“ไม่ค่อยรับงานให้สัมภาษณ์แบบนี้เลย เป็นคนไม่ได้ให้แรงบันดาลใจอะไรใครได้” เป็นคำทักแรกจาก จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ‘อดีต’ นักข่าวการเมืองที่ถามเก่งจน(บาง)คนขยาดตอบ ผู้ถ่ายถอนจากจอทีวีมาทอดตัวในจอออนไลน์ทำช่องยูทูบ Jomquan ในบทบาทใหม่ ‘จข. เน็ตไอดอล’ ซึ่งจับเข่าคุยกับใครทั่วไปหมด ตั้งแต่รัฐมนตรี ผู้ว่ากทม. ไปจนถึงแคนดิเดตนายกฯ ที่ได้เห็นลีลาชู้ตคำถามแบบจี้ ขยี้ ปั่นจัดจนเสียวว่าจะมีคนเส้นเลือดในสมองแตกคาจอ
“ไม่ค่อยให้ใครสัมภาษณ์” แต่ผ่านไป 1 ชั่วโมง 19 นาที ถ้าไม่ถึงเวลาที่เราต้องให้อาหารแมว คาดว่าก็จะโดนจอมขวัญสัมภาษณ์เสียเองต่อไปอีกยาว
Lips: เป็นพิธีกรที่ปล่อยให้แขกรับเชิญยึดรายการ แต่เวลาไปเป็นแขกบ้าง ไปดำเนินรายการคนอื่นเฉยเลย
จอมขวัญ: คือตั้งใจปล่อย ถ้าคุยไปเรื่อยๆ จะรู้ว่าเป็นคนเม้าเก่งจะตาย ไม่ได้สนใจว่าเราเป็นผู้ดำเนินรายการ แล้วแต่งาน ดูกาลเทศะ แล้วเราก็ไม่ได้ใช้คำว่า ‘สัมภาษณ์’ หรอก เป็นสไตล์คุย จะทำให้การคุยกันไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ เมื่อก่อนก็ไม่ได้ตีความว่าสัมภาษณ์ เดี๋ยวนี้ยิ่งหนัก ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเล้ย แขกรับเชิญเอาของมากิน เอาแมวมาเล่น ก็ทำไปเล้ย
Lips: วิธีนี้ได้สิ่งที่อยากได้มากกว่าไหม
จอมขวัญ: ได้ค่ะได้ มากกว่าไหมหรือ ได้ในระดับที่เราคิดว่าควรจะเป็น ได้ในท่าทีที่เราไม่มีทางได้ถ้าเราทำทีวี เช่น อัยการปรเมศวร์ (อินทรชุมนุม) ที่เคยสัมภาษณ์แกหลายครั้งสมัยทำไทยรัฐทีวี ตอนนั้นว่าแกคุยสนุกแล้ว พอมาสัมภาษณ์ออนไลน์ยิ่งคุยสนุกใหญ่ หรือคุณธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ) ก็จะมีท่าทีผ่อนคลายนิดๆหน่อยๆออกมาบ้าง นั่นคือสิ่งที่เราอยากได้มากกว่าเนื้อหาเสียอีก เราไม่ได้ทำรายการแบบข่าวจ๋าอย่างที่เคยทำ อู๊ย นี่ก็ตอบจริงจัง (ตีปากตัวเอง)
Lips: แล้วแขกรับเชิญขอดูคำถามก่อนไหม ตั้งแต่ใดๆที่เคยทำมา
จอมขวัญ: ส่วนใหญ่ขอดู พอเราเก๋าขึ้น พอจะรู้ธรรมเนียมปฏิบัติ เราเข้าใจได้ว่าบางคนตอบโดยตำแหน่ง เป็นปลัด ผอ. เลขาฯ เราให้กรอบได้ แต่ถ้าคำถามเป๊ะๆ เป็นสคริปต์มาเลยน่ะไม่มี เพราะจอมขวัญน่ะคิดสด คำถามจะออกมาในวินาทีที่เรานั่งสัมภาษณ์เขา
Lips: ใครบ้างที่ตามคิวไม่เคยได้ แม้อยากคุยมาก
จอมขวัญ: หลายคน เพราะหลายคนนั้นก็มีประเด็นที่ตัวเขาไม่ได้อยากตอบ ก็เข้าใจได้ ถือว่าเราเชิญแล้ว เชิญแล้วไม่ให้ยังไม่มีปัญหาเท่าเชิญแล้วแคนเซิล (ตาแข็ง) รับงานแล้วนะ (หัวเราะเย็น)
Lips: มีนิสัยที่ติดมาจากอาชีพบ้างไหม
จอมขวัญ: มีๆ ไม่รู้เป็นนิสัยเราเองหรือนิสัยที่เกิดจากงาน ที่สังเกตได้คือเวลาคุยกับคนอื่นจะถามต่อเนื่อง ถามเพิ่ม ฟังจริงจัง และเป็นห่วงบรรยากาศการคุยมาก จะต้องทำให้พอเหมาะพอเจาะ เพื่อนจะบอกว่าเป็นนิสัย เพราะเป็นคนตลกประจำกลุ่มอยู่แล้ว เวลาซื้อของก็จะซักใหญ่เหมือนจับผิด ไปหาหมอก็จดโน้ต หมอเปรยว่า ‘เหมือนอยู่ในรายการเลยครับ’
Lips: ทำงานมานาน อะไรที่หายไปแล้วรู้สึกว่ามีดีกว่า
จอมขวัญ: ถ้าท้ายคำถามไม่มีคำว่า ‘แต่ว่ามีดีกว่า’ คำตอบจะเป็น เราอีโก้น้อยลง รับฟังมากขึ้น เข้าใจความต่างของมนุษย์มากขึ้น แต่อะไรที่มีมากแล้วจะหนักเราเองก็คือ ความรับผิดชอบในบรรยากาศการคุยของเราเองนี่ละ น้อยลงหน่อยไหมล่ะ เหนื่อย
Lips: เวลาสัมภาษณ์จข.ไม่เก็บหน้าเลย คิ้ว เปลือกตา หนังตา ไปหมดเลย
จอมขวัญ: ‘เหรอคะ’ (เลิกคิ้ว) ‘อืม’ (คิ้วคลาย) ‘แล้วยังไงต่อคะ’ (คิ้วขมวด) คือมันอิน เคยพูดเรื่องนี้แค่ 1-2 ครั้งแบบจริงจัง มันเป็นเหรียญสองด้าน เพื่อนจะพูดว่าตัวจริงนี่เล่นใหญ่กว่านี้เยอะ มือ สีหน้า เสียงหัวเราะเวลาอยู่กับเพื่อนนี่ใหญ่กว่านี้มาก อีกด้านของเหรียญคือ เราตีความการสัมภาษณ์ว่านี่คือการนั่งคุยที่เราอยากฟังเขาจริงๆ ท่าที ท่าทางต่างๆเลยไม่ได้กำหนดว่าควรเป็นแบบแผนแบบไหน มันอาจมีแบบแผนก็ได้ว่าคนสัมภาษณ์ควรเป็นแบบไหน ถ้าเทียบกับที่เคยเห็นที่ควรจะเป็น นิ่ง ไม่แสดงสีหน้า ไม่ขยับ ถ้าเราต้องทำแบบนั้นนั่นละคือการแสดง เคยทำนะ เราโฟกัสกับท่าทางจนหลุดจากฟังและคิดคำถาม ถ้ารบกวนการชมก็ต้องขอโทษจริงๆ ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เราทำมันถูกนะ แต่มันเป็นท่าทางเราจริงๆ แต่บางคนมองว่านี่ตั้งใจแสดงให้ใหญ่หรือเปล่า โอย (ชี้ตัวเอง) นี่จำบล็อกกิ้งไม่ได้หรอก
Lips: นักข่าวต่างประเทศสัมภาษณ์ปูติน ร่ายวีรกรรมทั้งหมด อาทิ วางยา ขัดขวางคู่แข่งทั้งปวง คิดว่าเขาจะถามว่าอะไรถ้าเป็นนักข่าวไทย
จอมขวัญ: นักข่าวไทยคงไม่ได้อยู่ในบริบทที่จะถามแบบนั้นได้ตั้งแต่แรก เหมือนแก้ตัวแทนนักข่าวไทยนะ แต่มันเป็นเรื่องของประเพณี ความใกล้ชิด การได้มาซึ่งข่าวจากแหล่งข่าว มันกอปรกันมา
Lips: คือนักข่าวคนนั้นถามว่า ‘ท่านกลัวอะไรนักหนามิทราบ’ ตกใจมาก ถามได้ด้วยหรือแบบนี้
จอมขวัญ: (หัวเราะ) อาจไม่ใช่เรื่องของนักข่าวกับนายกฯประเทศหนึ่ง มันสะท้อนถึงอำนาจนิยมที่ตกทอดหลงเหลือมา ผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโสกว่าพูดหรือทำกับเรายังไงก็ต้องรับไว้ เราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคนรอบตัวแกเคยเตือนแกไหม แกต้องเป็นมืออาชีพพอที่จะแยกบทบาท ท่าทีเล่นแบบนี้อาจดูน่ารักกับคนรอบข้าง ต้องมีสำนึกว่าเป็นผู้นำ เป็นลุง เราคิดว่าเขารู้นะ
Lips: เคยสัมภาษณ์ลุงไหม
จอมขวัญ: ไม่เคยได้ เขาไม่เคยไปออกรายการอื่น
Lips: กลัวอะไรบ้างไหมในการทำอาชีพนี้ กลัวจอดำ กลัวโดนอุ้ม กลัวโดนเรียกไปปรับทัศนคติ ฯลฯ
จอมขวัญ: ก็ทำในแบบมนุษย์ที่มีความกลัวอยู่ อำนาจถูกใช้แบบไม่เป็นเหตุเป็นผลก็ต้องกลัวสิ กลัวว่าจะอำนาจจะใช้กับเราอย่างไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีกติกา ถึงจะทำงานแบบนี้แต่เป็นคนปอดแหกนะคะ แต่ก็ต้องทำ ถ้าพูดสมัยที่มีสังกัดคืองานแบบนี้จะเอาความกลัวมาห่อตัวเองไม่ได้หรอก เพราะตัวอาชีพ ไม่ใช่ตัวเรานะ มันต้องมีความอาจหาญที่จะทำ
Lips: มีจุดเบื่อทำงานสื่อไหม
จอมขวัญ: ตอนนี้ก็ไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นสื่อแล้วนะ ถ้ามีทักษะทำอาชีพได้ก็คงไปทำแล้วละ แบบชงกาแฟได้ เป็นบาริสต้า เปิดร้านกาแฟ แต่ก็ชงกาแฟไม่เป็นไง
Lips: ต้องทำสิ่งนี้ต่อไปเพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น ทำสิ่งนี้มานานเกินไป
จอมขวัญ: เอ๊อ ก็ต้องตอกย้ำ นึกว่าชอบป่ะ ก็ทำอยู่อย่างเดียว ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ดูดิ๊ เราเป็นตัวอย่างที่ดูไว้แต่อย่าเอาเป็นเยี่ยง จัดดอกไม้ ระบายสี ทำอาหาร ทำไม่เป็นเลย
Lips: คอนเทนต์ในช่องได้แก่ คุยกับธรรมนัส ต่อมาเปิดกล่องฟิกเกอร์ ถัดไปนั่งคุยกับป๋าเต็ด ภาพรวมของช่องจอมขวัญคืออะไรแน่
จอมขวัญ: คือที่คุยกับนักการเมืองก็ไม่เคยอยากทำมาแต่แรก หน้าตาดูเป็นคนชอบการเมืองหรือ
Lips: นักการเมืองกลัวจข. เดี๋ยวถามอะไรมาแล้วตอบไม่ถูก
จอมขวัญ: นี่คือสิ่งหนึ่งที่พยายามทำนะ การทำให้เกิดความเคยชินที่คนที่อยู่ในสถานะนี้ในประเทศไทยมาให้สัมภาษณ์ ไม่ต้องชอบเราหรอกแต่ถ้าเราขอสัมภาษณ์ก็มาเหอะ เราพูดได้เต็มปากว่าเราไม่กลาง มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องคาดหวังแบบนั้นจากเรา ถ้าคุณกับเราเจอกันเดี่ยวๆ ใครต้องกลัวใคร นึกออกไหม (หัวเราะ) เขาจะมากลัวเราทำไม เราถามๆอยู่แล้วเขาจะเอามือมาอุดปากเราตอนสัมภาษณ์หรือ มันทำได้หรือ
เราจะบรีฟก่อนชัดเจน มีอันไหนที่ไม่อยากให้ถาม อันไหนที่ไม่สบายใจ จะบอกก่อนว่าอันนี้ไม่ถามไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่การเตี๊ยม แต่เราชัดเจน ไม่ได้บอกว่าจะใช้คำถามอะไร ประเด็นนี้มันร้อน มันต้องถาม และเราทำแบบนี้กับแขกรับเชิญทุกคน คำพูดติดปากเราคือ ‘อันนี้ต้องถาม ไม่ถามไม่ได้ แต่จะตอบแค่ไหน แล้วแต่’ และเราถามจริงๆ
Lips: คนแบบไหนที่ถามยากที่สุด คนโกหก คนที่ตอบแบบไม่ตอบ
จอมขวัญ: คนเจนจัดในสื่อ เขาจะรู้ว่าจะแค่ไหน ไม่ใช่แค่นักการเมือง อาชีพอื่นๆก็มี เราก็จะเหนื่อย
Lips: ชื่นชมคนจากฝั่งตรงข้ามบ้างไหม
จอมขวัญ: มีๆ หลายคนเชิญแล้วก็มา ก็จะไม่ชื่นชมมากไปกว่าคนที่มาตามคำเชิญ อย่างอ.ไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ว่าจะชอบแกหรือไม่ แต่แกเป็นคนเรื่องน้อยมากๆเลย
Lips: เวลาทำประเด็นสังคมหนักๆ มีเป้าหมายไหมว่าอยากให้สังคมได้อะไร
จอมขวัญ: อาจไม่ใช่เป้าหมายเป็นรูปธรรม พยายามทำตั้งแต่อยู่ทีวี ในแง่ความขัดแย้งทางสังคมที่ทำมาสมัยปี 53 ที่เนชั่นและปี 63 ที่ไทยรัฐ มันคือการมีคนจากคนละขั้ว คนละฝ่ายมานั่งในรายการเดียวกัน บางคนก็บอกว่าใครจะมานั่งทะเลาะกันออกสื่อ ก็ถูก ก็หมายความว่าถ้ามีบรรยากาศที่ดี คนต่างฝ่ายก็นั่งคุยกันได้ไง แหม ไม่ได้เป็นตัวจริง อ้าว แล้วคุณคาดหวังอะไรล่ะ
นี่คือสิ่งที่เราพยายามทำตั้งแต่ช่วงที่การเมืองมีความรุนแรง เราและทีมงานเชื่อว่าต้องทำให้เกิดความคุ้นชินในการนั่งคุยกัน ความขัดแย้งทุกอย่าง สุดท้ายจบที่การนั่งคุยนะ ตัวอย่างมีมาตั้งเท่าไร ในต่างประเทศก็เห็น จะมาจบในสื่อมันเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าการพูดคุยในบรรยากาศที่ควรจะเป็นมันนำไปสู่ความเข้าใจ ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าสื่อให้พื้นที่ในการพูดคุยเรื่องบางเรื่อง คนในสังคมก็จะได้เห็นว่าจริงๆแล้วพูดคุยเรื่องนี้ได้นี่นา พอเกิดความเคยชิน เรื่องที่ไม่ปกติก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ
นักข่าวอย่าไปยัดเยียดเรื่องบางเรื่องให้อยู่ใต้ดิน ตอนนี้เทคโนโลยีมัน disrupt แล้ว คุณจะเลี่ยง (เน้นเสียง) มันยังไง แต่เหรียญอีกด้านก็บอกเราว่าสิ่งที่เราทำสมัยทำทีวีก็บอกเราว่า มันอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
Lips: แล้วเราเข้าใกล้หรือไกลออกไปจากเป้าหมาย
ใกล้ขึ้นค่ะ ไม่ได้ชมตัวเอง บางเรื่องพูดได้แล้วในทีวี บางคนที่สมัยปี 53 เราไม่คิดว่าวันนี้เขาจะมานั่งให้สัมภาษณ์ คำถามคือแล้วที่ผ่านมา คุณไม่ได้ให้คนเหล่านี้ออกทีวีเพราะอะไร
Lips: อยากสื่อสารกับคนกลุ่มไหน
จอมขวัญ: เนื้อหาที่เราเลือกทำ เราอยากทำให้เห็นเพิ่มอีกสักที่ว่าคนนี้พูดได้ เรื่องนี้พูดได้ให้ชินปาก เราเป็นอีกที่เล็กๆที่ไปรวมกับคนที่ทำเรื่องเดียวกัน อย่างเรื่องการเมือง แค่ขึ้นลิฟต์จากชั้นหนึ่งไปชั้นสาม คนก็คุยเรื่องการเมืองกันแล้ว เราไม่ใช่คนบ้าการเมือง แต่เราเห็นจริงๆว่าทำไมคุณถึงทำให้การเมืองเป็นเรื่องชั่ว น่าเกลียด น่ากลัว ทั้งที่การเมืองเปลี่ยนแปลงและมีผลต่อชีวิตคน
ถ้าเราอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต้องทำยังไง บางเรื่องเราทำด้วยตัวเองได้ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องไง ถ้าเราอยากเดินฟุตบาทดีๆ วันหนึ่งเกิดแก่ตัวแล้วต้องใช้วีลแชร์หรือข้ามถนนโดยไม่กลัวรถชนต้องทำยังไง งานของเราสอนว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องเลวชั่ว แต่เรื่องไหนไม่ถูกต้อง ตรวจสอบทุจริตไม่ได้ก็ไม่ให้มีการเมืองเลยหรือ เราอยากเพิ่มพื้นที่ให้คนคุ้นชินว่าการเมืองมีผลต่อชีวิตคน
อีกเรื่องคือฟิกเกอร์ เรามีกลุ่มคนที่สนใจเรื่องนี้ ถ้าเราเป็นอีกหนึ่งลำโพงให้ได้ ทำเป็นเล่นไป ศิลปินที่ออกแบบฟิกเกอร์เก่งๆสังกัดบริษัทต่างประเทศกันทั้งนั้น โดยที่ผลิตผลงานด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่มีโรงงาน ไม่มีใครในไทยรับทำ แล้วไหนซอฟต์เพาเวอร์คะ? ฟิกเกอร์ไม่ใช่เรื่องกิ๊กก๊อกนะคะ
Lips: อยากบอกอะไรผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เน็ตจข.ค้างกระตุกตลอดเว
จอมขวัญ: ก็เปลี่ยนเจ้าแล้วนะ เอาเป็นว่าไม่ฝากบอกผู้ให้บริการค่ะ แต่บอกคนกำกับดูแลว่าผู้บริโภควรมีตัวเลือกสินค้าและบริการที่หลากหลาย กำกับดูแล อย่าไปเอื้อให้ผู้เล่นน้อยรายในตลาด ประชาชนใหญ่นะ นี่ไม่บ้าการเมืองเลยนะ ไหนวิเคราะห์ซิว่าเราเป็นอะไร
Lips: อ้าว มาสัมภาษณ์เฉย ก็อาจจะเพราะเป็นคนไม่ดูดาย หันหลังให้ไม่ได้
จอมขวัญ: นี่อาจเป็นสิ่งที่ได้จากงาน งานสอนว่าของจริงไม่ได้มีแค่สิ่งที่เขาเอาออกมาให้เห็น มีอยู่ 2 จุดนะ เราเคยได้รับโอกาสให้ทำงานฟิลด์อื่น แต่อยู่ในดีกรีที่เบากว่า ตอนนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ไม่ได้ไป แต่หนึ่งในเหตุผลคือคนทำแบบนั้นมีเยอะ แต่คนทำสายหนักๆมีน้อย อะไรเอ่ยดลใจให้คิดแบบนั้น อีกเหตุผลที่มาในช่วงหลังคือ อาจจะมีคนทำในจุดเดียวกันหรือใกล้เคียงกันน้อย และเราอยากให้มีคนทำเพิ่มขึ้น เลยอยากชวนคนให้มาพูดคุยกันเรื่องการเมืองมากขึ้น จอห์น วิญญูเคยพูดไว้แบบนี้นะ บางเรื่องมันต้องพูดถึงได้และพูดถึงได้มากขึ้น หลังๆเราอาจชัดเจนมากขึ้น เราหันหลังให้ไม่ได้เพราะเราอยากให้จำนวนคนทำงานแนวนี้มากขึ้น
อีกอย่างเราก็ 40 กว่าแล้ว เรารู้สึกว่าอยู่ในสถานะที่ความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญในสังคมต่อการที่คุณจะทำหรือไม่ทำอะไร เมื่อเรามีทั้งประสบการณ์และความพร้อมระดับหนึ่ง แล้วเราเองคือจอมขวัญก็ทิ้งปัญหาไว้เยอะมาก อีกไม่กี่ปีก็เป็นภาระให้เขาแล้ว เราควรเป็นหลังพิง ดันหลัง เป็นแรงสนับสนุนให้คนที่ต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
Lips: ปีกนางฟ้าโผล่
จอมขวัญ: ปีกนางมารหรือเปล่า เธอดูดีๆ ตอนทำไทยรัฐเราจะรายการลักษณะที่เป็นคดี เขาเรียกว่าข่าวชาวบ้าน เราทำเพราะเห็นว่าพูดเรื่องที่ปัญหาโครงสร้างได้ เช่น คนมีปัญหา ทำไมต้องไปหาทนายดังซึ่งพาไปกองปราบ ถ้าเราเป็นตาสีตาสา ไม่รู้จักทนายสักคน ต้องทำยังไง เราเลยเห็นเยอะว่าใครโดนอะไร อย่างไร เราเป็นคนประนีประนอมแต่ไม่ใช่คนซอฟต์แน่ๆ หลังๆมาเวลาติดต่อสภอ.ไหนนี่ยากมากเลย ไม่คิดว่าเขากลัวเรานะ แต่คิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคยที่จะตอบ เช่น ทำไมคดีช้า คดีไปถึงไหนแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องไล่เบี้ย แล้วมันเป็นเรื่องอะไรที่เหยื่อหรือคนที่คิดว่าเป็นเหยื่อต้องไปหาสื่อ ทุกคนเลยหรือที่ต้องหยุดงานแล้วเดินทางมาหาสื่อ มันใช่หรือ (เสียงแผดขึ้นเรื่อยๆ) เราไม่ใช่เทพธิดานะ แต่อะไรที่เป็นแบบนั้นก็ควรต้องเป็น.
Words: Suphakdipa Poolsap