ประโยคสุดคุ้นหูอย่าง “คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” ที่ในบางครั้งอาจจะฟังดูเกินจริงไปเสียหน่อย แต่พอมาคิดและวิเคราะห์ดูดีๆ แล้วคนไทยเรานั้นก็มีความสามารถไม่แพ้คนชาติอื่นๆ ในโลกนี้จริงๆ นั่นแหละ โดยเฉพาะในวงการแฟชั่นที่ในปัจจุบันนี้เราเห็น #THAIPERSONA หรือคนไทยได้ไปเฉิดฉายอยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นกันอยู่หลายคนด้วยกัน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้เปรียบเสมือนกลไกชิ้นสำคัญไม่แพ้คนจากชาติอื่นๆ ที่มีหน้าที่คอยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ
และถ้าหากเราย้อนดูเบื้องหลังความสำเร็จของพวกเขาก่อนที่จะมายืนอยู่ในจุดๆ นี้เราก็จะรู้เลยว่าเส้นทางของพวกเขานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอน เพราะการที่จะไปยืนอยู่ในวงการแฟชั่นระดับโลกได้พวกเขาต้องผ่านด่านทดสอบ อดทน และแข่งขันกับเหล่าคนแฟชั่นระดับนานาชาติอย่างดุเดือดก่อนที่จะได้ที่ยืนในอุตสาหกรรมที่เรียกว่าหินอีกอุตสาหกรรมหนึ่งของโลกใบนี้ และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องพยายามขึ้นไปอีกขั้นก็เป็นเพราะ ‘อุตสาหกรรมสร้างสรรค์’ ในประเทศของเรานั้นไม่ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากภาครัฐเท่าที่ควร ซึ่งอุตสาหกรรมแฟชั่นนั้นเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทำให้การที่คนแฟชั่นไทยจะโกอินเตอร์ได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
วันนี้ LIPS จะพาทุกคนไปรู้จักกับเหล่าคนไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลกในหลากสาขาอาชีพไม่ว่าจะเป็น ช่างแต่งหน้า นางแบบ หรือแม้แต่แฟชั่นดีไซเนอร์ที่คอยปูทางและสร้างพื้นให้กับคนแฟชั่นไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับอินเตอร์ พวกเขาจะเป็นใครบ้าง และต้องฝ่าด่านทดสอบสุดหินของวงการนี้กันอย่างไร ไปดูกันเลย!
Jan Baiboon
เริ่มกันที่ Thai Persona คนแรกที่โด่งดังในแวดวงแฟชั่นระดับโลกอย่าง ‘Jan Baiboon’ หรือ ‘แจน-ใบบุญ อรุณปรีชาชัย’ นางแบบสาวชาวไทยที่ตอนนี้เฉิดฉายอยู่บนแคตวอร์ค นิตยสาร และแคมเปญแฟชั่นระดับโลก จนตอนนี้เธอเป็นหนึ่งในนางแบบที่ติดอยู่ในการจัดอันดับหมวด “Hot List’ ของเว็บไซต์นางแบบระดับโลกอย่าง models.com จุดเริ่มต้นการโกอินเตอร์ของนางแบบเอเชี่ยนลุคสุดฮอตคนนี้ก็คือการที่เธอลองเสี่ยงไปแคสต์งานที่ต่างประเทศ ซึ่งเมืองแรกที่เธอไปนั่นก็คือ London หนึ่งในเมืองหลวงของอุตสาหกรรมแฟชั่น
จากนางแบบที่ต้องวิ่งแคสต์งานวันละหลายๆ งานเธอได้ยกระดับตัวเองกลายเป็น ‘นางแบบหน้าใหม่’ หรือ ‘New Face’ ของวงการแฟชั่นได้เพราะเธอได้เดินแบบให้กับแฟชั่นโชว์ของ Burberry คอลเลคชั่น Spring/Summer 2020 ซึ่งเป็นรันเวย์แรกของเธอในระดับอินเตอร์ฯ แถมหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้ลงดิจิตอลแคมเปญของแบรนด์ Burberry ในไอจีด้วย ใบเบิกทางนี้ทำให้เธอต่อยอดและคว้าแฟชั่นโชว์ นิตยสาร และแคมเปญอีกหลายหลากแบรนด์ยกตัวอย่างเช่น Chanel, Stella McCartney, Dion Lee และ Rick Owens จนตอนนี้เธอเป็นหนึ่งในนางแบบที่น่าจับตามองของอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับอินเตอร์ฯ เลย
Nick Barose
อีกหนึ่งคนไทยอีกคนที่ประสบความสำเร็จในวงการแฟชั่นระดับโลกจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ’Nick Barose’ หรือ ‘นิค บาโรส’ เมกอัพอาร์ติสสัญชาติไทยที่ไปโด่งดังไกลระดับฮอลลีวูด ระยะเวลากว่า 25 ปีที่เขาได้รังสรรค์ลุคสวยๆ ให้กับนางแบบและเซเลบริตี้ระดับโลก และด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดทำให้เราเห็นเขาได้ทำสวยให้กับเหล่าเซเลบริตี้ระดับเอลิสต์มากแล้วมากมาย ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น Lupita Nayong’o นักแสดงสาวรางวัลออสการ์ที่เขาแต่งหน้าให้เธอเป็นประจำทั้งงานพรมแดงหรือแม้แต่ Photoshoot เองก็ตาม
แต่นอกจาก Lupita แล้วนั้นก็มีตัวแม่อีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น Wiona Ryder, Rachel Weisz, Tilda Swinton และ Kim Cattrall นักแสดงสาวผู้รับบท Samantha Jones ในซีรีส์และภาพยนตร์เรื่อง Sex and the City ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้มาง่ายๆ เพราะกว่าเขาจะมีทุกวันนี้ได้เขาต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำตามความฝันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะค่อยๆ ไต่เต้าจากนักศึกษาด้านการแต่งหน้าจนกลายเป็นช่างแต่งหน้าดาวรุ่งในช่วงปี 1990 และกลายมาเป็นเมคอัพอาร์ติสเบอร์ต้นของวงการฮอลลีวูดแบบทุกวันนี้
Mimi Tao
อีกหนึ่งนางแบบสาวที่วิ่งตามความฝันจากมาตุภูมิไปสู่ดินแดนเสรีภาพอย่าง ‘Mimi Tao’ หรือ ‘มีมี่ พชรณัฎฐ โนบรรเทา’ นางแบบ Transgender คนแรกที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมในรายการเรียลลิตี้โชว์ชื่อดังอย่าง Project Runway หรือสำหรับสายแฟที่ชอบชม Tiktok หรือ Reels ก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอในแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ Marco Marco กับท่าเดินอันโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ แต่กว่าที่เธอจะไปเฉิดฉายที่ New York Fashion Week ได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการแข่งขันที่สูงมาก และไม่ใช่เรื่องง่ายที่เอเจนซีนางแบบจะยอมเซ็นสัญญากับนางแบบโนเนมอย่างเธอ
ถึงอย่างไรก็ตามทุกวันนี้เธอก็มีเอเจนซีที่เป็นตัวแทนให้เธอในฐานะนางแบบคนหนึ่ง แถมเธอยังติดอันดับคนข้ามเพศที่ทรงอิทธิพลกับอุตสาหกรรมแฟชั่นโลกอยู่หลายๆ โพลล์เลย นอกจากนั้นอาชีพนางแบบของเธอกำลังเติบโตไปได้อย่างสวยงามในเมืองแห่งแฟชั่นเมืองนี้ Mimi เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างของนางแบบที่ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานความงามของไทยและถูกปฏิเสธงานในไทยอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติด้วยความมานะอุตสาหะของเธอเอง ปรบมือ!!
Aida Buarat or Araya Bua
‘Aida Buarat’ หรือ ’Araya Bua’ เป็นอีกหนึ่งนางแบบสาวชาว LGBTQ+ ที่กำลังมาแรงมากๆ ในตอนนี้ ด้วยลุคสุดสตรองและแต่งต่างทำให้เธอได้เดินแฟชั่นโชว์และถ่ายแบบให้กับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น Gucci, Valentino, Rick Owens, Saint Laurent และ H&M แถมยังได้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสารชั้นนำมากมาย เช่น Vouge Hong Kong, L’officiel Mexico และ i-D
แต่กว่าจะปังแบบทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเธอเคยมาร่วมประกวดเวทีบนความงามของสาวข้ามเพศอย่าง Miss Tiffany การประกวดที่จุดแสงให้กับเธอแต่ขณะเดียวกันก็ทำลายสุขภาพจิตของเธออย่างมาก ทำให้มีอยู่ช่วงหนึ่งเธอหันหลังให้กับทุกอย่างและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ก่อนที่โชคชะตาจะหยิบยื่นโอกาสให้เธอกลับมาเป็นนางแบบอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการเป็นนางแบบในระดับอินเตอร์ฯ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเธอโดนปฏิเสธงานมาแล้วหลายครั้ง แต่ด้วยตัวตนและความมุ่งมั่นของเธอเป็นหนึ่งใน Thai Persona ที่อยู่ในวงการแฟชั่นระดับโลกอีกคนหนึ่ง
Thakoon Panichgul
คนสุดท้ายเรียกว่าเป็นคนไทยอีกหนึ่งคนที่โด่งดังในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลกเป็นอย่างมากซึ่งเขาก็คือ ‘Thakoon’ หรือ ‘ฐากูร พานิชกุล’ เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าสุดโมเดิร์นอย่าง Thakoon แต่กว่าจะมาเป็นดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกและเจ้าของผลงานที่อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ อย่าง Michelle Obama หยิบไปสวมใส่ในโอกาสสำคัญอยู่เป็นประจำไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะในช่วงแรกของเส้นทางแฟชั่นของเขา เขาค้นหาตัวตนในอุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่การเป็นฝ่ายจัดซื้อที่แบรนด์ J. Crew และนักเขียนแฟชั่นที่ Haper’s Bazaar US จนรู้ว่าตัวเองอยากเป็นดีไซเนอร์จึงตัดสินใจเรียนต่อที่ Parson School of Design มหาวิทยาลัยด้านแฟชั่นชื่อดังในนิวยอร์ก ก่อนที่จะเปิดแบรนด์เป็นของตัวเองและโด่งดังเป็นพลุแตกด้วยการสนับสนุนของผู้หญิงสองคนอย่าง Anna Wintour และ Michelle Obama ทุกวันนี้แบรนด์ Thakoon อาจจะไม่เป็นที่พูดถึงเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังรักษา DNA ของแบรนด์และเป็นอีกหนึ่ง Thai Persona ในวงการแฟชั่นระดับโลกที่สร้างชื่อให้กับคนไทย