หากวิชา Skincare 101 ออกข้อสอบมาว่า จงบอกความแตกต่างระหว่าง Retinol และ Retinal เชื่อเหลือเกินว่าสาวๆ หลายคนเป็นต้องตกม้าตายไปตามๆ วันนี้เราพร้อมคายตะขาบว่าด้วยวิชา Retinol VS Retinal เพื่อให้สาวๆ แยกแยะเป็น Guideline ในการใช้งานให้เหมาะและตรงตามความต้องการผิว เชื่อเถอะว่า หากมีใครมาถามความแตกต่างระหว่างส่วนผสมความงามทั้ง 2 ตัวนี้ จะไม่สับสนอีกต่อไป!
เรียกว่าช่วงนี้ไม่ว่าจะเลื่อน feed ไปในแพลตฟอร์มไหน กระแส Retinol และ Retinal ยังคงฮอตจัดแบบไม่มีแผ่ว ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Retinol และ Retinal ไม่ใช่ตัวเดียวกัน แต่ทั้งหมดนี้ อยู่ในกลุ่มของ Retinoids หรือ สารในเบต้าแคโรทีนที่พบตามธรรมชาติ ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อ “วิตามินเอ และอนุพันธ์ของวิตามินเอ” ดังนั้น Retinoids คือคำหลักที่มีความหมายครอบคลุม วิตามินเอ และ อนุพันธ์ของวิตามินเอ ทั้งหมดนั่นเอง
มาต่อกันที่ Retinal กันบ้าง ชื่อเต็มๆ ของ Retinal คือ Retinaldehyde เป็นรูปแบบของวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแล้วตามที่ FDA อนุญาตให้ใส่ในเครื่องสำอางได้ หากสูงกว่านี้ก็คือ Retinoic Acid ที่เราเจอในยาสิว ทริกในการจำง่ายๆ คือ Retinal เปลี่ยนรูปเพียง 1 ขั้นตอนเท่านั้นก็ออกฤทธิ์ได้เลย แต่ Retinol ต้องเปลี่ยนรูปถึง 2 ขั้นตอนจึงจะออกฤทธิ์ได้ ซึ่งหากมองแบบนี้จะเหมือนว่า Retinal มีความแรงกว่า Retinol แต่ในความเป็นจริงมีประสิทธิภาพที่ดีไม่ด้อยกว่ากันในการลดริ้วรอย แต่ทั้งหมดนี้ ต้องมาดูกันอีกทีว่าผิวเราใช้ถูกกับตัวไหน คราวนี้จะได้เลือกใช้แบบไม่มีพลาด!
โดยสรุป หากเราต้องการให้ผิวละเอียดเรียบเนียน ลดริ้วรอย ลดจุดด่างดำ และช่วยเรื่องสิวไปในตัว การเพิ่ม Retinoids เข้ามาในบิวตี้รูทีน เป็นสิ่งที่เวิร์กสุด โดยไม่จำเป็นต้องหาส่วนผสมที่แฟนซีและราคาแพงเลย สมการผิวสวยง่ายๆ คือ Retinoids+มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (ที่เสริมชั้นผิว) คือผิวสวยนิพพาน แนะนำให้เลือก formulation ที่ช่วยลดระคายเคือง ใช้ได้แบบไม่แสบยิบ ซึ่งหากทำได้ก็จะทำให้เราสามารถใช้ได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะ Retinol หรือ Retinal การจะใช้ให้ได้ผลก็ต้องใช้ให้นานอย่างต่อเนื่อง เพราะการดูแลผิวไม่มีทางลัด อยากสวยต้องใจเย็น รับรองผิวสวยไม่ไกลเกินเอื้อมคอนเฟิร์ม!
ทริกง่ายๆ สำหรับมือใหม่หัดใช้ Retinol / Retinal
- สาวๆ ที่ผิวระคายเคืองง่าย แนะนำให้เริ่มจาก % ที่ต่ำๆ เช่น 0.1% หรือต่ำกว่า ก่อน เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียง
- คนที่เลือก % ต่ำ แต่ทาได้สม่ำเสมอและยาวนาน อาจดีกว่าคนที่เลือก % สูงๆ หรือ รูปแบบที่รุนแรงกว่า แต่ไม่สามารถใช้ได้อย่างสม่ำเสมอและระยะเวลานาน
- ปริมาณการใช้งาน แนะนำให้เริ่มจาก ขนาดประมาณ เม็ดถั่วลันเตา (Pea-sized amount) สำหรับการทาทั่วใบหน้า
- ขั้นตอนการทา ในคนที่มีผิวระคายเคืองง่าย การทาเป็นลำดับแรกนั้น อาจจะมีโอกาสเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่า แนะนำทาตอนก่อนนอน โดยเริ่มทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ก่อน แล้วรอประมาณ 10-15 นาที จากนั้น ค่อยทาผลิตภัณฑ์กลุ่ม Retinoids
- ขณะที่ทา ระวังบริเวณรอบดวงตา ขอบจมูก ขอบปาก จากนั้นรอให้ซึมสู่ผิวก่อนจะลงสกินแคร์ตัวอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ ในคนที่ผิวระคายเคืองง่าย หลีกเลี่ยงการเลเยอร์พร้อมๆ กับกลุ่มผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองได้ง่ายขึ้น แนะนำใช้สลับช่วงเวลาจะดีกว่า
- ความถี่ในการทา หากเป็นมือใหม่ แนะนำทา 2-3 ครั้ง / สัปดาห์ เช่น เริ่มจากเว้นสองวันก่อน จากนั้นค่อยๆ ขยับเป็นวันเว้นวัน ถ้าไหว แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่ตามลำดับ (อย่างน้อย 3 ครั้ง / สัปดาห์)
DRUNK ELEPHANT A-Gloei™ Retinol Oil
ทรีทเมนต์ออยล์เพื่อผิวนุ่มเนียน ผสานเรตินอลสูตรวีแกน มารูลาออยล์บริสุทธิ์ พร้อมด้วยเซราไมด์ที่จะปรับผิวให้ดูเนียน ลดเลือนริ้วรอย รอยดำต่างๆ รอยสิว และรอยที่เกิดจากแสงแดด พร้อมล็อกความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวโกลว์ ใส
KIEHL’S Retinol Skin-Renewing Daily Micro-Dose Serum
3 ส่วนผสมที่ทรงประสิทธิภาพ ได้แก่ เรตินอลบริสุทธิ์ เซราไมด์ และเปปไทด์ ผสานกันอย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยี Micro-dose ด้วยปริมาณที่เหมาะสมใน 1 ปั๊ม สามารถใช้ดูแลผิวได้ทุกวัน ช่วยลดเลือนริ้วรอยทว่าผิวยังคงชุ่มชื้น ทั้งยังลดผลข้างเคียงที่ทำให้รู้สึกไม่สบายผิว
LANEIGE Retinol Firming Cream Treatment
ด้วย Retinol บริสุทธิ์ 95% แก้ไขปัญหาริ้วรอยอย่างตรงจุด ใช้ได้ทั้งรอบดวงตา และริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เพื่อผิวเรียบเนียนกระชับ ริ้วรอยแลดูตื้นขึ้น
MURAD Retinal ReSculpt Overnight Treatment
เซรั่มที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอยใหม่ ลดสิวและรอยแผลเป็นได้ดี มาพร้อมส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองเพราะ Retinal ไม่ได้น่ากลัวเสมอไป สามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์ในขั้นตอนอื่นๆ ได้อย่างสบายใจ
PAULA’S CHOICE 1% Retinol Treatment
มอบความชุ่มชื้นผิวและสรรพคุณช่วยชะลอวัยอันโดดเด่น ใช้ระบบควบคุมการออกฤทธิ์ เพื่อให้การซึมเข้าสู่ผิวเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและคงที่ ผสานสารสกัดจากโอ๊ต, ชะเอม และสารต้านการระคายเคืองอื่นๆ จะช่วยลดการระคายเคืองสำหรับบางคนที่ไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Retinol ในปริมาณสูงได้
SUNDAY RILEY A+ High-Dose Retinol Serum
ผลลัพธ์จัดเต็ม แต่แทบจะไม่ระคายเคืองผิว พร้อมด้วย Retinolแบบ Microencapsulate ที่ 1.5% ซึ่งจะมอบการบำรุงแบบไต่ระดับตลอดคืน ช่วยลดเลือนริ้วรอย รวมทั้งความหมองคล้ำได้ดั่งใจ
YOUTH TO THE PEOPLE Retinal + Niacinamide Youth Serum
มอบผิวกระจ่างใสพร้อมจัดการกับผิวที่ไม่สม่ำเสมอ มีรอยดำต่างๆ หรือผิวที่อ่อนล้าตามวัย ให้ผิวสม่ำเสมอ รอยดำลดลง ผสานไนอะซินาไมด์ ช่วยสร้างสมดุลของผิว ปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ ลดสิวและจัดการกับรูขุมขนได้
Words: Ayu Kulahathai
ข้อมูลจาก
- https://www.byrdie.com/retinal-or-retinol
- https://www.getthegloss.com/beauty/skincare/what-is-retinal
