Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

เรียกเขาว่า ‘นายห้าง’ เมื่อ ‘โอบนิธิ’ ลุกขึ้นมาร้องเพลง-ลงทุนเองครั้งแรก

นักแสดงที่อยากสัมผัสความกรี๊ดของ ‘แฟนเพลง’
Interview / People

โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ ผ่านการพิสูจน์ถึงความสามารถในงานแสดงมาแล้วถึง 10 ปีเต็ม แต่ในปีที่ 1 ของชีวิตฟรีแลนซ์ โอบกลับไปเริ่มต้นใหม่จาก 0 ในฐานะนายทุน ผู้ประสานงาน นักบัญชี ไปจนถึงนักร้องในงานเพลงแรกในชีวิต ‘ต่อให้เธออยู่ไกล (Moon to Mars)’

OABNITHI – ต่อให้เธออยู่ไกล (Moon to Mars) | Official MV

ครั้งแรกและครั้งล่าสุดที่ได้สัมภาษณ์โอบ นั่นเมื่อปี 2017 เขาแนะนำผลงานใหม่ที่ในเวลาต่อมากลายเป็นซีรีส์ดีและดัง I Hate You, I Love You สิ่งที่จดจำได้คือแววตามุ่งมั่นระคนไตร่ตรองก่อนตอบทุกคำถามของโอบ ดังนั้นเราจึงแปลกใจแต่ก็ไม่ผิดคาด เมื่อเขาหวนกลับมาบอกว่า “โอบจะเป็นนักร้อง” และอีกครั้งที่เขาพูดถึง ‘ลูก’ คนใหม่อย่างหลงใหลรักใคร่ และพร้อมปล่อยให้กลุ่มคนใหม่ในชีวิตที่เรียกว่า ‘แฟนเพลง’ รับเขาไว้พิจารณา

LIPS: มีวี่แววมาก่อนไหมว่าหลังจากเราเป็นศิลปินทางการแสดงมา 10 ปีแล้ว วันนี้อยากเป็นศิลปินทางดนตรีบ้าง

โอบ: จริงๆแล้วผมอยากทำเพลงมาตลอดตั้งแต่ช่วงที่นาดาวมิวสิกยังมีอยู่ แต่เราไม่มีโร้ดแมปวางไว้เหมือนคนอื่นๆ พอนาดาวปิดตัว เรารู้ว่าเราทำเพลงไม่ได้แล้วจริงๆ ช่วงนี้ของปีที่แล้วเลยคุยกับพี่โฟร์ วง 25hours (ประทีป สิริอิสสระนันท์ มือกีตาร์โปร่ง) บอกเขาว่าอยากทำเพลง เพราะพี่โฟร์เคยอยู่นาดาวและเคยบอกว่าอยากทำเพลงให้เรา

LIPS: ประตูบานหนึ่งปิด อีกบานหนึ่งก็เปิด

โอบ: ใช่ ผมไม่มีวัตถุดิบอะไรเรื่องเพลงเลย เป็นศูนย์ (หัวเราะ) ไม่มีความรู้ ไม่เคยแต่งเพลง แต่เรามีคำที่ชื่นชอบคือคำว่า Moon to Mars เป็นรุ่นนาฬิกาที่ชอบ เลยบอกพี่นต เก็ตสิโนวา (ปณต คุณประเสริฐ มือกีตาร์และนักแต่งเพลง) ที่เป็นคนเขียนเนื้อร้องและทำนองว่าเราทำอะไรกับคำนี้ได้บ้างไหม พี่นตบอกว่ามันมีนัยถึงระยะทาง เราเล่นกับแง่มุมนี้ได้

LIPS: ‘จากดวงจันทร์ถึงดาวอังคาร’ โอบนึกถึงอะไร

โอบ: กาแล็กซี อยู่ข้ามโลกกัน เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่ อยากไปหาจัง เป็นระยะทางของการระลึกถึงว่าเธอเหงาเหมือนฉันหรือเปล่า แต่อุณหภูมิอบอุ่นนะ ไม่ได้เหงาหนาวเย็น เป็นเหมือนคู่ที่มีความรู้สึกดีให้กันแต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟน เป็นช่วงที่เราทำทุกวิถีทางให้ต่างคนต่างรู้สึกดี เป็นช่วงโปรโมชั่นที่แม้ไกลหรือลำบากแค่ไหน เราไปหาเธอได้ จากดวงจันทร์ถึงดาวอังคารว่าไกลนักใช่ไหม แต่สำหรับเรารู้สึกว่าใกล้เหมือนเชียงใหม่อยู่แค่ปากซอย

LIPS: โอบมีกระบวนการดึงเสียงที่อยากได้ยินออกมาให้คนอื่นรับรู้เป็นเพลงอย่างไร

โอบ: โชคดีที่เรามีพี่ๆ ศิลปินที่เก่งมากๆ ช่วยแนะนำ เราส่งตัวอย่างบีทที่ชอบไปให้พี่โฟร์ได้เอาไปต่อยอด ลองทำขึ้นมาก่อน ส่วนพี่นตก็บอกว่าเนื้อร้องปรับแก้ได้นะ ถ้าไม่ชอบตรงไหน ดราฟต์แรกที่ออกมามันหม่นมาก (ลากเสียงยาว) โทนดาร์กมาเลย คนฟังจะไม่เอาใจช่วยให้คู่นี้สมหวัง เราอยากให้คนฟังเพลงนี้ได้ทั้งปี ไม่ต้องฟังแล้วนึกถึงฤดูกาลไหน และต้องฟังแล้วรู้สึกบวก เลยมีเกลาคำบ้างนิดหน่อย บางคำโอบไม่น่าพูดคำนี้นะ ทำให้คำมันเข้าปากเรามากขึ้น เราไม่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงทั้งหมด เพราะศิลปินก็มีไอเดียของเขา เรามีก็ของเรา ถกเถียงกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อไม่ให้ปิดกั้นไอเดียของใคร ทุกอย่างถูกตั้งต้นมาด้วยความคิดที่ว่า พี่ๆอยากช่วยให้น้องทำผลงานเพลงนี้ให้สำเร็จ เป็นการช่วยกันมากกว่า

LIPS: ปีนี้โอบอายุ 28 เริ่มทำความฝันที่ 2 ในวัยนี้ช้า เร็วหรือเหมาะสมแล้ว

โอบ: ผมว่าทุกอย่างมีช่วงเวลาของมัน เราอาจไม่ได้บางอย่างมาในตอนนั้นก็ด้วยเหตุผลบางประการ หรือโอกาสยังไม่เหมาะสม แต่ผมคิดว่าเราจะสร้างสรรค์ผลงานของเราได้ก็ต่อเมื่อเราลุกขึ้นมาทำ ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เราก็จะไม่ได้ทำอะไรเสียที และเราจะเสียใจภายหลัง เรารู้สึกว่าถ้าทำเพลงนี้ มันก็คือผลงานของเรา และเรามีช่องทางที่จะทำได้ ทำไมเราจะไม่ทำล่ะ มีคนที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเราอยู่และเขาก็สนับสนุนเราด้วย ทำไมเราไม่ให้โอกาสตัวเองสักหน่อย

LIPS: มุมของความกล้าก็มีแล้ว แล้วมุมของความกลัวล่ะ ต้องคิดหน้าคิดหลังเรื่องอะไรบ้าง

โอบ: โอบเป็นคนทำอะไรแล้วจะคิดเยอะมาก กลัวว่ามันจะดีหรือเปล่า มันจะเป็นอย่างไร ถ้าเพลงนี้ออกมาแล้วเจ๊ง เงินเราเองนี่แหละที่จะหายไป (หัวเราะ) เพลงนี้โอบลงทุนเองทั้งหมดเลยครับ เดิมพันครั้งนี้สูงมาก แต่เคยมีคนสอนนะครับ และโอบก็ฟังเขาว่า ‘ทำเพลงทั้งที อย่าทำให้คนรู้สึกว่าก็เป็นนักแสดงมาร้องเพลง ก็ให้เป็นศิลปินจริงๆไปเลย ให้คนลืมภาพนักแสดงของเรา’ แต่โอบมองกลับกันว่าคำพูดนี้มีทั้งส่วนถูกและผิด ส่วนถูกคือการที่คนยอมรับเราในฐานะศิลปินก็เป็นเรื่องดี แต่ทำไมต้องให้คนลืมภาพนักแสดงของเราด้วยล่ะ

ถ้าเปรียบเทียบว่าโอบมีร้านราเม็งที่ขายดีมากๆ และเป็นที่จดจำ อยู่มาวันหนึ่งโอบอยากเปิดร้านซูชิ เรื่องอะไรโอบจะต้องปิดร้านราเม็ง เราต้องทำควบคู่กันไปให้ดีหรือเปล่า ต้องจัดสรรว่าช่วงเวลานี้ เราจะมอบเวลาให้กับร้านไหน เราต้องทำให้มันไปด้วยกันได้ทั้งสองร้าน ไม่อย่างนั้นบางคนจะมีกิจการเยอะแยะได้อย่างไร เรามีแขนทั้งซ้ายและขวา ทำไมเราต้องใช้แค่แขนขวาข้างเดียว ในเมื่อคนเราเกิดมาพร้อมศักยภาพ

LIPS: อายุจะ 30 แล้วเกี่ยวไหมว่าต้องรีบหน่อยละ เดี๋ยวแรงหมด

โอบ: ทำเท่าที่ไหว ถ้าตังค์หมดก็หยุดแหละ (หัวเราะ) มีศิลปินที่ชอบคนหนึ่งบอกว่าเขาเคยทำดนตรีจนเงินหมด แต่ถ้าเรารักมันมากพอ เราจะหาเงินมาทำมันต่อไปได้ เราอาจต้องดิ้นรนเพื่อจะสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้าง เราใช้ชีวิตเซฟๆ มาเยอะแล้ว เคยมีคนทำนั่นทำนี่ให้เราทุกอย่าง แต่วันนี้ที่เราออกมาเป็นฟรีแลนซ์ เหมือนคนโดนรถชนขาหักแล้วเราเดินเองไม่ได้ เราต้องเข้าเฝือกและหัดเดินด้วยตัวเอง ก็คือการที่ทุกวันนี้เราต้องตัดสินใจและทำทุกๆอย่างด้วยตัวเอง สุดท้ายก็เรียนรู้และทำได้ไปเอง ก่อนหน้านั้นเราแค่ไม่ได้ฝึกมาให้เป็นแบบนั้น

LIPS: ต้องรักษาทัศนคติแบบมือใหม่หรือ BEGINNER เอาไว้ เป็นความกลัวผสมตื่นเต้น อยากลองและคาดหวัง

โอบ: เป็นสเตจใหม่ในชีวิตที่เป็นการเริ่มต้นใหม่ของเราจริงๆ ตอนเราไปประชุมงานกับบริษัทจัดจำหน่าย เขาบอกว่าทางฝั่งแพลตฟอร์มกลัวว่านักแสดงมาทำเพลงเอง ถ้ามีแค่เดียวแล้วหายไป เขาก็โปรโมทต่อไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ทำงานยากโอบเลยบอกว่าโอบไม่ได้มาเล่นๆครับ เราเข้าใจทุกฝ่าย

LIPS: ในเพลงเดียว โอบได้เรียนรู้ทุกกระบวนการจนเป็นเจ้าของค่ายเพลงได้เลย

โอบ: ใช่ครับ ใครที่จะมาทำเพลงใหม่ มาถามโอบได้เลย โอบบอกได้หมดว่าคุณต้องไปทำอะไรบ้าง โชคดีตรงที่ทุกคนยื่นมือมาช่วยเราหมดเลย อย่างตอนโอบไปหาพี่นต ปรึกษาว่าจะให้ใครแต่งเพลงให้ดี เขาก็พูดเองว่า แล้วทำไมไม่ให้พี่ทำล่ะ พี่อยากช่วยนะ

LIPS: เราไม่กล้าเอ่ยปากขอพี่ๆรอบตัวมาช่วย

โอบ: บางทีกับคนใกล้ตัวเราจะเกรงใจมากๆ แล้วเขาก็รุ่นใหญ่กันแล้ว เป็นโปรดิวเซอร์ระดับนั้น

LIPS: แต่สุดท้ายบทเรียนนี้สอนให้รู้ว่า…

โอบ: แค่เอ่ยปากว่าอยากจะทำอะไรก็มีคนพร้อมสนับสนุนความฝันของเราอยู่ตลอด ในการทำเพลงแรกนี้ โอบโตขึ้นหลายเท่าเลย เพียงแต่โอบต้องเรียนรู้ทุกอย่างภายในเวลาไม่กี่เดือน มันวุ่นวายตรงที่เราต้องติดต่อทุกอย่างเอง แม้แต่ไปจดลิขสิทธิ์เพลงก็พบว่ายากมากนะครับ เจ้าหน้าที่บอกว่ามีการดูแลเรื่องเนื้อร้อง ทำนอง การดูแลสิทธิ์เวลาคนอื่นเอาเพลงเราไปร้อง ต้องติดต่อแยกกัน มันไม่เหมือนกันนะ เราเพิ่งรู้ หรือการทำเอ็มวี เราติดต่อนางเอก (ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล) เอง หาช่างแต่งหน้ากับช่างทำผม ช่วยกันทำกับผู้จัดการ ทั้งทีมมีอยู่ 2 คน

เราทำเต็มที่ในแบบของเราแล้ว โอบเลยจะบอกว่า ไม่ได้คาดหวังว่าเพลงนี้จะดังหรือไม่ดัง เราแค่อยากแสดงความตั้งใจของเรา แม้จะมีคนกลุ่มน้อยเห็นความตั้งใจก็ถือว่าโอเคแล้ว มันเป็นอีกโลกของเราที่ไม่เคยเจอ ‘แฟนคลับ’ กับ ‘แฟนเพลง’ ก็คนละแบบกัน คนอาจจำเราในฐานะนักแสดงที่เล่นซีรีส์เรื่องนี้ เล่นเป็นตัวละครนี้ แต่แฟนเพลงมหัศจรรย์ตรงที่เขาร้องเพลงของเราได้

LIPS: โมเมนต์เล็กๆแบบนี้ทำให้ศิลปินเสพติดและหันหลังออกจากวงการนี้ไม่ได้

โอบ: เพราะมันคือกำลังใจที่เราอยากทำผลงานต่อไป

LIPS: ตอนนี้เป็น ‘เฮียโอบ’ เจ้าของค่ายเพลงที่มีศิลปินในสังกัดหนึ่งคนถ้วนได้แล้ว มีฝันที่ 3, 4, 5 ที่รอวันฉันกล้าทำอีกไหม

โอบ: ตอนนี้โฟกัสที่งานเพลงครับ ปีนี้โอบอยากปล่อยให้ได้ 3 เพลง ปลายปีจะได้ไปเฟสติวัลได้ ไม่ต้องไปเฟสติวัลใหญ่ก็ได้ แค่อยากไปร้องสดแล้วเห็นภาพคนกระดิกเท้า ผงกหัว หรือร้องเพลงเราสักท่อน แค่นี้พอใจแล้ว

Words: Suphakdipa Poolsap
Photograph: Somkiat Kangsdalwirun 

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม