Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Fashion / Trends

เปิดด้วยแฟชั่น จบแบบแกรมมี เจาะโชว์แรกของ ‘ฟาเรลล์ วิลเลียมส์’ ที่ Louis Vuitton

Fashion / Trends

“หลังจากเวอร์จิล แอ็บโลห์ เราก็ไม่สามารถเอาแฟชั่นดีไซเนอร์เฉยๆมานั่งเก้าอี้นี้ได้อีก” นั่นคือต้นตอความคิดของบรรดานายใหญ่ที่ LVMH บ้านใหญ่ของ Louis Vuitton จึงเกิดเหตุการณ์โทรจีบ ฟาเรลล์ วิลเลียมส์ นักร้อง โปรดิวเซอร์และอินฟลูเอนเซอร์สายแฟที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค ให้มานั่ง ‘เก้าอี้’ ที่มีป้ายแปะว่า ‘ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แผนกเครื่องแต่งกายชาย’ ของ Louis Vuitton ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อ 20 มิถุนายน

ปงเนิฟ สะพานเก่าแก่ที่สุดในปารีส ที่อยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่ของ LV ไปไม่มาก ฟาเรลล์ปิ๊งไอเดียให้ปูลายตารางหรือ ลายดามิเยร์สีทองสุกปลั่งบนผิวสะพาน แล้วปล่อยนางแบบและนายแบบออกไปเดินข้ามสะพานในคอลเล็กชั่นแรกของตนที่ LV จากฝีมือการทำสไตลิ่งของ แมตธิว เฮนสัน สไตลิสต์ส่วนตัวและ ซินเธีย หลู่ อดีตผู้ช่วยที่ออกไปสร้างแบรนด์สตรีทแวร์ Cactus Plant Flea Market มิน่า คอลเล็กชั่นเดบิวต์นี้จึงเหมือนตู้เสื้อผ้าของฟาเรลล์ได้อีก

Louis Vuitton มียอดขายราวๆ 2 หมื่น หน่วยคือล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 7 ล้านล้านบาท นี่คือยอดขายในปีเดียวเท่านั้น นั่นทำให้ LV คือแบรนด์ใหญ่ที่สุดในโลก คนที่ทำให้แบรนด์เติบโตขนาดได้ก็คือ เวอร์จิล แอ็บโลห์ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แผนกเครื่องแต่งกายชายของ LV ซึ่งผนวกแฟชั่นกับศิลปะ งานดีไซน์ การต่อต้านการเหยียดผิว และวัฒนธรรมของคนผิวดำ สมกับที่เป็นคนผิวดำรายแรกที่ได้นั่งตำแหน่งนี้ในประวัติศาสตร์แฟชั่น หลังจากเข้ามาพลิกวงการในปี 2018…อย่างกะทันหันเกินใครจะคิดทัน เวอร์จิลได้จากไปในปี 2021

ในเดือนธันวาคม ปี 2022 อเล็กซองเดรอ อาร์โนลด์ ทายาทคนหนึ่งของ LVMH ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทว่า “โทรกลับด้วย ถึงเวลาแล้ว” เพื่อนคนที่ว่านั้นก็คือ ฟาเรลล์ วิลเลียมส์ ซึ่งที่สุดแล้วก็ตกลงรับงานแบกแบรนด์ระดับ 2 หมื่นล้านเหรียญ ทั้งที่นักร้องค่อนวงการต่อคิวให้ฟาเรลล์เป็นโปรดิวเซอร์ให้ และเป็นมิวส์ของ Chanel ชิลๆไปก็จบ ทำไมอยากมาเหนื่อยตอนอายุ 50?

ฟาเรลล์เซ็นสัญญากับ LV ในวันวาเลนไทน์ปี 2023 จัดการย้ายลูกเมียจากบ้านในไมอามีและเวอร์จิเนียไปอยู่ปารีส แล้วเข้าไปทำงานที่ LV ด้วยทัศนคติที่ว่า ไม่ได้มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ แต่มาเป็นนักเรียนและลูกค้า “ผมไม่เคยเข้าเรียนแฟชั่นจากเซนต์มาร์ตินส์ แต่ผมเข้าไปช้อปปิ้งตามร้านค้าแฟชั่นมานาน และผมรู้ว่าผมชอบอะไร”

ชอบไหมกับแอดแคมเปญแรกของฟาเรลล์ ที่จับแม่ค้ามาขึ้นบิลบอร์ดกลางปารีส ฟาเรลล์กล่าวอย่างสะใจว่า “ริฮานน่าเป็นผู้หญิงผิวดำ แถมตั้งท้องด้วย” นี่ละโฉมหน้าของป๊อปคัลเจอร์ในยุคนี้ แถมฟาเรลล์ยังชี้ให้เห็นว่า ท้องแก่ใกล้คลอดของรีฮานน่าคือเซ็นเตอร์ของรูปนี้ที่ถูกจัดวางตามสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio ส่วนของเส้นที่ถูกแบ่งให้ตรงตำแหน่งที่ก่อให้เกิดสัดส่วนที่งดงามที่สุดคือ 1 : 1.618 ค้นโดย เลโอนาร์โด ฟีโบนัชชี นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี) หรือบอกเป็นนัยว่า นี่คือโฆษณาขายของที่ดูเหมือนฮาร์ดเซล แต่จริงๆแล้วมันคืองานศิลปะ เฉกเช่นเดียวกับภาพเขียนโบราณที่วาดตามสัดส่วนทองคำทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาพหญิงสาวกับต่างหูมุกของเวอร์เมียร์ หรือโมนาลิซ่าของดาวินชีเองก็ตาม

แขนของริฮานน่าและนายแบบทำหน้าที่เป็นราวแขวน Speedy กระเป๋ารุ่นที่ถือว่าก่อร่างสร้าง LV ให้ยิ่งใหญ่ แต่ฟาเรลล์ไม่ได้ค้นคลังเก่าของแบรนด์ไปดูงานดีไซน์กระเป๋าที่มีต้นแบบจากกระเป๋าหมอที่เปิดตัวในยุค 1930 แรงบันดาลใจของนายใหม่แห่ง LV มาจากกระเป๋าก็อปที่ขายตามถนนคานัลในนิวยอร์ก ซึ่งฟาเรลล์ตื่นตาตื่นใจกับ Speedy งานมิเรอร์ในไซซ์และสีที่ทาง LV เองยังคิดไม่ได้ ว่าแล้วแบรนด์ต้นแบบจึงก็อปกระเป๋าก็อปอีกที…ไม่งงนะ จึงได้ Speedy สีแจ๋นแหล๋น(ที่ดูปลอม แต่เป็นของแท้) โดยเฉพาะ Speedy 40 สีส้มที่ทำขายแค่ 200 ใบ ราคาพุ่งไปที่ 9,000 ยูโร

LVMH โดนวิจารณ์แหลกว่า ดีไซเนอร์เก่งๆมีล้นไป ทำไมไปเอานักร้องมาทำแฟชั่น ปิเอโตร เบกคารี ซีอีโอคนใหม่ของ LV ตอบสวยๆว่า ต้องการคนที่มีความสามารถกว้างขวางไปกว่าแค่ทำเสื้อผ้าสวยๆ เพราะหลังจากสิ่งที่ทำเวอร์จิลได้ทำไว้ แฟชั่นต้องการมากกว่าแค่ดีไซเนอร์เก่งๆ

ขณะที่ฟาเรลล์ยอมรับตรงๆไปเลยว่า ตระกูลอาร์โนลด์ เจ้าของ LVMH รู้ดีว่า กลิ่นเงินของคนดำชาวอเมริกัน หรือพูดให้ตรงกว่านั้นคือผู้ที่เสพวัฒนธรรมคนผิวดำต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นฮิปฮอป กีฬา งานศิลปะ ซึ่งระบาดไปทั่วโลก ขอให้ดูโฉมหน้าแขกฟรอนต์โรว์ในโชว์นี้ ไม่ว่าจะผู้เสพจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามว่าตนโดนวัฒนธรรมคนผิวดำจากอเมริกาตกเข้าให้แล้ว และกลิ่นเงินของพวกเขานั้นหอมหวานยิ่ง การจะเจาะกระเป๋าเงินของผู้เสพวัฒนธรรมคนผิวดำ ทาง LV ต้องเจาะคอมมูนิตี้คนดำให้ได้ และฟาเรลล์ก็เดินหน้าปฏิบัติการนี้ทันที

หลังจากจับนักร้องผิวดำมาถ่ายแคมเปญแล้ว ก็จะเชิดชูคนดำอีกหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการผิวดำ นักเขียนผิวดำ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ผิวดำ ไปจนถึงแชมป์ตกปลากระพงผิวดำ นี่ต่างหากคือความหมายที่แท้จริงที่ LV จะเปลี่ยนตัวเองจากแบรนด์แฟชั่นไปเป็นแบรนด์วัฒนธรรมของคนผิวดำ เพราะ “ท้ายที่สุดคนผิวดำเป็นคนขับเคลื่อนวัฒนธรรม” พูดง่ายๆว่า Louis Vuitton ในยุคของฟาเรลล์คือการแต่งงานของวัฒนธรรมคนผิวดำกับงานฝีมือแบบฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองอย่างคือสินค้าส่งออกทรงพลังที่สุดของอเมริกาและฝรั่งเศส

เจย์-ซีกับบียอนเซ่ เคลลี โรว์แลนด์
Photo: @beyonce
จาเรด เลโตและคิม คาร์ดาเชียน
Photo: @kimkardashian
ซงจุงกิ, ยูตะ NCT และแบมแบม
Photo: @bambam1a
แจ็กสัน หวัง นั่งบนลายดามิเยร์สีทองบนสะพานปงเนิฟ
Photo: @jacksonwang852g7

ในปี 2003 มาร์ก เจคอบส์ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ในยุคนั้นของ LV ชวนฟาเรลล์มาร่วมออกแบบแว่นกันแดด ซึ่งได้ผลลัพธ์เป็นแว่นรุ่น Millionaires ติดเพชรวิ้งที่ยังวางขายจนทุกวันนี้ และฟาเรลล์ซึ้งใจกับ LV มานับแต่นั้น เพราะ “มาร์กให้โอกาสผม ในขณะที่ไม่มีใครสักคนให้โอกาสอะไรพวกเรา (คนผิวดำ) ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์”

In My Mind: The Prequel มิกซ์เทปปี 2006 ของฟาเรลล์ เขาแร็ปว่า “We wanted this life, we salivated like wolves/ Blow a hundred grand on LV leather goods” ราวกับรู้ว่าสักวันหนึ่ง (ผู้เสพวัฒนธรรม)คนผิวดำจะได้มาโปรยเงินใส่กระเป๋า LV จริงๆ

ฟาเรลล์เดินออกมาโค้งให้คนดู และชี้ฟ้าเพื่อบอกว่าเวอร์จิลดูอยู่
Photo: Getty Images
มินิคอนเสิร์ตสุดเซอร์ไพรส์หลังจบโชว์ของเจย์-ซี ที่ฟาเรลล์คันไมค์ไปร่วมแจมด้วย

Words: Suphakdipa Poolsap

ข้อมูลจาก

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม