ช่วงหลายปีมานี้เราคงได้ยินกิตติศัพท์ของ EMSCULPT/EMSCULPT NEO นวัตกรรมที่เลื่องชื่อในเรื่องการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันไปพร้อมๆ กัน โดยจุดที่นิยมนำมาใช้คือบริเวณหน้าท้องเพื่อกระตุ้นการสร้างซิกซ์แพ็ก ซึ่งความน่าอัศจรรย์คือ การนอนติดเจ้าเครื่องนี้ไว้ที่หน้าท้องเฉยๆ 30 นาที ก็ได้ผลลัพธ์ได้เท่ากับการซิตอัปถึง 20,000 ครั้ง ราวกับโกงการออกกำลังกายจริงๆ
แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อเทคโนโลยีสุดล้ำที่ว่าถูกพัฒนาสู่เวอร์ชั่นที่สามารถนำมาใช้กับใบหน้าได้แถมยังเข้าไทยให้สาวกบิวตี้อย่างเราได้ลองกันแล้วเรียบร้อย วันนี้ LIPS ขออาสาพาไปฟังทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ EMFACE จากปาก คุณหมอต้น นพ.สฤษดิ์ ตันติอภิชาต หัวเรือใหญ่แห่ง Amarante Clinic ที่ได้นำเข้าเครื่อง EMFACE เป็นแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมบอกเล่าประสบการณ์จากการสัมผัสนวัตกรรมความงามสุดล้ำนี้ให้ผู้อ่าน LIPS ได้เห็นภาพกันชัดๆ
EMFACE คืออะไร?
“เทคโนโลยียกกระชับใหม่ที่ช่วยในเรื่องการเฟิร์มมิ่งและลิฟต์ผิว ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะรู้จักคำว่า RF หรือว่าคลื่นวิทยุ ซึ่ง EMFACE เป็นการรวมตัวของเทคโนโลยี HIFES และคลื่น RF หรือแปลง่ายๆ ก็คือคลื่นวิทยุ+คลื่นไฟฟ้า โดยที่คลื่นวิทยุจะกระตุ้นในส่วนผิวด้านบน คอลลาเจน ช่วยเฟิร์มผิว ส่งผลให้เกิดโปรตีนในการสร้างกล้ามเนื้อด้วย ส่วนตัวคลื่นไฟฟ้าก็จะเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อให้มีการสร้างเส้นใยมากขึ้น ช่วยในการพยุงหน้า” คุณหมอต้นกล่าว
“RF จะแปะอยู่บนหน้าติดต่อกันเป็นเวลา 20 นาที โดยพลังงานจะอุ่นเท่าเดิมตลอด ถ้าเทียบกับ RF เครื่องอื่นจะมีเรื่องของการนวดวนเพิ่มเข้ามา หรือถ้าเป็นเครื่อง Thermage ก็จะต้องสแตมป์บนผิวแต่พลังงานจะแรง ในขณะที่ EMFACE คือการวางเฉยๆ ได้เลย ผิวหน้าไม่ไหม้”
คุณหมอต้นยังอธิบายเพิ่มเติมถึงความแตกต่างระหว่าง EMFACE และ Ulthera, Thermage และ Hifu ด้วยว่า “เครื่องเหล่านี้จะกระตุ้นเรื่องคอลลาเจนเป็นหลัก ซึ่งการกระตุ้นคอลลาเจนหนึ่งครั้ง แน่นอนว่าทำให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนเต็มที่
แต่ EMFACE จะออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อด้วย ซึ่งเปรียบเสมือนเราออกกำลังกาย การจะกระตุ้นกล้ามเนื้อให้มีการสร้างเส้นใยเพิ่มขึ้นได้ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง จะออกกำลังเพียงแค่เดือนละครั้งก็คงไม่เห็นผล ตามโปรแกรมจึงแนะนำให้กระตุ้นกล้ามเนื้อทุกสัปดาห์ จำนวน 4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และแน่นอนว่าผลลัพธ์ไม่เหมือนการใช้เครื่องกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อตัว แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความตึงมากพอจะพยุงใบหน้าเราได้”
“กรณีให้เทียบประสิทธิภาพกับ Ulthera ตอนนี้ยังไม่มีงานวิจัยที่บอกได้ว่าแบบใดดีกว่า แต่สิ่งที่เกิดคือ ถ้าจะรักษากรณีที่คนไข้มีปัญหาหลายๆ อย่าง ผมอาจจะเริ่มรักษาที่ EMFACE ก่อนเพราะทำได้ทุกชั้น แต่ถ้าผิวด้านบนมีผิวไม่เฟิร์มก็อาจเสริมด้วย Ulthera ซึ่งข้อดีของ EMFACE คือเหมาะกับคนที่กลัวเจ็บ และทำเพียง 20 นาที สรุปได้ว่ามันสามารถเสริมประสิทธิภาพกันและทำควบคู่ไปด้วยกันได้”
REVIEW EMFACE | AMARANTE CLINIC
หลังจากขั้นตอนการทำความสะอาดผิวแล้ว สเต็ปแรกคือการแปะสื่อบนแผ่นหลัง จากนั้นคุณหมอจะวาง Patch บนใบหน้าตามจุดที่ต้องการกระตุ้นแล้วจึงปล่อยพลังงาน
สิ่งที่เรารู้สึกได้คือพลังงานที่สั่นและดึงยกกระชับใบหน้าสลับกันระหว่างหน้าผากและแก้มพร้อมความรู้สึกอุ่นโดยไร้ซึ่งความเจ็บแต่อย่างใด สามารถนอนสบายๆ แล้วปล่อยให้เครื่องงานจนครบ 20 นาที
ผลลัพธ์หลังการยกกระชับด้วย EMFACE
ก่อน-หลังรับบริการเพียง 1 ครั้ง สัมผัสได้ว่าผิวหน้ามีความแน่นขึ้น บริเวณกรอบหน้ามีความยกกระชับขึ้นเล็กน้อย ผิวมีความอมชมพูจากพลังงานความอุ่นแล้วค่อยๆ จางหายไปเป็นปกติ
คลิปเจาะลึก EMFACE เครื่องยกกระชับ นวัตกรรมใหม่
“การเตรียมตัวก่อนรับบริการก็ไม่มีข้อห้ามอะไรพิเศษ นอกจากเคสที่มีอาการติดเชื้ออักเสบบริเวณผิวที่จะทำ เช่น เริม งูสวัด หรือถ้าใครที่มีฝ้าหนาคล้ำ หมอจะแนะนำให้ไปรักษาก่อน ถ้ามีสิวเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นไรครับ ทำได้ หลังทำควรบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวชุ่มชื่น หากเลี่ยงแดดได้ก็จะดี แต่จริงๆ แดดก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมาก” – คุณหมอต้นสรุป
EMFACE เหมาะกับใคร?
ผู้ที่ไม่เคยเข้าสู่วงการยกกระชับใบหน้าแต่อยากลองเปิดใจ หรือคนที่กลัวเจ็บ โดยสามารถจัดแจงเวลาให้ตัวเองไปรับบริการอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้งจนครบเดือนได้ EMFACE ถือเป็นนวัตกรรมที่ค่อนข้างตอบโจทย์เลยทีเดียว หลังทำก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด
Words: Warisara Limanantrakool
รายละเอียดเพิ่มเติม: amarante.clinic