นิยามแห่งความงามในทศวรรษนี้ดูจะขยายขอบเขตอย่างไร้ขีดจำกัด เช่นเดียวกับศิลปินเดี่ยวผู้ก้าวข้ามกรอบกำหนดทางเพศอย่าง Tiger Killer หรือ ‘ฟลุ๊ค – รัฐนันท์ อุทธชาติ’ เจ้าของผลงานเพลงติดหูสุดครีเอตอย่าง เข้าฝัน และ DON’T TRYNA HIDE (อย่าเก็บมันเอาไว้) ที่มีจังหวะสนุกชวนโยก ไม่ว่าเนื้อหานั้นถ่ายทอดอาการแอบรักข้างเดียวหรือสัญญาณเศร้าแห่งการเลิกรา
แม้ฟลุ๊คจะมีชื่อชั้นใน GENELAB ค่ายเพลงดังในเครือ GMM GRAMMY แต่ก็ใช่ว่าเส้นทางของการเป็นศิลปินหน้าใหม่ของเธอจะพลิกชีวิตอย่างที่วาดฝัน ฟลุ๊คยังคงทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์งานเพลงใหม่ๆ ไม่นานมานี้เธอมีผลงานสุดเซอร์ไพรส์ GENELAB PRIDE LIVE | TIGER KILLER x GENE KASIDIT กับศิลปินในดวงใจอย่าง จีน – กษิดิศ สำเนียง รวมถึง ‘ไม่มีฝีมือ’ เพลงคัฟเวอร์ล่าสุดของ ตั๊ก – ศิริพร อยู่ยอด ที่ฟลุ๊คได้แสดงความสามารถอย่างครบเครื่อง ทั้งการร้อง การแสดง การกำกับและตัดต่อมิวสิกวีดิโอ นอกเหนือไปจากทักษะการเดินแบบที่เธอทำได้ดี
วันนี้ฟลุ๊คปรากฏกายในลุคสุดคิวท์กับหมวกกระต่ายหูยาว พร้อมใบหน้าโทนนู้ดที่ชวนให้ตะโกนเรียก ‘ไอ้ต้าว’ ราวกับรู้ใจว่าเราอยากเห็นเธอในคราบคุณหนูบ้าง เพราะน่าจะเป็นลุคเดียวที่ยังไม่เคยได้ชื่นชมผ่านไอจี TIGER.KILLERRR ศูนย์รวมแฟชั่นสุดจี๊ดที่เจ้าตัวมิกซ์แอนด์แมตช์ได้มันหยดติ๋งและไปสุดในทุกลุค ไม่ว่าจะเป็นสาวเดรสเลื่อมกับมุกเส้นโต นักมวยพันธุ์แซ่บหน้าเวทีคอนเสิร์ต ไปจนถึงหนุ่มพังก์ร็อกสไตล์เจแปนนีส ฯลฯ
“พี่โอม Cocktail บอกว่าคนที่ร้องเพราะกว่าฟลุ๊คมีเยอะมาก แต่คาแรกเตอร์แบบฟลุ๊คที่มาพร้อมกับแนวเพลงแบบนี้หาไม่ได้ในคนอื่น”
คลุกวงใน 3 แดนดินถิ่นอีสาน
“ฟลุ๊คเกิดที่ยโสธรครับ ชอบการแสดงออกตั้งแต่เด็กๆ เลย เวลามีงานโรงเรียนจะได้เต้นไม่ก็ร้องเพลง แต่จริงๆ แล้วความฝันแรกคืออยากเป็นผู้ประกาศข่าว ชอบเลียนแบบช่วงแนะนำตัว ‘สวัสดีครับ ผม…รัฐนันท์ อุทธชาติ’ (ใช้เสียงโทนสุขุมนุ่มลึก) พอโตขึ้นได้เป็นตัวแทนอ่านทำนองเสนาะประกวดในระดับต่างๆ ทำให้เราเริ่มแฮปปี้กับการใช้เสียง จนย้ายไปเรียนที่มุกดาหารตอน ม.ต้น ก็ได้ทำวงโฟล์กซองเล็กๆ ประกวดในโรงเรียน เราเป็นนักร้องนำ
“พอ ม.ปลาย ฟลุ๊คย้ายไปเรียนอัสสัมชัญ อุบลฯ ก็กลายเป็นนักร้องวงร็อก เพราะเพื่อนส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เพื่อนร็อกเราก็ อ้ะ ร็อกก็ได้ ร้องเพลงวง Clash, Big Ass, Potato ฯลฯ แต่ก็มีขอร้องเพลงวง Klear บ้าง Lady Gaga บ้าง เพื่อความเป็นตัวเองนิดหนึ่ง เช่น เปิดด้วย Bad Romance ของ Lady Gaga แล้วต่อด้วย Big Ass
“(เพื่อนเซอร์ไพรส์มั้ยที่เราเป็นศิลปิน) เขาบอกว่านึกแล้วว่าต้องมีวันนี้ เพราะฟลุ๊คพูดมาตั้งแต่มัธยมว่าอยากเป็นนักร้อง ฟลุ๊คเก็บเงินวันละ 300 บาท จากการช่วยแม่ทำงาน เพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ต Lady Gaga 8,000 บาท ซึ่งแพงมากสำหรับเรา ตอนมากรุงเทพฯ รถทัวร์ก็เต็ม ฟลุ๊คต้องยืนตลอดทางประมาณ 8 ชั่วโมง จากนั้นต้องต่อรถไปสนามราชมังฯ อีก จำได้ว่าตอนที่มองขึ้นไปบนเวทีแล้วเห็น Lady Gaga ฟลุ๊คบอกตัวเองว่าสักวันต้องไปยืนตรงจุดนั้นให้ได้”
“ทาง GMM GRAMMY ประกาศรับสมัครศิลปิน ฟลุ๊คก็เลยลองส่งเดโม่ไปก่อน”
เด็กฝึกในตำนาน
“ฟลุ๊คตระเวนประกวดร้องเพลงมาเกือบทั่วประเทศ ไปเกือบทุกรายการเพลง ออดิชั่นตามค่ายเพลงต่างๆ เราลาออกจากค่ายแรกไปเป็นเด็กฝึกค่ายเพลงเกาหลีที่เพิ่งมาเปิดในไทย ระหว่างนั้นก็ทำงานประจำเป็นเอดิเตอร์ (ตัดต่อคลิป) พ่วงด้วยหน้าที่ครีเอทีฟในบริษัทที่โปรโมตหนัง ละคร เพลง คอนเสิร์ต ฯลฯ ให้เครือ GMM GRAMMY ฟลุ๊คขอเจ้านายทำงานช่วงเช้า แล้วลาไปฝึกที่ค่ายตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึง 4 – 5 ทุ่ม กลับถึงบ้านตี 1 – 2 ก็ค่อยทำงานต่อ เป็นอย่างนี้อยู่ 2 – 3 ปี เราเหนื่อยมาก พอทำเพลงเสร็จ กำลังจะได้เดบิวต์เป็นบอยแบนด์ โควิดรอบแรกก็มาจนต้องพับโครงการไป
“ตอนนั้นเราคิดว่าเดี๋ยวทำเพลงเองแล้วปล่อยลงยูทูบก็ได้ พอดีทาง GMM GRAMMY ประกาศรับสมัครศิลปิน ฟลุ๊คก็เลยลองส่งเดโม่ไปก่อน พอรอบออดิชั่นสด เขาให้ทำไลฟ์โชว์ 15 นาที ผู้ใหญ่แต่ละค่ายก็จะมานั่งดูและเลือกคนไปปั้นเป็นศิลปิน ตอนนั้นฟลุ๊คทุบกระปุกเลย จ้างแดนเซอร์ 2 คนด้วยเงินหลักหมื่น เปิดด้วยเพลง ‘แม่เกี่ยว’ ของปาล์มมี่ เพื่อแสดงความเป็นตัวเองในมุมอีสานบ้านๆ แต่พอเปลี่ยนเป็นเพลง DON’T TRYNA HIDE (เวอร์ชั่นแรกที่ฟลุ๊คแต่งไว้นานแล้ว) ก็สลัดเสื้อคลุมสีเงินตัวโคร่งออก เผยให้เห็นชุดเลื่อมยุคดิสโก้ที่สวมไว้ข้างในซึ่งเป็นอีกหนึ่งคาแรกเตอร์สนุกๆ ของเรา
“เคยถามพี่โอม (ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำวง Cocktail และผู้บริหารค่าย GENELAB) ว่าทำไมถึงเลือกฟลุ๊ค เพราะเคยดูผลงานของผู้เข้าประกวดคนอื่นที่ออดิชั่น เขาร้องได้สุดยอดมาก เสียงมีเอกลักษณ์ แถมหน้าตาดี พี่โอมบอกว่าคนที่ร้องเพราะกว่าฟลุ๊คมีเยอะมาก แต่คาแรกเตอร์แบบฟลุ๊คที่มาพร้อมกับแนวเพลงแบบนี้หาไม่ได้ในคนอื่น”
“เราชอบเสพความเศร้า ดูโฆษณาประกันชีวิตก็ร้องไห้ได้ เหมือนได้ปลดปล่อย ทั้งที่ชีวิตจริงไม่ได้มีปัญหาอะไร”
พลังสร้างสรรค์ทางดนตรีจากเด็กเนิร์ดสังคมศึกษา
“เพลงเข้าฝัน มีความเป็นตัวฟลุ๊คที่สุด ไอเดียเกิดจากวันหนึ่งฟลุ๊คได้อ่านวิธีการเข้าฝันด้วยคาถาโบราณซึ่งมีคนแชร์ไว้ในเฟซบุ๊ก เราก็สงสัยว่าทำได้จริงหรือ แล้วคิดว่าน่าจะเอาคอนเซปต์นี้มาทำเพลง นึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ ที่เคยแอบชอบรุ่นพี่ อยากให้เขาหันมาทักทายหรือพูดคุยกับเราบ้าง เลยได้ซิงเกิลแรกที่มีเนื้อหาสนุกๆ แนวแฟนตาซี
“โจทย์ของการออกแบบดนตรีคือ ฟลุ๊คอยากใส่กลิ่นอายเอเชียนบวกกับความเป็นละตินหน่อยๆ รวมถึงความเป็น ‘ทร็อต’ หรือลูกทุ่งเกาหลี ถ้าฟังดีๆ จังหวะการใช้คำในท่อนแรกจะติดกลิ่นลูกทุ่งเบาๆ (ว่าแล้วก็ร้องให้ฟังหนึ่งกรุบ) เกาหลีเขาทำเพลงทร็อตได้อินเตอร์มาก เราอยากรู้ว่าถ้าเอามาใส่ในเพลงไทยจะเป็นยังไง…จะเชยมั้ย? บวกกับฟลุ๊คชอบเพลงเฮาส์ เพลงอิเล็กทรอนิก แล้วก็อยากได้ซาวน์ลึกลับแนวภารตะที่ไม่ใช้เครื่องดนตรีอินเดีย เราเลยได้เสียง ‘กาเมลัน’ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของอินโดนีเซียที่คล้ายฆ้องวงของบ้านเราเข้ามาผสมผสาน อาจจะเป็นเพราะฟลุ๊คชอบเรียนวิชาสังคม ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมเอเชีย (ยิ้ม)
“คนฟังอาจจะไม่ได้รู้สึกถึงองค์ประกอบที่มากมาย แต่โดยส่วนตัวฟลุ๊คฟินกับเพลงนี้ที่สุด เพราะความต้องการฟลุ๊คเยอะ แต่พี่แม็ก (ธิติวัฒน์ รองทอง – โปรดิวเซอร์) ก็สามารถยำทุกอย่างที่ฟลุ๊คอยากให้มีในเพลง แล้วปรุงออกมาได้ดีมาก เขาบอกว่าถ้าได้ดูในโปรแกรมตัดต่อจะเห็นว่าเพลงเข้าฝัน มีเลเยอร์ขององค์ประกอบเยอะที่สุดตั้งแต่ทำงานมา
“ส่วนเพลง DON’T TRYNA HIDE ฟลุ๊คอยากได้ดนตรีซิตี้ป๊อปแบบญี่ปุ่น เพราะกำลังอินอยู่ อยากทำเพลงเศร้าที่จังหวะสนุก เพราะส่วนตัวชอบฟังเพลงเร็ว แต่เวลาต้องร้องชอบเลือกเพลงช้า เพลงนี้ไม่ได้เกิดจากประสบการณ์ตรง แต่คงเป็นเพราะเราชอบเสพความเศร้า อินหนังเศร้า ฟังเพลงเศร้าหรือดูโฆษณาประกันชีวิตที่ทำให้เราร้องไห้ออกมา เหมือนได้ปลดปล่อย เป็นฟีลที่โล่ง เบา ทั้งที่ชีวิตจริงไม่ได้มีปัญหาอะไร (อาจจะชอบที่ได้เป็นนักแสดงท่านหนึ่ง?) น่าจะนะ…ชอบบิลด์ตัวเอง พอน้ำตาไหลก็จบละ ไปทำอย่างอื่นต่อ (หัวเราะ)
“(ที่มาของ ไม่มีฝีมือ เพลงคัฟเวอร์ล่าสุด?) ฟลุ๊คอยากทำเพลงช้าบ้าง ส่วนตัวก็ชอบร้องเพลงแม่ตั๊กอยู่แล้ว (ไปถ่ายเอ็มวีที่เยาวราช?) ไม่ครับ เป็นเทศกาลไฟที่สามย่านมิตรทาวน์ ฟลุ๊คก็แต่งตัวไปเลย ให้เพื่อนถือกล้องถ่าย พอดีที่งานเขาเซ็ตมุมหนึ่งเป็นร้านขายเกี๊ยวอยู่ก็เลยเล่าเรื่องว่า ที่ไม่มีฝีมือในเอ็มวีน่ะคือการทำอาหาร (หัวเราะ) เรามีภาพในหัวหมดแล้วว่าจะให้ออกมายังไง
“สำหรับคนอื่น การทำเพลงคัฟเวอร์อาจเป็นเรื่องง่าย เพื่อนยังบอกว่าแค่อัปโหลด MP3 กับภาพนิ่งของเราก็จบ แต่ฟลุ๊คทำน้อยไม่เป็น รู้สึกว่าการปล่อยเพลงสักเพลงหนึ่ง คุณภาพเสียงต้องดีประมาณหนึ่ง ภาพต้องสวย เพราะวิชวลมีผลต่อการที่จะทำให้คนเห็นคลิป เรารักความเพอร์เฟกต์เกิน จนไม่คิดไม่ทำอะไรง่ายๆ ทุกวันนี้กำลังพยายามลดอยู่”
“พี่จีน กษิดิศทำให้ฟลุ๊คอยากทำสิ่งที่น่ารักกับคนอื่นๆ ต่อไป อย่างน้อยก็ช่วยสร้างพลังใจเล็กๆ ให้เกิดขึ้นได้”
มากกว่าแรงบันดาลใจ คือแบบอย่างของการเป็นผู้ให้
“(คนในวงการที่ประทับใจที่สุด?) พี่จีน – กษิดิศ ครับ ฟลุ๊คชอบผลงานพี่เขามาแต่ไหนแต่ไร สมัยเรียนยังเคย DM ไปขอแบ็กกิ้งแทร็กเพื่อที่จะเอามาร้องในงานมหาวิทยาลัย ปรากฏว่าพี่จีนตอบกลับมาว่า ‘เดี๋ยวพี่ส่งให้นะ…อย่าบอกใครล่ะ’ ตั้งแต่นั้นเลยประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก จนวันหนึ่งได้ปล่อยเพลงของตัวเอง พี่จีนก็เข้ามาคอมเมนต์ ฟลุ๊คดีใจมากที่ศิลปินที่เราชอบที่สุดคนหนึ่งได้ดูผลงานเราด้วย เลยคิดเอาไว้ว่าถ้ามีโอกาสต้องชวนพี่จีนมาร่วมงานสักครั้ง จนนำมาสู่โปรเจกต์ GENELAB PRIDE LIVE | TIGER KILLER x GENE KASIDIT
“(วงการบันเทิงเป็นอย่างที่คิดมั้ย?) กันเองกว่าที่คิดครับ พอไปอยู่ท่ามกลางศิลปินที่มีชื่อเสียง เราก็ชอบรู้สึกเหมือนเราไม่ได้เป็นศิลปิน รู้สึกว่าเราตัวเล็กจังเลย ทุกคนก็บอกให้เราภูมิใจในตัวเองได้แล้วที่เป็นศิลปินเหมือนกัน ไม่ต้องเจี๋ยมเจี้ยมขนาดนั้น แต่เราขี้เกรงใจมากๆ ยิ่งเวลาเจอคนดัง เราจะอยู่เงียบๆ ไม่กล้าเข้าไปคุยเจ๊าะแจ๊ะ (เป็นคนคิดเยอะ?) มาก…ก คือเราพยายามระวัง เหมือนไม่อยากให้ใครรู้สึกไม่ดีมากกว่า”
“ฟลุ๊คเคยคิดว่าการได้เป็นศิลปินจะเปลี่ยนชีวิตเราไปเลย ได้มาอยู่ในค่ายที่ดีท่ามกลางคนเก่ง ก็คิดว่าตัวเองน่าจะประสบความสำเร็จเหมือนพวกเขา แต่กับฟลุ๊คไม่ได้เป็นแบบนั้น”
กลับมาเป็นมนุษย์เงินเดือนเพื่อซัพพอร์ตความฝัน
“ตอนนี้กลับมาเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์เหมือนเดิมแล้วครับ มีแอบเอางานเพลงขึ้นมาทำบ้าง พอหัวหน้าเดินผ่านก็รีบเปลี่ยนหน้าจอ (ยิ้มอ่อน) ด้วยความเป็นเราคือถ้าวันไหนอารมณ์มาก็จะนั่งทำเพลงอยู่อย่างนั้น ใจมันอยากหาข้อมูล อยากหาซาวนด์มาฟัง ทำทั้งวันเหมือนทิ้งไม่ได้ ซึ่งไม่ดีนะ เพราะบางทีอารมณ์มันมาตั้งแต่เช้าของวันทำงาน!!
“เมื่อก่อนฟลุ๊คเคยคิดว่าการได้เป็นศิลปินจะเปลี่ยนชีวิตเราไปเลย ได้เงิน ได้ทำสิ่งที่ชอบ ได้มาอยู่ในค่ายที่ดีท่ามกลางคนเก่ง ก็คิดว่าตัวเองน่าจะประสบความสำเร็จเหมือนพวกเขา ซึ่งความเชื่อนี้อาจเป็นจริงสำหรับบางคนนะครับ แต่กับฟลุ๊คไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าให้แนะนำคนที่มีความฝันหรือคนที่อยากเข้ามาในวงการก็อยากให้เตรียมใจ อย่าตั้งความหวังเยอะเกินไป คิดแค่ว่าเราได้ทำสิ่งที่ชอบแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ทำให้เต็มที่และดีที่สุดในทุกโอกาส ถึงตอนนี้ฟลุ๊คก็ยังคงต้องทำงานประจำเพื่อซัพพอร์ตความฝันต่อไป
“เรื่องตลกอีกเรื่องคือ เพื่อนสนิทฟลุ๊คเกือบลาออกจากงานเพื่อมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ด้วยนะ เพราะหมอดูทักว่าหลังปล่อยซิงเกิลให้เตรียมรับทรัพย์ได้เลย ปรากฏว่าโควิดมาอีกระลอก ผ้าไหมที่เตรียมไว้ประเคนหมอดูยังอยู่ที่บ้านจนถึงทุกวันนี้ (หัวเราะ)”
“ได้บทเรียนว่า มีอะไรก็ระบายออกมาบ้าง เราไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอก”
ผลงานใหม่ที่ต้องออกสตาร์ทด้วยตัวเอง
“กดดันมาก (ลากเสียงสูง) ฟลุ๊คน่าจะคงความอิเล็กโทรนิกกลิ่นอายดิสโก้อยู่นะ แต่กำลังพยายามหาองค์ประกอบใหม่ๆ เพื่อให้แตกต่างจาก 2 เพลงที่ผ่านมา ระหว่างนี้ถือว่าได้ประสบการณ์เยอะขึ้นมาก จากที่เดิมแค่ชอบร้องเพลง แต่ไม่ได้มีความรู้ด้านดนตรีเลย ถึงวันนี้ก็ต้องเร่งพัฒนาตัวเองเพื่อให้ผลงานใหม่เสร็จทันภายในปีนี้ตามที่ตั้งใจไว้
“มีท้อครับ อย่างแฟนคลับต่างประเทศแท็กมาว่าเขากำลังเปิดเอ็มวีเราให้ลูกค้าในร้านดูอยู่นะ ถามว่าเมื่อไรจะออกเพลงใหม่ ซึ่งเราดีใจแต่ก็สะท้อนใจ ครั้งหนึ่งรู้สึกไม่ไหวจริงๆ เลยโพสต์ลงในไอจีว่า ‘เหนื่อยจังเลย’ จากปกติที่ฟลุ๊คไม่เคยให้ใครเห็นด้านอ่อนแอ ปรากฏว่าโพสต์นั้นทำให้เราได้กำลังใจจากคนนับพัน เหมือนได้พลังเฮือกใหญ่กลับคืนมา เป็นบทเรียนเหมือนกันนะครับว่ามีอะไรก็ระบายออกมาบ้าง เราไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอก
“(คิดจะผสานความลูกทุ่งไทยลงในเพลงใหม่บ้างมั้ย?) อยากลองอยู่เหมือนกันครับ เราเสพ เราฟัง เราร้องเพลงลูกทุ่งไทย – อีสานอยู่ตลอด ถึงจะไม่ได้เสียงดีขั้นศรราม น้ำเพชร แต่เรามีกลิ่น สำเนียง อีสานบ้าน! ขนานแท้ (แนวนี้มีใครเป็นไอดอลบ้าง) เยอะเลยครับ ถ้าในตอนนี้ก็จะชอบนักร้องเพลงลูกทุ่งอีสานอินดี้อย่างพร จันทพร เจ้าของเพลงดังอย่าง ปูหนีบอีปิ น้องเนย ภัสวรรณ ที่ร้องเพลงฝากใบลา และอีกหลายคนเลย แต่หลักๆ ที่ชอบที่สุดคือแม่ผึ้ง (พุ่มพวง ดวงจันทร์) อยากได้ความซนแบบเขา ฟลุ๊คชอบความซนของแม่ผึ้งในตอนนั้นมาก
“(ศิลปินที่อยากร่วมงานด้วยในลำดับถัดไป?) น้องจาร์วิส (JV.JARVIS – พฤฒพงศ์ ผิวทองงาม) หรือนักร้องแนวฮิปฮอปครับ ฟลุ๊คอยากทำเพลงรักของ LGBTQIAN+ ที่ให้ความรู้สึกสมหวังบ้าง แนวหมาหยอกไก่ แซวกันไปแซวกันมา ฟีลเปิดใจ เพราะฮิปฮอปมีความแบดๆ สนุกๆ บวกกับความเป็นเราที่ซ่อนความแซสซี่ไว้นิดหน่อย น่าจะเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวพอดี และยังไม่เคยเห็นใครทำมาก่อน”
“แม่ฟลุ๊คแต่งงานใหม่กับสามีที่ต่างประเทศ เขาชวนว่า ‘มาอยู่เนเธอร์แลนด์มั้ยล่ะ ที่นี่ผู้ชายแต่งงานกันได้แล้วนะ’ กลายเป็นว่าแม่เปิดประเด็นก่อน”
เดบิวต์เพลงแรกพร้อมวินาทีแห่งการยอมรับ
“ตอนมัธยมฟลุ๊คมีแฟนเป็นผู้หญิง ที่บ้านก็รับรู้ไปทางนั้น แต่ก็เริ่มไม่มั่นใจว่าเราเป็นแบบไหนกันแน่ เคยได้ยินคนถามแม่ว่าเราเป็น…รึเปล่า พอแม่ตอบ ‘ไม่ได้เป็น’ ก็เลยคิดมาตลอดว่าเขาไม่อยากให้เราเป็น กลัวพ่อแม่เสียใจเลยกดตัวเองไว้ ไม่ยอมรับ ไม่กล้าเปิดเผย ตอนเปิดตัวเอ็มวีเพลง เข้าฝัน ครั้งแรก ฟลุ๊คตื่นเต้นมากนะ เพราะในใจก็แอบกังวลว่าคนในครอบครัวและญาติๆ เขาจะคิดกันยังไง จะรับได้มั้ย แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นเลย บางคนชมเสียง บางคนชอบเอ็มวี บางคนชมว่าสวย เพื่อนมัธยมก็ทักมาว่า ‘มึงเก่ง!’ ไม่มีใครพูดเชิงลบหรือทำให้เสียกำลังใจเลย
“(หลังจากวันนั้นได้คุยเรื่องนี้กับที่บ้านมั้ย?) พอดีแม่ฟลุ๊คแต่งงานใหม่กับสามีที่ต่างประเทศเลยชวนว่า ‘มาอยู่เนเธอร์แลนด์มั้ยล่ะ ที่นี่ผู้ชายแต่งงานกันได้แล้วนะ’ กลายเป็นว่าแม่เปิดประเด็นก่อน ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งที่เขายอมรับในสิ่งที่เราเป็น แต่อีกใจหนึ่งฟลุ๊คก็อยากเป็นฝ่ายพูดเอง แต่ทุกวันนี้ในบ้านก็ยังเรียกเราว่า ‘ลูกชาย’ เขาบอกตัดผมสั้นแล้ว ‘หล่อดี’ ไม่ได้ชมว่า ‘สวยจัง’ ซึ่งก็ถูกของเขา เพราะในตอนนี้เราก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยากเป็น ‘ลูกสาว’ ฟลุ๊คชอบที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้ แฮปปี้กับการเป็น Non – Binary ที่รู้สึกยังไงก็แสดงออกผ่านการแต่งตัวในแต่ละวัน ไม่ได้เปลี่ยนเพื่อปรับภาพลักษณ์ แต่งมาสคิวลีนเท่ๆ เราก็สนุก แต่งหวานๆ ละมุนๆ เราก็แฮปปี้กับความเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างใน
“(สเตตัสหัวใจในเวลานี้?) โสดมาตั้งแต่มัธยมปลายเลย (หา!?) ตั้งแต่แม่ส่งเข้าโรงเรียนประจำที่มุกดาหาร ฟลุ๊คก็ชินและชอบการอยู่คนเดียวจนถึงทุกวันนี้ คือฟลุ๊คอยู่กับแฟนได้ แต่ให้นอนกอดทั้งคืนไม่ไหว เพราะจะรู้สึกตัวตลอดเวลาจนนอนไม่หลับ ถ้ากอดสักพักแล้วต่างคนต่างนอนก็โอเค อีกอย่างหนึ่งคือฟลุ๊คชอบร้องเพลงตอนกลางคืนคนเดียว วันไหนกลับคอนโดแล้วอยากร้องเพลงก็จะร้องอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง คนที่อยู่ด้วยอาจอึดอัด บางทีถึงขั้นต้องออกไปหาที่ร้องเพลงนอกบ้าน มันย้อนแย้งอยู่เหมือนกันนะ เราเหงาแต่ก็ต้องการสเปซ (ยังไม่เจอคนที่ให้สเปซได้?) จริงๆ มันก็น่าจะมีนะ ถ้าเราตั้งใจหาและเปิดใจให้หลายๆ คนที่เข้ามา แต่คือตอนนี้ฟลุ๊คไม่ค่อยโฟกัสเรื่องความรักเลยตั้งแต่เบนเข็มมามุ่งมั่นสู่การเป็นศิลปิน เคยมีเข้ามาแล้วเขว ทำให้เราหลุดจากสิ่งที่โฟกัสก็เลยไม่มีดีกว่า”
“โอกาสของ LGBTQ+ ก็มีไม่กี่คาแรกเตอร์ ไม่กะเทยกองถ่ายก็เพื่อนนางเอกช่างเมาท์”
บัณฑิตเอกการแสดงกับความหวังในการเห็นบท LGBTQ+ ที่สร้างสรรค์
“ย้อนไปในยุคที่ฟลุ๊ควิ่งแคสต์งาน ซีรีส์วายกำลังเริ่มบูมแรกๆ ไปแคสต์ให้ตายยังไง เล่นดีแค่ไหน ก็จะมาติดกับคำว่าผู้จัดเขาอยากได้ผู้ชายแท้ๆ มากกว่า ส่วนงานละคร โอกาสของ LGBTQ+ ก็มีไม่กี่คาแรกเตอร์ ไม่กะเทยกองถ่ายก็เพื่อนนางเอกช่างเมาท์ ฟลุ๊คเคยไปเล่นแล้วเหนื่อย เพราะเขาบอกให้เราสาวกว่านี้อีก! แรดกว่านี้อีก! ถามว่าแสดงได้มั้ย ได้ แต่เรารู้สึก…(ถอนหายใจ)
“เรารู้สึกไม่แฟร์ว่าบทของ LGBTQ+ มีแค่นี้เองหรือ LGBTQ+ ต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นใช่ไหม นึกถึงตัวเองสมัยทำธีสิสจบที่ต้องแสดงเป็นเด็กออทิสติก อยู่บนเวทีตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม เราต้องศึกษาเชิงลึก เอาตัวเองไปอยู่ในครอบครัวที่มีเด็กออทิสติกจริงๆ ไปโรงเรียนกับเขา ไปพูดคุยกับอาจารย์เขา เพื่อเรียนรู้พฤติกรรม ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคิดอะไร ทำยังไงให้การแสดงของเราดูไม่ล้อเลียนเขา ฯลฯ หรือสมมติจะรับบทคนอ้วน ฟลุ๊คก็อยากกินให้อ้วนจริงๆ อยากทำอะไรที่ได้ท้าทายตัวเอง ไม่ใช่บทฉาบฉวยแบบซีรีส์วายหลายเรื่องที่เน้นขายความเป็นคนรักร่วมเพศ LGBTQ+ แต่ไม่เคยให้ LGBTQ+ ตัวจริง มารับบทนั้นจริงๆ เสียที”
ลงทุน 5 บาท ผงาดแฟชั่นวีก
“แรงบันดาลใจด้านแฟชั่นหรือครับ ส่วนใหญ่ฟลุ๊คติดตามโซเชียลของแฟชั่นไอคอน ศิลปินและบล็อกเกอร์ญี่ปุ่น – เกาหลี ตากล้องสายสตรีท แล้วก็ร้านค้าในไอจีที่ขายเสื้อผ้าแปลกๆ จากต่างประเทศ เช่น ฮาราจูกุ แล้วเราก็ไปจบที่ตลาดปัฐวิกรณ์ ตัวละ 5 บาท 10 บาท (หัวเราะ) 80% ในตู้เสื้อผ้าฟลุ๊คมาจากตลาดปัฐวิกรณ์เลย ลุคต่างๆ ที่เห็นในไอจีคือที่นี่ทั้งนั้น ตลาดนี้ช้อปสนุก ฟลุ๊คชอบเจอของแปลกๆ ซึ่งบางทีเราเอามาตัด มาแปะอะไรเพิ่มเข้าไป ตัวละ 5 บาท 20 บาท ก็ใส่ไปแฟชั่นวีกมาแล้ว คนชอบถามว่าเราซื้อจากไหน ราคาเท่าไร หลายคนขอถ่ายรูป ยิ่งคนชอบฟลุ๊คก็ดีใจและภูมิใจในตัวเองมาก แล้วเรายังขายต่อแบบอัปราคาได้ อย่างซื้อมา 5 บาท แต่ฟลุ๊คเคยขายต่อได้ 500 บาท
“(คิดจะทำขายจริงจังมั้ย?) เคยครับ เมื่อก่อนฟลุ๊คตระเวนขายตามตลาด ตั้งแต่ก่อนเป็นศิลปิน จนเป็นศิลปินแล้วก็ยังทำเสื้อผ้า DIY ขายอยู่ สมมติซื้อเสื้อมา 3 ตัว ฟลุ๊คอาจจะตัดแขนตัวที่ 1 เอาไปต่อตัวที่ 2 แล้วเอาส่วนเว้าของตัวที่ 2 ไปแปะบนตัวที่ 3 เท่านี้ก็จะได้เสื้อใหม่ 3 ชิ้นที่เชื่อมโยงกัน มีครั้งหนึ่งดีไซเนอร์ฝรั่งมาเหมาไปแบบไม่ต่อราคาเลย”
“อยากเป็น Tiger Killer ศิลปินที่ทุกคนรู้จัก อยากเป็นตำนานเหมือน Lady Gaga แม่ผึ้ง พุ่มพวง พี่เบิร์ด พี่ต่าย อรทัย”
ภาพตัวเองในอนาคตกับช่วงวัย 30 – 40
“อยากเป็น Tiger Killer ศิลปินที่ทุกคนรู้จัก อยากเป็นตำนานเหมือน Lady Gaga แม่ผึ้ง (พุ่มพวง ดวงจัทร์) พี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) พี่ต่าย อรทัย (อรทัย ดาบคำ) อีกอย่างคืออยากทำธุรกิจความงาม เพราะฟลุ๊คสนใจความสวยความงามอยู่แล้ว ทั้งเมกอัพ สกินแคร์ หัตถการ ศัลยกรรม
“(บิวตี้ซีเคร็ตที่รู้สึกว่าเวิร์กที่สุด?) ฟลุ๊คจะเสิร์ชเลยว่าแต่ละปัญหาใช้ส่วนผสมอะไรรักษาได้บ้าง เช่น รอยดำ ก็มีพวกไนอะซินาไมด์ อัลฟ่าอาร์บูติน วิตามินซี ฯลฯ แล้วค่อยหาว่าส่วนผสมเหล่านั้นอยู่ในผลิตภัณฑ์ไหน อาศัยดูจากเว็บ จากบล็อกเกอร์ หรือยูทูบเบอร์สายวิชาการที่ให้ความรู้เชิงลึก หรือรีวิวที่อ้างอิงส่วนผสม เพราะบางแบรนด์ใส่ส่วนผสมนั้นก็จริง แต่อาจใส่ในปริมาณที่ไม่เพียงพอที่จะเห็นผล ฟลุ๊คชอบศึกษาอะไรแบบนี้ เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่ใช้ส่วนผสมเดียวกันในราคาที่ถูกกว่าได้ (บิวตี้ไอเท็มติดกระเป๋า) แท่งนี้เลย YSL ROUGE VOLUPTÉ SHINE สี 101 MAKE IT BURN ไม่ค่อยมีสีแต่ให้ความฉ่ำ ความเป็นธรรมชาติดีครับ สีนี้ฟลุ๊คทาได้ตลอด ช่วยให้ปากชุ่มชื้นด้วย”
Words: Sasi Akkomee
Photos: Somkiat Kangsdalwirun
Style: Anansit Karnnongyai
Makeup: Supichaya J.
Hair: Armaladdy A.
เครื่องแต่งกาย: ZARA, LEELA OFFICIAL
