เคยไหมที่นึกอยากวาร์ปไปนอนโง่ๆ ฟังเสียงคลื่นสาดซัดอยู่ริมทะเล
หากโอกาสและเวลายังไม่เอื้ออำนวย เราขอแนะนำสถานที่ซึ่งอาสาพาคุณหลบความวุ่นวายและชวนให้ทิ้งความเร่งรีบทุกอย่างไว้ข้างนอก แล้วก้าวเข้าไปสัมผัสความผ่อนคลายอันแสนเรียบง่ายกันใน Dash.space
หลายคนอาจเข้าใจว่า นี่คือคาเฟ่สไตล์เก๋เท่คูลแห่งหนึ่ง แต่เมื่อได้ทราบถึงคอนเซ็ปต์ร้านที่พัฒนาจากแบรนด์ dash. สินค้าไลฟ์สไตล์ ที่โดดเด่นด้านความเรียบง่าย ใช้สะดวก และเข้าถึงง่ายแล้ว สมกับที่ตั้งใจใช้คำว่า space แทนคำว่า café เพราะอยากให้ Dash.space เป็นมากกว่าแค่ร้านกาแฟ
อาคารทรงเหลี่ยมสีขาวโพลนสองหลังไม่เพียงสร้างความโดดเด่นเป็นที่สะดุดตาผู้สัญจรไปมาย่านรามอินทรา แต่ด้วยขนาดพื้นที่ 1 ไร่ ชวนให้นึกสงสัยและอยากรู้ว่าด้านในเป็นอะไร ในช่วงกลางวัน ความโปร่งโล่งของโครงสร้างก่อให้เกิดแสงเงาทาบทาตามมุมต่างๆ ครั้นพออาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงไฟจะรับช่วงต่อในการสร้างมู้ดแอนด์โทนให้แขกที่มาเยือนได้ความรู้สึกและอารมณ์ที่แตกต่างกัน
นอกจากคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนแล้ว ยังใช้หลักจิตวิทยาในการจัดสรรพื้นที่ตามฟังก์ชันการใช้งาน โดยอิงจากลักษณะลูกค้าที่ทางร้านแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ กลุ่มสังสรรค์ กลุ่มทำงาน กลุ่มถ่ายภาพ และกลุ่มบริโภค
ถ้าเป็นลูกค้ากลุ่มถ่ายภาพ เมื่อออเดอร์แล้ว มักจะไปหามุมถ่ายภาพ ทางร้านจึงตั้งใจออกแบบหน้าต่างให้ยาวขนานไปกับพื้นเพื่อให้เห็นบรรยากาศเอาต์ดอร์ที่พร้อมเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้อยากออกไปถ่ายภาพ ในร้านจึงเป็นพื้นที่ของกลุ่มสังสรรค์และกลุ่มทำงาน ซึ่งจะแบ่งโซนกันอัตโนมัติตามลักษณะเก้าอี้ โดยชุดที่นั่งแบบเตี้ยที่เหมาะกับการนั่งคุยกันจะถูกจับจองจากกลุ่มสังสรรค์ ส่วนโต๊ะเก้าอี้สูงที่วางโน้ตบุ๊กได้สะดวกกว่า จะเป็นที่หมายตาของกลุ่มทำงาน
แต่ถ้าอยากได้ความสงบเป็นพิเศษ สามารถปลีกวิเวกแยกไปที่อาคารอีกหลังหนึ่งได้ ซึ่งสิ่งที่คิดและดีไซน์ไว้ ก็ตรงกับการใช้งานจริงของลูกค้า ทำให้โฟลว์ในร้านค่อนข้างดี และไม่อึดอัดจนเกินไป
เราชื่นชอบสไตล์การจัดสวนของที่นี่ เพราะทำให้รู้สึกเหมือนก้าวเข้ามาอีกโลกหนึ่งที่ตัดขาดจากโลกภายนอกชั่วขณะ ต้นไม้ใหญ่น้อยหน้าตารูปทรงแปลกตา แถมมีลานกรวดช่วยแต่งแต้มสีสันให้สวนที่นี่มีสไตล์ของตัวเอง
นอกจากนี้ พื้นที่ของ Dash.space ยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้สอยได้ตามต้องการอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาร์ตแกลเลอรี จัดอีเวนต์ จัดเวิร์กช้อป สตูดิโอ รวมถึงห้องประชุมด้วย
มาถึงเมนูกันบ้าง ที่นี่ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์การสร้างประสบการณ์ชีวิตที่เรียบง่ายให้ลูกค้า ว่ากันตั้งแต่จำนวนเมนูเครื่องดื่มและขนมของที่นี่ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ โดยทุกหมวดจะมีให้เลือกไม่เกิน 5 รายการเท่านั้น เพราะเชื่อว่า ยิ่งมากรายการ จะยิ่งสร้างความยุ่งยากในการเลือกและการตัดสินใจให้ลูกค้า
ความยากลำบากจึงตกอยู่กับทางร้านที่ต้องคัดสรรเฟ้นสุดยอดเมนูในแต่ละหมวดหมู่ที่แม้จะมีน้อยรายการแต่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าทุกกลุ่มได้มากที่สุด ทุกรายการจึงแตกต่างกันชัดเจน
เราขอเลือกเมนูซิกเนเจอร์อย่าง On The Rock (250 บาท) กาแฟที่ผ่านการกลั่นแบบพิเศษเพื่อกรองรสขมออกให้หมด แล้วเพิ่มความละมุนให้ตัวบอดี้ของกาแฟให้สมบูรณ์มากขึ้น หน้าตาอาจดูเรียบง่ายแต่ทางร้านกระซิบบอกมาว่า ด้วยกระบวนการทำที่นาน ฉะนั้น จึงเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่จำกัดการเสิร์ฟวันละ 30 แก้วเท่านั้นนะ
Hour Glass (200 บาท) เมนูนี้ได้ไอเดียและการพรีเซนต์หน้าตามาจากนาฬิกาทราย เป็นเครื่องดื่มที่ชวนให้เราได้ ‘นั่งนิ่งๆ’ เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของแก้วนี้ ชั้นบนสุดจะเป็นโฟมที่จะค่อยๆ ไหลมารวมกับเลเยอร์กาแฟและน้ำเกรปฟรุตกับโซดา
Midnight Cloud (220 บาท) ใครไม่ใช่คอกาแฟแต่อยากลิ้มรสกาแฟ อยากให้ลองเมนูนี้ เพราะเป็นกาแฟผลไม้ที่ผสมน้ำแอปเปิลลงไป ตามด้วยโซดาและโฟมยูซุด้านบน ที่น่าจะช่วยให้ดื่มได้ง่ายขึ้นนะ
Sour Passion (180 บาท) เป็นเมนูที่เหมาะเจาะกับประกาศการเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการของเมืองไทยจากกรมอุตุนิยมวิทยา อาจดูเป็นการผนึกกำลังของสองผลไม้รสเปรี้ยวอย่างสับปะรดกับเสาวรส แต่กลับเป็นความเปรี้ยวที่บาลานซ์ ดื่มแล้วดับกระหายคลายร้อนแน่นอน
ปิดท้ายกันด้วย Ispahan Soup (180 บาท) ซุปเย็นที่เสิร์ฟเป็นของหวาน ทำจากราสพ์เบอร์รี่กับลิ้นจี่ ราดด้วยน้ำกุหลาบ รสชาติเปรี้ยวอมหวานของผลไม้ผสานเข้ากับกลิ่นหอมของน้ำกุหลาบ ชื่นใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
Words: Rattikarn Hana
Photo: Dash space
Dash.space เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
Facebook: Dash.space
เบอร์ติดต่อ: 091-549-6664
แผนที่ร้าน Dash.space
Location: 4 ซอยรามอินทรา 19 แยก 6 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร