พูดคุยกับ ‘เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ’ นักแสดงสาวสวยเจ้าของรอยยิ้มสดใส ที่เธอจะมาบอกเล่ามุมมองความรักที่เฮลทีตามแบบฉบับของเธอในวัยที่โตขึ้น รวมถึงความรู้สึกในการร่วมงานกันกับ ‘เจโต-ปณิธิ นวสมิตวงศ์’ ครั้งแรกที่ LIPS
ณ กองถ่ายแฟชั่นเซตที่ในขณะนี้ทีมงานกำลังเคลียร์พื้นที่หลังจากการถ่ายงานเสร็จสิ้นสุดลง “เหนื่อยไหมคะวันนี้” คำกล่าวทักทายแรกเมื่อเห็นเต้ยในลุคแต่งตัวสบาย ๆ หน้าสดไร้เมกอัพแต่คงความน่ารักสดใสของเธออยู่ “เหนื่อยค่ะ” เสียงคำตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาบางกับรอยยิ้มที่เต็มด้วยความเคอะเขิน มาพร้อมประโยคกล่าวชวนไปยังห้องแต่งตัว เพื่อพูดคุยสบาย ๆ ตามแบบฉบับ ‘เต้ย-จรินทร์พร’
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดเต้ยเริ่มแต่งแต้มสีสันด้วยการปล่อยความสดใสแรกผ่านการอัปเดตเรื่องราวชีวิตในวัยโตขึ้นของเธอ “วัยขึ้นต้นด้วยเลขสาม เต้ยเลือกโฟกัสชีวิตตัวเองมากขึ้น จากการได้เรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ทำให้เต้ยรู้จักตัวเองจากภายในจิตใจของเราจริง ๆ ซึ่งส่วนนี้ช่วยรีเซตอะไรหลายอย่างให้เต้ยปรับไลฟ์สไตล์ตัวเอง เลือกใช้ชีวิตได้อย่างเฮลทีขึ้นกว่าเดิม” โดยเธอเริ่มกล่าวเสริมถึงการทำธุรกิจ “Daisy Brown แบรนด์เสื้อผ้าเล็ก ๆ ของเต้ยก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่เกิดขึ้นจากความชอบส่วนตัวของเต้ย แล้วต่อยอดออกมาเป็นแบรนด์เสื้อผ้าสวมใส่สบาย ๆ สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ทั้งลุคแคชชวลและลุคทางการ” พร้อมพูดต่อถึงภาคภูมิใจของเธอที่สมกับการเป็นมหาบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขา Environmental Social Sciences
“และ EEC (Environmental Education Centre Thailand) องค์กรส่งเสริมงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Sustainability) ที่เต้ยทำกับอเล็กซ์ (อเล็กซานเดอร์ ไซม่อน เรนเดลล์) มาประมาณ 8 ปีแล้ว งานนี้ก็ค่อนข้างลงตัว ตอนนี้เต้ยก็เป็นผู้ถือหุ้นสวย ๆ ไป (แสดงท่าทางภูมิฐานในแบบของเธอ)จริง ๆ ก็มีไปช่วยงานบ้าง เพราะการไปทำงานที่ EEC เหมือนเป็นการชาร์ตพลังบวกที่เราได้รับจากเด็ก ๆ ที่มาทำกิจกรรมร่วมกัน แต่…” คำขัดแย้งที่ดังขึ้นมาพร้อมสีหน้าเศร้า “ต้องถ่ายละครสองเรื่อง ‘มาตาลดา’ กับ ‘มือปราบกระทะรั่ว’ ทั้งเจ็ดวันเลย เชื่อป่ะ! ว่าปีที่ผ่านมาตั้งเป้าจะไปสัก 2-3 ครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเลย แต่อย่างไรก็ตามเต้ยเห็นว่าธุรกิจนี้ไปได้สวยเต้ยก็ภูมิใจสุด ๆ ล่ะ” พร้อมเผยรอยยิ้มแห่งความภูมิใจให้เรายิ้มตามเธอ
นอกจากเรื่องงานแล้ว ถ้าไม่ให้เต้ยเปิดใจถึงมุมมองความรักก็อาจจะหลุดธีม I’m in Love. เล่มนี้ไปได้ “ถ้าเป็นมุมมองความรักของเต้ยในช่วงวัยสามสิบก็เปลี่ยนไปนะคะ” แค่ประโยคเปิดเธอก็วางมาดสุขุมขึ้น “ด้วยส่วนตัวเต้ยเป็นคนชอบศึกษาตัวเองอยู่แล้ว บ้างก็ชอบคุยกับตัวเอง (หัวเราะแก้เขิน) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ช่วงวัยสามสิบของเต้ยมีความเข้าใจในความรักมากขึ้น ทั้งการเข้าใจความหมายที่แท้จริงของ Self Care และ Self Love ว่าคืออะไร รวมถึงหนทางการแก้ไข ตลอดถึงการปรับตัวเองให้เรารู้สึกสบายใจที่สุดในการดำรงชีวิต รวมถึงเรื่องความรักของเรา” เต้ยกล่าวเพิ่มเติมถึงสาเหตุของความรักที่มักเกิดทุกข์ว่า
“แต่ก่อนเราใช้ชีวิตตามแบบแผนเดิม ๆ วนมาเจอแต่เรื่องที่ทำให้เราไม่สบายใจอยู่เสมอ” จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เต้ยค้นพบคือ “การเรียนรู้ที่จะพูดคำว่า ‘ไม่’ หรือการปฏิเสธในบางสิ่งที่ไม่ใช่เราบ้างก็ดี จากแต่ก่อนที่แคร์ความรู้สึกของใครคนอื่นไปเสียหมด จนลืมฟังเสียงหัวใจของตัวเอง เลยทำให้รักในแต่ละครั้งดูเหนื่อยเกินไป ไม่สบายใจเลยสุดท้ายก็ต้องจบลง” เมื่อมุมมองความรักที่เปลี่ยนไปนำพาเธอสู่ “ความรักที่เป็นอิสระ สามารถกำหนดแบบแผนได้ด้วยความสบายใจของเราเอง มันคือรักที่เฮลทีของเต้ย”
แล้วเมื่อความรักที่เกิดจากการเรียนรู้ LIPS จึงอยากให้เต้ยจัดทำพจนานุกรมที่ชื่อว่า ‘รัก’ ขึ้นมาเล่มหนึ่ง เพื่อสื่อสารนิยามความรักในแบบของเธอให้ผู้อ่าน LIPS รู้จักผู้หญิงคนนี้มากกว่าเคย สิ่งแรกที่เธอทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นทันทีคือ “ความหนาที่เกิดจากสิ่งต่าง ๆ ที่เต้ยได้เรียนรู้ ซึ่งล้วนแต่เป็นความรักที่ดีสำหรับเต้ยนะคะ” คำแรกของหนังสือหนาเล่มนี้คือ “ ‘ความสบายใจ’ เต้ยคิดว่าความรักไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของครอบครัว หรือคนรัก ก็ย่อมเกิดจากการเรียนรู้ ปรับอัตตาของตัวเอง รวมถึงการเสียสละ เพื่อเข้าใจและอยู่กับปัจจุบัน แล้วสิ่งเหล่านี้จะนำเราไปสู่ความรักที่สบาย ๆ เบา ๆ ไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอึดอัด” และคำปิดท้ายเล่มด้วยคำว่า “บาลานซ์” เธออธิบายต่อด้วย “ความรักไม่ใช่เรื่องง่ายในการรักษาความสัมพันธ์ให้ราบรื่น ถ้าเมื่อไหร่ที่รักเราขาดความบาลานซ์รักก็คงไปต่อได้ยาก แต่เมื่อเราพบความพอดีของความสัมพันธ์ที่เกิดจากความเข้าใจซึ่งกันและกัน ความรักครั้งนี้ก็จะเป็นรักที่เฮลที”
แล้วดูเหมือนว่าในขณะนี้เต้ยเองก็กำลังอินกับรักที่เฮลที จากโมเมนต์ระหว่างถ่ายแฟชั่นเซตของเต้ย ที่มี เจโต-ปณิธิ นวสมิตวงศ์ คนสนิทของเธอมาบันทึกภาพเคลื่อนไหวมาบอกเล่าตามคอนเซ็ปต์ I’m in Love. ที่เธอเอ่ยกับเราด้วยอมยิ้มว่า “จริง ๆ เราไม่ค่อยได้ร่วมงานกันเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นพวกโฆษณา แต่ครั้งนี้พี่นิว (อธิวัฒน์ ตู้ทองคำ Editor-in-Chief) ชวนพี่เจโตมาถ่ายแฟชั่นวิดีโอให้ ซึ่งพี่นิวก็อยากให้พี่เจโตถ่ายทอดมาในมุมของพี่เขา” ในระหว่างถ่ายทำ “เต้ยก็ชิล ๆ เลย เพราะพี่เขาบอกให้เต้ยเป็นเต้ยแบบตอนที่อยู่กับเขา ซึ่งก็ไม่ได้ยากเลย แต่เมื่อมีคนอยู่ในกองถ่ายเยอะก็มีความเกร็งบ้าง เพราะจริง ๆ เต้ยไม่เคยพาเขาไปที่ทำงานด้วยก็อาจไม่ชินในส่วนตรงนี้” ความพิเศษของการทำงานร่วมกันครั้งนี้ที่ทำให้เธอเซอร์ไพรส์ “พี่เจโตทำการบ้านมาดีมาก ทั้งจดโน๊ตคำพูดที่เราเรียกกันสองคน เพลงที่เราเคยฟังด้วยกัน แต่เขาไม่บอกเต้ยนะว่าเขาเลือกเพลงอะไร” ความลับของสองคนนี้ทำให้เราลุ้นไปด้วยเลยว่าเจโตจะเลือกเพลงอะไรมาประกอบวิดีโอตัวนี้
ท้ายสุดนี้เธอก็คัดคำหนึ่งจากพจนานุกรม ‘รัก’ ของเธอมาฝากคือคำว่า ‘Joy’ เป็นคำที่สื่อถึงการที่เราจอยกับความรักไปพร้อมกับการเรียนรู้ที่มาจากความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง เพื่อค้นพบความสบายใจ แล้วนำไปสู่ ‘รักที่เฮลที’