ปีนี้ Cartier TANK FRANÇAISE (คาร์เทียร์ แทงก์ ฟรองเซส์) นาฬิการุ่นคลาสสิกจากตระกูล TANK ถูกดึงกลับมาทำตลาดอีกครั้ง ซึ่งยังคงถ่ายทอดสไตล์ในแบบฝรั่งเศส ทั้งด้านสุนทรียะและศิลปะการก้าวทันยุคสมัยในแบบฉบับของ TANK มาพร้อมคุณสมบัติรอบด้าน ดีไซน์เรียบง่ายแต่ภูมิฐาน สวยงามเหนือกาลเวลา และท้าทายกรอบกำหนดเพศแบบเดิม ๆ
ความน่าชื่นชมอีกหนึ่งสิ่งของ Cartier คือ การปรับเปลี่ยนสไตล์ให้เข้ากับยุคสมัย แต่สามารถยืนหยัดอัตลักษณ์ของตนผ่านกาลเวลาได้อย่างกลมกล่อม เหล่านี้แสดงซึ่งผลลัพธ์เป็นเรือนเวลาที่ถูกเลือกให้คงอยู่ในทุกวาระสมัย
2023 กับ ดีไซน์ที่มาพร้อมวิวัฒนาการ
Tank Française เผยตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกในปี ค.ศ.1996 นาฬิกาสายโลหะที่เข้าตัวเรือนแบบไร้ที่ติ ความสมบูรณ์แบบนี้ทำให้ Tank Française ได้เข้ามาเป็นสมาชิกคนสำคัญในตระกูลแทงก์ทันที และในปี ค.ศ. 2023 กับดีไซน์แบบโมโนบล็อก (monobloc) และวัสดุโลหะชิ้นเดียวที่คาร์เทียร์นำมาปฏิวัติใหม่จนเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ ซึ่งมีทั้งแบบตัวเรือนสตีล และตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ พร้อมตัวเลือกประดับเพชร และสไตล์เรียบหรู
มารี-ลอร์ เซเรด ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์จิวเวลรี่และนาฬิกาของแบรนด์กล่าวว่า “TANK FRANÇAISE รุ่นใหม่สะท้อนความเชื่อมั่นในเชิงสร้างสรรค์ การเลือกใช้รูปทรงที่แหวกขนบธรรมเนียมของนาฬิกาแบบเดิมมาปรับเส้นสายต่าง ๆ ให้ดูเรียบง่ายขึ้น ตัดทอนรายละเอียดการออกแบบที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อกลับคืนสู่จุดเริ่มต้นแห่งตำนาน”
แคมเปญภาพยนตร์ กำกับโดย กาย ริทชี่ (Guy Ritchie)
สำหรับภาพยนตร์แคมเปญล่าสุดนี้ นำแสดงโดย Catherine Deneuve (กาทรีน เดอเนิฟ) นางเอกตลอดกาลตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน และ Rami Malek (รามี มาเลก) นักแสดงมากความสามารถแห่งยุคปัจจุบัน พร้อมกำกับการแสดงโดย Guy Ritchie (กาย ริทชี่) เพื่อถ่ายทอดความคลาสสิกเหนือกาลเวลากับ Cartier Tank Française
อาจเป็นเพราะ Cartier Tank Française คือ การแสดงออกซึ่งจิตวิญญาณล้ำสมัย เสมือนสายใยเชื่อมโยง Cartier กับปารีส ตลอดจนเสรีภาพและความคิดสร้างสรรค์ของมหานครเก่าแก่นี้ ที่ซึ่งเป็นทั้งภูมิศาสตร์เชิงวัฒนธรรมที่ได้รับการบันทึกและถ่ายทอดไว้อย่างประจักต์ ผนวกกับกระแสของภาพยนตร์ New Wave อันโด่งดัง ด้วยเหตุนี้เองสื่อภาพยนตร์จึงเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ลงตัวสำหรับบันทึกเรื่องราวที่สะท้อนความหมายของแคมเปญนี้ โดยฉากหลังของเรื่องคือจุดกึ่งกลางระหว่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้ำ Seine (แซน) ในปารีส
ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนการสดุดีวงการภาพยนตร์ และนำเสนอความคิดเรื่องเสรีภาพเชิงสร้างสรรค์ที่ Cartier ส่งเสริมมาอย่างยาวนานนั่นเอง
