คุยเฟื่องทุกเรื่อง ‘วาย’ กับ อรรถ บุนนาค นักเขียน นักแปล และบรรณาธิการงานแปลกวรรณกรรมญี่ปุ่นแห่งสำนักพิมพ์ JLIT ผู้กลายเป็นองค์พ่อกระแสวายในไทยแลนด์ ทั้งวายระหว่างพระสงฆ์กับเด็กวัด แม่ทัพกับเด็กถือดาบ หมู่ซามูไร กลุ่มชายขายเรือนร่าง ไปจนถึงซีรีส์วายไทยที่ตีตลาดวายญี่ปุ่นอย่างวอดวาย
“วัฒนธรรมวัยรุ่นในเมืองไทยซึ่งถูกอำนาจรัฐหรือผู้ใหญ่กดทับมาโดยตลอด กลับเบ่งบานโดยอาศัยวัฒนธรรมวัยรุ่นของต่างประเทศ และส่งกลับไปยังประเทศต้นทางของวัฒนธรรมได้ ถือเป็นความสำเร็จของสาววายไทยที่น่าภาคภูมิใจ”
LIPS: อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณผลักดันวรรณกรรมญี่ปุ่นให้ผลิบานในประเทศไทย จุดเด่นของเขาที่ต่างจากวรรณกรรมอื่นๆอย่างไร
อรรถ: เอาโดยพื้นฐานก่อนเลยคืออยากทำหนังสือ แล้วแนวทางถนัดของตัวเองก็จะเป็นวรรณกรรมญี่ปุ่น ด้วยประสบการณ์ทำงานในอดีตบวกกับที่เรียนมาทางด้านนี้โดยเฉพาะ เมื่อมาทำสำนักพิมพ์ของตัวเองแล้ว ก็ลองดูตลาดหนังสือแปลญี่ปุ่นในเมืองไทย เราพบว่ามีการแปลวรรณกรรมญี่ปุ่นในยุคสมัยใหม่ (คินได) อยู่น้อยและที่มีอยู่โดยส่วนใหญ่ก็แปลจากภาษาอังกฤษ เลยคิดว่าน่าจะเป็นช่องว่างของการตลาดหนังสือแปลญี่ปุ่นที่จะเข้ามาได้ และคิดว่าด้วยศักยภาพของตัวเองกับหุ้นส่วนซึ่งคร่ำหวอดในวงการหนังสือแปลญี่ปุ่นมานานบวกกับมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ รวมถึงนวนิยายคลาสสิกในยุคนี้มีภาษาที่ยากกว่าภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการแปลและการบรรณาธิกร รวมถึงความรู้เฉพาะทาง น่าจะเป็นจุดแข็งของเราได้
นอกจากนี้เราเห็นประเภทนวนิยายญี่ปุ่นที่แปลออกมาในวงการหนังสือไทยจะมีแนวซ้ำๆ อย่างสืบสวนสอบสวน ไลต์โนเวล แต่จริงๆแล้วยังมีวรรณกรรมหลากหลายแนวมากกว่านั้น เลยอยากแนะนำให้นักอ่านคนไทยได้รู้จัก และเปิดขอบฟ้าของการอ่านให้กว้างยิ่งขึ้น
ส่วนจุดเด่นของวรรณกรรมญี่ปุ่นคือ เขามีงานหลากหลายแนวมาก ทั้งที่เป็นวรรณกรรมบริสุทธิ์ ที่มีแนวคิดปรัชญาที่ลุ่มลึก มีวรรณกรรมในกระแสที่มีความบันเทิงครบรส หรือมีวรรณกรรมอินดี้ที่จับประเด็นแปลกๆ ได้รสชาติแปลกใหม่ มีงานวรรณกรรมที่ตอบรับผู้อ่านทุกเพศทุกวัยทุกแนวรสนิยม
LIPS: พูดถึง Digital Disruption ในวันที่ทุกคนก้มหน้าดูหน้าจอ มือถือ วรรณกรรมญี่ปุ่น ยังสามารถเติบโตไปได้มากน้อยขนาดไหน
อรรถ: จริงอยู่ว่าสังคมดิจิทัลทำให้แย่งเวลาการอ่านหนังสือไปพอสมควร แต่ในแง่ดีแล้วมันทำให้เกิดการกระตุ้นอยากอ่านเรื่องราวที่ได้รู้มา หรือการสืบค้นต่อยอดในเรื่องราวจากหนังสือที่เราได้อ่านไป แต่อย่างที่ได้ตอบไปแล้วว่าวรรณกรรมญี่ปุ่นมีหลากหลายแนว คิดว่าตอบรับผู้อ่านในสังคมยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี เพราะผู้บริโภคในยุคดิจิทัลนี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะหนังสือเท่านั้น แต่ในคอนเทนต์ทุกๆ อย่างจะเลือกบริโภคในสิ่งที่ตัวเองสนใจจริงๆ วงการหนังสือก็จะเริ่มเป็นนิชมาร์เก็ตมากขึ้น มีหนังสือหรือคอนเทนต์การอ่านที่ตอบรับกลุ่มเฉพาะทางมากขึ้น และเพิ่มความหลากหลายได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน
ถ้าในแง่เรื่องแพลตฟอร์มการอ่านที่อาจจะรู้สึกว่าการอ่านจากสิ่งพิมพ์ถดถอยลงไปนั้น ในส่วนหนึ่งเป็นความจริง แต่ในส่วนหนึ่งในเทรนด์เรื่องนอสทัลเจีย-โหยหาอดีต หรือความสะดวกในการอ่าน รวมถึงสุนทรียะความชอบในการสะสมด้วยแล้ว กระแสการอ่านหนังสือสิ่งพิมพ์กำลังกลับมาและกลายเป็นเทรนด์อยู่
“อย่างน้อยที่สุดของการมีคอนเทนต์วายผลิตซ้ำในสื่อ จะทำให้เรื่อง LGBTQ+ เป็นเรื่องปกติสามัญ และจะค่อยๆเกิดการยอมรับมากขึ้น”
LIPS: คำถามเดียวกัน แล้วสำหรับวรรณกรรมวายล่ะ เห็นว่าในออนไลน์ ฐานแฟนคลับที่ตามอ่านนิยายวายเยอะมาก ผู้เขียนบางคนได้รายได้เป็นล้าน
อรรถ: วรรณกรรมวายออนไลน์ในตลาดเมืองไทยกำลังเป็นกระแส แต่ถือว่าเป็นด่านคัดกรองนักเขียน ทุกคนสามารถเป็นนักเขียนได้โดยไม่ต้องผ่านสำนักพิมพ์ ไม่มีบรรณาธิการแบบในสมัยก่อน มันเป็นการเปิดโอกาสของเสรีภาพทั้งในการเขียนและการอ่าน แต่คนที่กำหนดต่อไปก็คือคนอ่านหรือผู้บริโภคนั่นเองว่า นิยายวายเรื่องนั้นจะได้รับความนิยมไหม คนเขียนจะได้เป็นนักเขียนเบสต์เซลเลอร์ไหม นิยายวายเรื่องนั้นจะถูกไปทำสื่อแบบอื่นหรือไม่ รวมถึงการที่จะกลายเป็นรูปเล่มสิ่งพิมพ์หนังสือเล่มที่แม้ว่าคนอ่านจะเคยอ่านออนไลน์แล้วก็ตาม แต่เมื่อผ่านกระบวนการในรูปแบบแพลตฟอร์มสิ่งพิมพ์ การบรรณาธิกร การตรวจแก้คำ การใส่ภาพประกอบ การออกแบบรูปเล่ม ก็ทำให้แฟนคลับซื้อมาเพื่อการอ่านซ้ำหรือเก็บสะสมไว้ หรือในการเปลี่ยนผ่านสื่อดัดแปลงไปสื่ออื่น ฐานแฟนคลับที่บริโภคในสื่อแบบอื่นก็จะให้ความสนใจในต้นธารที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์อย่างหนังสือด้วยเช่นกัน มันก็เป็นการช่วยกันหนุนนำกันไป
LIPS: อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณเข้าสู่วงการแปลการ์ตูนวาย ในยุคที่ค่านิยมวายยังเป็นเรื่องเปิดเผยไม่ได้เต็มที่
อรรถ: (หัวเราะ) ง่ายมากๆ คือเป็นงานพิเศษสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่สำนักพิมพ์ที่เราไปรับงานแปลเขาส่งมาให้แปล เราก็แปลตามสั่ง ในยุคที่นักศึกษาเอกภาษาญี่ปุ่นตามมหาวิทยาลัยโดยส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิงจากครอบครัวชนชั้นกลาง เขาก็จะกรีดร้องรับไม่ได้บทสวีทของผู้ชายกับผู้ชาย ไม่รวมแค่คอนเทนต์นี้เท่านั้น แต่อย่างการ์ตูนต่อสู้เลือดอาบ การ์ตูนผีน่ากลัว ก็จะถูกวนมาให้นักศึกษาผู้ชายอันมีจำนวนน้อยนิดแปลกัน แต่จำได้ว่ามีแปลไม่กี่เล่มเท่านั้น เพราะเหมือนว่าไม่ได้รับความนิยมในตลาดช่วงนั้น ตอนนั้นญี่ปุ่นวัฒนธรรมวาย หรือ BL เบ่งบานเต็มที่แล้วแต่ในเมืองไทยยังไม่ได้ฟักเป็นตัวอ่อนเลยมั้ง (ในช่วงทศวรรษ 1990 ตอนต้น) แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้แปลเรื่องวายแบบตรงๆเท่าไร มีเรื่องที่พอจะมีกลิ่นอายอยู่บ้าง
“การเป็นตัวตนของสาววายในสังคมไทยทุกวันนี้ ผ่านประวัติศาสตร์การต่อสู้มามากมาย จนทำให้มีที่หยัดยืนและสปอตไลต์ส่อง”
LIPS: รู้สึกอย่างไรกับฉายาผู้เชี่ยวชาญด้านวาย หรือแท้จริงแล้วคุณเป็นผู้ผลักดันเทรนด์นี้
อรรถ: แอบขำเล็กน้อย ยิ่งถูกสถาปนาเป็นองค์พ่อแห่งวงการวายด้วยแล้ว ไม่ได้คิดว่าถึงขั้นเป็นเทรนด์เซตเตอร์แต่อย่างใด เพียงแต่อยู่มานาน…พูดง่ายๆว่าแก่นั่นเอง…(หัวเราะ) น่าจะเป็นผู้รู้เห็นกับสนใจศึกษาที่มาที่ไปตามประสาที่ได้ร่ำเรียนมา ก็เลยมีเรื่องเล่าเยอะ และมีมุมมองที่แปลกออกไปเท่านั้นเอง เพราะการติดตามก็ไม่ได้ตามทุกเรื่อง ตามเฉพาะเรื่องในแนวที่เราชอบหรือมีความน่าสนใจเป็นพิเศษเท่านั้นเอง
LIPS: เคยมองไหมว่าวันหนึ่งวายจะบูมได้แบบทุกวันนี้ สร้างเม็ดเงินให้กับธุรกิจซีรีส์ในประเทศได้เยอะ
อรรถ: เอาจริงๆ แล้วสมัยเรียนปริญญาโททางด้านวรรณกรรมที่ญี่ปุ่น…ซึ่งนานมากแล้ว (หัวเราะ) เรายังฟันธงไปในวิชาสัมมนาในห้องเรียนเลยว่า คอนเทนต์ BLหรือวายในเมืองไทยไม่น่าจะได้รับความนิยม เพราะว่าอุปสรรคในเรื่องแต่งโรแมนติกที่จะทำให้เกิดความฟินนั้น เรื่องราวของความรักต่างชนชั้นยังเป็นจุดที่ขายได้ในสังคมไทย แต่กระแสสังคมมันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจริงๆ จนอยากใช้สำนวนแบบวรรณกรรมว่า…แม่พลอย ฉันตามเขาไม่ทันจริงๆ ไม่นึกไม่ฝันจะได้เห็นอะไรแบบนี้…แต่ก็น่าชื่นใจนะ
ถ้ามองในมุมปัจจุบันสมัยที่อยู่แล้ว ก็บอกได้เลยว่าคอนเทนต์วายน่าจะเป็นตัวนำร่องการส่งผ่านคอนเทนต์บิสสิเนสหรือที่เขานิยมเรียกว่าอะไรนะ ซอฟต์แวร์?? ซอฟต์เพาเวอร์สิของไทยได้เป็นอย่างดี มีความน่าสนใจที่ภาครัฐหัวก้าวหน้าบางส่วนอย่าง ททท. และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเริ่มเห็นความสำคัญของเรื่องนี้แล้ว ก็ดีใจชื่นใจที่ยังพอเห็นอะไรที่เข้าท่าเข้าทางบ้างในหน่วยงานราชการ
“เราเคยฟันธงว่า คอนเทนต์วายในเมืองไทยไม่น่าจะได้รับความนิยม แต่กระแสสังคมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว…แม่พลอย ฉันตามเขาไม่ทันจริงๆ”
LIPS: จากเมื่อก่อนที่คุณแปลการ์ตูนวายจากภาษาญี่ปุ่นมาเป็นภาษาไทย แต่ตอนนี้มีการแปลนิยายวายไทยไปเป็นภาษาญี่ปุ่น คุณรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง หรือพลังของค่านิยมวายอย่างไรบ้าง
อรรถ: น่าดีใจชื่นใจมากนะ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆที่วัฒนธรรมวัยรุ่น (youth culture) ในเมืองไทยซึ่งไม่สามารถเกิดได้อย่างมีที่ทางในอัตลักษณ์ความเป็นไทย เพราะถูกอำนาจรัฐหรือผู้ใหญ่กดทับมาโดยตลอด จะเติบโตเบ่งบานโดยอาศัยวัฒนธรรมวัยรุ่นของต่างประเทศ แล้วมีการวิวัฒน์ภายในจนเกิดรูปแบบใหม่ แล้วส่งกลับไปยังประเทศต้นทางของวัฒนธรรมได้ นี่ถือว่าเป็นความสำเร็จของสาววายในประเทศไทยที่น่าภาคภูมิใจ จนอยากมอบรางวัลอะไรให้สาววายผู้ผลักดันการอภิวัฒน์นี้เลย ขอยืมสำนวนพี่ลูกเกดมาใช้หน่อยว่า หน่วยงานราชการไทยก็ทำไม่ได้ ผู้มีอำนาจทางวัฒนธรรมในบ้านเมืองไทยหรือก็อย่าได้หวัง
LIPS: วัฒนธรรมวายในญี่ปุ่น ต่างจากวัฒนธรรมวายในไทยหรือไม่อย่างไรในด้านวรรณกรรม และต่อยอดมองไปถึงในชีวิตจริง เช่นบริบทความเปิดกว้างทางเพศ โดยเฉพาะ LGBTQ+
อรรถ: โดยหลักๆ แล้วจะเหมือนกันเพราะเราก็ไปเอาต้นแบบมาจากเขา ก็ยังมีรากให้เห็นอยู่ แต่เมื่อเอามาปรับในบริบทไทย บวกกับการเป็นเรื่องเล่าในแบบวัฒนธรรมไทย ต่อให้เราจะบอกว่าเป็นโลกาภิวัฒน์อย่างไร หรือโลกเป็นสากลมากขึ้นก็ตาม แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ กับการวิวัฒน์มันก็เกิดขึ้นในตัวบทของวรรณกรรม เรื่องที่เราคิดว่าเป็นปกติสามัญในสังคมเรา แต่ในสังคมอื่นเขาเป็นของแปลก มันก็ทำให้เกิดรสเอ็กซอติกขึ้น ในทางกลับกันเวลาคนไทยเสพคอนเทนต์วายของชาติอื่นก็จะได้รสชาติเอ็กซอติกในคอนเทนต์นั้นเช่นเดียวกัน
ในแง่การต่อยอดไปสู่ชีวิตจริง ในสิ่งที่วัฒนธรรมกระแสหลักดูแคลนวัฒนธรรมมวลชนเช่นนี้ แต่พลวัตของมันกลับส่งต่อกระแสสู่สังคมได้หลายอย่าง ขอยกคำของอ.นากะอิเกะ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องวัฒนธรรม BL หรือวัฒนธรรมวายได้บอกว่า อย่างน้อยที่สุดของการมีคอนเทนต์วายผลิตซ้ำในสื่อ จะทำให้เรื่อง LGBTQ+ เป็นเรื่องปกติสามัญ และจะค่อยๆเกิดการยอมรับมากขึ้น
“ชายรักชายในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมีหลายแบบ มีทั้งพระสงฆ์กับเด็กวัดหรือเณรฝึกหัด ในหมู่นักรบซามูไร แม่ทัพกับเด็กถือดาบ ในกลุ่มนักแสดงคาบุกิที่เป็นเด็กหนุ่มผู้รับบทตัวนางและขายเรือนร่าง”
LIPS: หากผู้อ่านที่เป็นสาวกวาย ฝันอยากไปเยือนญี่ปุ่น อยากไปสัมผัสวัฒนธรรมวายแบบลึกซึ้ง คุณจะแนะนำว่าอย่างไร
อรรถ: แนะนำให้กระโจนลงไปอย่างจริงจังเลย (หัวเราะ) การมีแพสชั่นในการทำอะไรบางอย่างในชีวิตมันเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตของคนๆนั้น…ชีวิตของคนรอบข้างอาจจะกระทบกระเทือน (หัวเราะ) สิ่งนี้จะทำให้คุณเปิดโลกความสนใจไปสู่เรื่องอื่นๆ อย่างภาษาญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมญี่ปุ่น วรรณกรรมไปจนถึงวรรณคดี เพราะในวรรณคดีโบราณญี่ปุ่นมีเรื่องวายอยู่เยอะมาก อาจจะก้าวไปสู่สังคมวิทยา สนใจเรื่องเจนเดอร์สตัดดี ป๊อปคัลเจอร์สตัดดี ไปจนถึงการเมืองระดับโครงสร้างของสังคมในเรื่องความเท่าเทียม เพราะอย่าลืมว่าการเป็นตัวตนของสาววายของคุณในสังคมไทยทุกวันนี้ ผ่านประวัติศาสตร์การต่อสู้มามากมาย จนทำให้มีที่หยัดยืนและสปอตไลต์ส่อง อย่างน้อยที่สุดคุณก็ควรตระหนักรู้ในสิ่งที่คุณเป็น
LIPS: จริงไหมที่ชายได้ชายเป็นเรื่องปกติในสมัยโบราณ และถ้าในสมัยนี้มี Yaoi Hentai และสมัยก่อนมีทำนองนี้ไหม เรียกว่าอะไร
อรรถ: ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นแล้วเป็นเรื่องจริง…มีชื่อเรียกหลายอย่างมากแล้วแต่ยุคสมัย แล้วแต่วงสังคมที่เกิดเรื่องราวชายรักชาย ถ้าเป็นภาพใหญ่เลยก็จะเรียกกันว่า นันโชะคุ หรือ ดันโชะคุ ถ้าเกิดระหว่างพระสงฆ์กับเด็กวัดหรือเณรฝึกหัด ก็จะเรียกตามคำเรียกเณรว่า จิโกะ เกิดระหว่างในหมู่นักรบซามูไร อย่างนักรบระดับแม่ทัพกับเด็กถือดาบ หรือระหว่างเพื่อนนักรบที่สาบานตนเป็นพี่น้องกันก็จะเรียกว่า ชูโด แล้วก็มีในกลุ่มนักแสดงคาบุกิที่เป็นเด็กหนุ่มผู้รับบทตัวนางและจะขายเรือนร่างด้วยก็จะเรียกว่า คาเกะมะ
LIPS: ขอวรรณกรรมญี่ปุ่น 3 เรื่องที่ชาตินี้ผู้อ่านต้องอ่านให้ได้
อรรถ:
1) สูญสิ้นความเป็นคน ของ ดะไซ โอซามุ
2) โต๊ะโตะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง ของ คุโรยานางิ เท็ตสึโกะ
3) คะเม็นโนะโคะคุฮะคุ (คำสารภาพของหน้ากาก) ของ มิชิมะ ยุคิโอะ
Photo: Amazon
LIPS: คำถามเดียวกัน นิยายวายที่ชาตินี้คุณควรต้องอ่าน
อรรถ:
1) คะเซะโทะคิโนะอุทะ (ลำนำแห่งแมกไม้และสายลม) ของ ทาเคะมิยะ เคโกะ
จริงๆ แล้วเล่มนี้เป็นการ์ตูนที่ถือว่าเป็นไบเบิ้ลและต้นธารของวัฒนธรรมวาย แต่มีความเป็นวรรณกรรมสูงมาก
2) โมะยุรุโฮะโฮะ (แก้มสีเพลิง) ของ โฮะริ ทัตสึโอะ
เป็นเรื่องสั้นยุคคินได (สมัยใหม่) ที่มีกลิ่นอายของความวายสูงมาก เล่มนี้สำนักพิมพ์ JLIT แปลเป็นภาษาไทย
3) ลอดริ้วทินกร ของ theneoclassic
เป็นนิยายวายไทยที่เป็นเรื่องราวพีเรียดเกิดขึ้นในโรงเรียนประจำ
…มาสังเกตแล้วทั้ง 3 เรื่องต่างมีฉากเป็นโรงเรียนประจำหมดเลย คงเป็นแฟนตาซีของตัวเอง (หัวเราะ)
Words: Varichviralya Srisai
Photos: Somkiat Kangsdalwirun
ขอบคุณสถานที่: Maison Bleue ถ.สุขุมวิท ซอยเมธีนิเวศน์ (หลัง Emporium Suites)