มีลักษณะสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำตามธรรมชาติที่บ่งบอกถึงตัวตนของกลิ่น Oud Khôl ได้เป็นอย่างดี (*ประเทศไทยไม่มีน้ำหอมกลิ่น Oud Khôl จำหน่าย) และไม้วอลนัทเคลือบแล็คเกอร์สีแดงที่ชวนให้นึกถึงกลิ่น Cherry Oud อันเย้ายวน
สัมผัสประสบการณ์อันทรงเอกลักษณ์แสนงดงามของน้ำหอมชั้นสูงและแรงบันดาลใจแห่งศิลปะ คอลเลคชั่น L’Art & La Matière จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป เฉพาะที่เคาน์เตอร์เกอร์แลง สยามพารากอน ชั้น M เท่านั้น สามารถติดตามข่าวสารและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เกอร์แลงได้แล้ววันนี้ทาง Line Official Account @guerlainth