เปิดตัวเทคโนโลยี PureGEL™ ใหม่ ให้สัมผัสนุ่ม เด้ง และเพิ่มโฟม FF BLAST™ PLUS ECO มากขึ้น 20% ช่วยรองรับแรงกระแทก มอบประสบการณ์การวิ่งให้สบายกว่าที่เคย
ASICS (เอสิคซ์) เปิดตัว GEL-NIMBUS™ 25 รองเท้าวิ่งไอคอนิกในตำนานอีกรุ่นของแบรนด์ ซึ่งจากการที่ได้เทสต์ไดรฟ์รองเท้าคู่นี้มาแล้ว เราสามารถพูดได้เต็มปากเรื่องสัมผัสที่นุ่มสบายอย่างที่ Gel-Nimbus™ รุ่นก่อน ๆ ไม่ได้มอบความรู้สึกนี้ให้เราได้มากนัก
รองเท้ารุ่นล่าสุดนี้ถูกออกแบบมาเสริมการวิ่งที่ต้องการความซัพพอร์ตได้ดีขึ้นจากหลายปัจจัย ทาง ASICS เผยว่า รองเท้า GEL-NIMBUS™ 25 ถูกผ่านการทดสอบจาก The Biomechanics Lab ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ว่าสามารถช่วยรองรับแรงกระแทก และให้สัมผัสที่นุ่มนวลสบายเท้า
ความเดิมตอนที่แล้วต้องเล่าก่อนว่า รองเท้าวิ่งตระกูล Nimbus ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1999 ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นรองเท้าวิ่งที่เน้นการซัพพอร์ต และความนุ่ม ที่ไม่ว่าจะผลิตออกมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น ก็ยังคงใช้นวัตกรรมหลักที่เรียกว่า เจล (Gel) ในพื้นรองเท้าสำหรับรองรับแรงกระแทกมาตลอด
ทว่าในปี ค.ศ. 2023 นี้ ถือเป็นวาระครบรอบ 25 ปี สำหรับรองเท้าวิ่งตระกูล Nimbus ต้องบอกว่าแบรนด์ได้มีการพัฒนาทั้งในเรื่องเทคโนโลยีและรูปโฉม เรียกว่าปรับจากรุ่น GEL-NIMBUS 24 แบบยกแผง
. . . บางคนถึงกับแซวว่า GEL-NIMBUS™ 25 กับ GEL ที่หายไป . . .
ซึ่งจริง ๆ มันไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ว่ารุ่นนี้ไม่ได้นำนวัตกรรม GEL ออกมาโชว์ให้เห็นจากภายนอกเหมือนเคย แต่ใส่มันกลับเข้าไปในพื้นด้านในตรงบริเวณส้นเท้าใต้แผ่นรองเท้า OrthoLite X-55 ซึ่งถูกออกแบบ และเรียกชื่อใหม่เอี่ยมว่า PureGEL™ ด้วยคุณสมบัติน้ำหนักเบากว่าเจลทั่วไป พร้อมด้วยพื้นชั้นกลาง FF BLAST™ PLUS ECO โฟมชนิดใหม่ที่เป็น Bio-based น้ำหนักเบา นุ่ม และรองรับแรงกระแทกได้ดีกว่าเดิมเข้ามาใช้งานแบบเต็มความยาวเท้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนถึง 20% และมาในรูปทรงโค้ง ช่วยส่งเสริมไดนามิกการวิ่งให้ไหลลื่น
รายละเอียดอื่น ๆ ที่นักวิ่งสายซัพฯ ต้องคำนึง คงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘ดรอป’ (หรือความแตกต่างระหว่างปลายรองเท้าและส้นรองเท้า) ต้องบอกว่ารุ่นนี้มีดรอปอยู่ที่ 8 มม. ซึ่งน้ำหนักสำหรับไซซ์รองเท้าผู้ชาย 9 US – น้ำหนักอยู่ที่ 292 กรัม และไซซ์ผู้หญิง 8 US – น้ำหนักอยู่ที่ 260 กรัม ถือว่าน้อง ๆ มีน้ำหนักตัว และความหนาของรองเท้าอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับรองเท้าสายซัพพอร์ต
มาโฟกัสกันที่งานดีไซน์ ซึ่งดูเหมือนว่า ASICS พยายามออกแบบรองเท้ารุ่นนี้ให้มีความเรียบง่าย และคลาสสิกขึ้น จนเกือบจะย้อนยุคไปเล็กน้อย (ซึ่งส่วนตัวเรากลับชอบที่มันเรียบ ๆ โก้ ๆ) บริเวณลิ้นรองเท้า และส่วนหุ้มข้อเท้ามีความยืดหยุ่น และระบายอากาศได้ดีขึ้น ระหว่างวิ่งยาว ๆ ก็ยังรู้สึกสบายและไม่เหนอะหนะ เป็นอีกฟังก์ชันที่ช่วยปรับขนาดให้กระชับเข้ากับเท้า ที่สำคัญยังมาพร้อมตัวเลือกสีสันแบบจัดเต็ม ซึ่งก็น่าจะทยอย ๆ เข้าไทยมาจำหน่ายเพื่อทำตลาดยาวไปทั้งปีนี้แน่นอน
สัมผัสความนุ่มสบายของ GEL-NIMBUS™ 25 (ราคา 6,500 บาท) ทั้งโมเดลสำหรับผู้ชายและผู้หญิง ได้แล้ววันนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2566) ที่ ASICS Store ทุกสาขา และทางออนไลน์ที่ ASICS.COM