Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

ชนแก้วคุยกับ ‘เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร’ รักการดื่ม เกลียดนายทุน จึงมาเป็น ส.ส.

Interview / People

LIPS ไปถึง Taipiphop Bar Project กลางตลาดเจริญรัถในยามบ่ายที่ฝนตกหนัก

เปิดประตูผาง เจอร่างนอนคุดคู้บนผ้าใบที่ปูตามสะดวก…บนพื้น

ส.ส. สองสมัย เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ลุกขึ้น งัวเงีย หาวหวอดพร้อมเกาพุง “ผมเพิ่งไปลงพื้นที่มา พี่” เขาออกตัวเมื่อเจอสายตาตั้งคำถาม ขณะที่ผู้ช่วยของเขาลุกมาสวัสดีแล้วกลับเข้าโหมดหลับตายทันที

“คนอื่นกินกาแฟแล้วตื่น ของผมต้องเบียร์” เขาคว้าแก้วไปหลังเคาน์เตอร์ ต่อให้ง่วงเพลียเพียงไร เขารินน้ำสีอำพันอย่างนุ่มละมุน แล้วไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ตื่นแและเข้าโหมดนายแบบผู้สวมรองเท้าลุูกเสือนันยางโพสต์ท่าท้าเสียงฝนอย่างเอาการเอางาน

ตามด้วยบทสนทนาเคล้าขวดแก้วแวววาวของ LIPS กับส.ส.ที่บู๊จัดกัดไม่ปล่อย ด้วยมุ่งจะให้สุราท้องถิ่นได้แจ้งเกิด และมีเบียร์ไทยมากกว่า 2 ยี่ห้อให้เป็นตัวเลือกในเมืองไทย…เสียที

“ผมเกลียดนายทุน มันมีความเอาเปรียบอะไรหลายอย่าง ผมรับไม่ได้ ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า ช่วงนั้นหนีไปทำอะไรหลายอย่างจนมาเป็นผู้เขียนกฎหมายแทน”

LIPS: คุณเดินทางไปศึกษาเรื่องเบียร์ ไปคุยกับเพื่อนที่ต่างประเทศบ่อยๆ ในเมื่อในเมืองไทยโอกาสจะทำธุรกิจเรื่องนี้ไม่ได้เยอะขนาดนั้น คำว่า ‘ดันทุรัง’ ก็ตรงไป แต่ขอใช้แล้วกัน แต่คุณก็ดันทุรังที่จะสู้เพื่อมัน ทำไมไม่เอาดีที่เมืองนอกเลย มีโอกาสไปก็ไปเลย

เท่าพิภพ: เคยคิดเหมือนกัน หลายๆคนก็ชวนไปทำแบรนด์เบียร์กับเขา ทำไมผมถึงไม่ไป ทั้งๆที่อยากไป เมืองนอกโอกาสเยอะกว่าทุกๆอย่าง หลังโดนจับใหม่ๆก็คิดว่าเราจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว แต่ผมรู้สึกว่าถ้าผมไป เราอุตส่าห์ได้เรียนสูงๆ มีความรู้ ผมก็อยากลองเปลี่ยนประเทศนี้ดู แต่ถ้าที่สุดแล้วทำไม่ได้ก็ค่อยไป ก็ถือว่าเราได้ลองแล้ว เราไม่ติดค้าง ไม่ใช่ว่าอยู่เมืองนอกแล้วคิดกลับมาว่าประเทศเรายังเป็นแบบนี้อยู่ มันไม่โอเค…จริงๆก็อยากไป แต่จะทำสิ่งที่ค้างคาใจ อยากลองเปลี่ยนระบบในประเทศของเราก่อน ตอนแรกก็ไม่รู้สึกว่าจะมาไกลขนาดนี้

LIPS: ฟังดูเหมือนคุณไม่อยากสู้เพื่อตัวเองแล้วล่ะ คุณอยากสู้เพื่อผู้ประกอบการรายย่อยหรือเพื่อประชาชนคนอื่นๆ คุณคิดอย่างนั้นไหม

เท่าพิภพ: ถ้ามันชนะ มันก็วินทุกคนนะครับ จริงๆเราก็อยากสู้กับระบบอันบ้าบอนี้ด้วย คนอื่นได้ เราได้หรือคนทั่วไปได้ มันก็คือผลพลอยได้ พูดง่ายๆก็คือความรักไม่ได้เข้มข้นเท่าความแค้น พูดไปก็เหมือนหนังจีน แต่จริงๆแล้วผมก็อยากวัดดูสักตั้ง

LIPS: เรื่องเริ่มจากตอนที่คุณโดนจับเพราะต้มเหล้าหรือเปล่า

เท่าพิภพ: ก็ด้วยครับ มันสะสมมาเรื่อยๆ วันที่โดนจับเป็นเหมือน trigger point วันที่เราตัดสินใจว่าจะสู้หรือจะต้องเปลี่ยนให้ได้ ก็คือวันที่เราโดนจับด้วย แต่ก่อนหน้านั้น เราคิดว่าเราโดนจับ เราต้องสู้ก่อน ถึงแม้ว่าเราจะต้มเหล้าไม่ได้แล้ว เราก็จะสู้ต่อ ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นรูปแบบอะไร คือชีวิตคนเรา เราไม่รู้หรอกว่าคลื่นมายังไง เราก็ต้องโตขึ้น มันก็แค่นั้นเอง ต้องรับให้ได้

LIPS: วันนั้นเฟลไหม มีความรู้สึกไม่ยุติธรรมไหม

เท่าพิภพ: ผมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม จะเอาค่าปรับ 200,000 บาท มันเป็นการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่มากกว่า ผมก็รู้สึกเฟลถ้าจับผมก็จับไป แล้วมาเรียกผม 200,000 ทำไม คืออะไร มาบอกว่าขอเงินพ่อ ขอเงินแม่สิ ผมก็เลยตอบไปเลยว่า พ่อแม่ผมหลับแล้ว นี่ขนาดเรารู้กฎหมายนะ เราเลยกล้ายืนยัน ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้กฎหมาย ไม่ได้เรียนกฎหมายมา โดนไป 200,000 บาท เขาไม่รู้เรื่องก็ต้องยอมแล้วล่ะ กลัวก็ต้องจ่าย

LIPS: ทำไมในอดีตกฎหมายถึงห้ามให้ประชาชนต้มเหล้ากินเอง ห้ามแจกจ่าย ห้ามจำหน่าย เขาทำไปเพื่อการใด ในเมื่อมันมีคำว่าใครใคร่ค้าก็ควรค้า

เท่าพิภพ: จริงๆควรเป็นอย่างนั้นครับ มีหลายมุมมองที่มองว่าสุราเป็นเรื่องของไม่ดี ควรจะควบคุม ซึ่งเป็นยุคประเทศเราอยากได้เงินลงทุนต่างประเทศเยอะ ก็ต้องมากำหนดให้ทำเยอะๆไว้ก่อน และมีเรื่องของศาสนาบ้าง มีเรื่องของสุขภาพบ้าง หรือต้องการพัฒนาประเทศในสมัยปี 2534 ถึง 2535 จึงต้องทำเบียร์เป็นสินค้า จะได้เอาเงินต่างชาติเข้ามาในประเทศ มีการเอื้อนายทุนบ้าง มีหลายทฤษฎีมาก

สรุปก็คือรัฐไทยไม่เชื่อประชาชน ไม่เชื่อใจประชาชน ไม่ได้ให้เกียรติประชาชน ผู้มีอำนาจที่มาจากชนชั้นปกครองไม่เชื่อว่าประชาชนสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ หรือมีความรู้พอที่จะทำได้ อันนี้เป็นหลักใหญ่ใจความของทุกทฤษฎีเลย

LIPS: แต่จริงๆเขากำลังเอื้อเฟื้อให้กับใครหรือเปล่า

เท่าพิภพ: ก็อาจเป็นไปได้ ดันไปเชื่อใจประชาชนบางคน

“ผู้มีอำนาจที่มาจากชนชั้นปกครอง ไม่เชื่อว่าประชาชนสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ หรือมีความรู้พอที่จะทำได้ แต่ดันไปเชื่อใจประชาชนบางคน”

LIPS: หากประชาชนกำลังโดนผูกขาดการค้าอยู่ ถ้าเราปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งผูกขาดไปเรื่อยๆ คิดว่าประชาชนหาเช้ากินค่ำจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง

เท่าพิภพ: ผมว่าเป็นเรื่องของทุกอย่าง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคนอยู่แล้ว มีกฎหลายๆอย่างที่กดทับการทำมาหากินของทุกคน แต่บางเรื่องอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา บางเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับนายทุน มันจะเกี่ยวข้องกับอันนั้นอันนี้บ้าง คือใบอนุญาตการขายหาบแผงลอย มันเรื่องเดียวกันกับเรื่องเหล้าเบียร์นะ ทำไมเราไม่ทำให้มันถูกต้อง เพราะก็ขายกันอยู่แล้ว ทำไมไม่ทำให้มันถูกต้อง เพราะพ่อค้าแม่ค้าก็ไปจ่ายเทศกิจเดือนละ 500 บาท มีใบเสร็จก็จริง แต่ไม่รู้เงินไปไหน ก็คือเข้าพวกกันเอง คอร์รัปชันไปเรื่อยๆ

สุดท้ายเรื่องของเหล้าเบียร์เกี่ยวเนื่องกับทุกอย่าง เกี่ยวข้องกับศาสนา นายทุน สุขภาพ มันท้าทายคตินิยม ธรรมเนียมเดิมๆของสังคมไทย ถ้าเรื่องนี้ผ่านไปได้ เรื่องอื่นท่านก็ได้ ก็เลยมีแนวคิดว่า ถ้าเราเป็นประเทศทุนนิยมจริง เราต้องมีเรื่องของการแข่งขันที่ดีกว่านี้ อย่างเรื่องพลังงาน ทำไมพลังงานแพง มีบริษัทพลังงานเพียงเจ้าเดียว เห็นไหมว่าเป็นเรื่องปากท้องของทุกคนจริงๆ ไม่ว่าคุณจะขายของข้างถนน หรืออยู่คอนโด 10 ล้าน คุณก็โดนเหมือนกันหมด

LIPS: กำลังมองว่าประชาชนโดนเอาเปรียบไหม ในวงการธุรกิจสุรา

เท่าพิภพ: โดนเอาเปรียบอยู่แล้ว ในแง่ของผู้บริโภคประชาชนไม่ได้มีตัวเลือกที่มากขึ้น แทนที่เขาจะมีทางเลือกแบบสาโทอุบล หรือเหล้าอุศรีสะเกษ เหล้าขาวที่สุรินทร์หรือเหล้าขาวที่แพร่ก็ไม่เหมือนกัน มันต่างกันอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วทำไมฉันต้องกินเบียร์อยู่ 2 ยี่ห้อ ทำไมเหล้าชนิดนี้ถึงได้มียี่ห้อเดียวที่ครองตลาด ในประเทศนี้ก็มี 2 ตระกูลแค่นี้หรือที่รวย แทนที่จะแบ่งๆกันไปก็ได้ ในแง่ของการทำการปลูกข้าว การที่คุณปลูกอ้อยแล้วโดนกดราคา เพราะสุดท้ายก็มีอยู่ 2 เจ้าที่มีโรงงานใหญ่มาซื้อกากน้ำตาลที่เอามาทำเหล้า ก็กลายเป็นว่าคนทุกเลเวลก็ได้กินเหล้ากากน้ำตาลห่วยๆ เกษตรกรก็โดนกดราคาอีก ไม่เห็นมีใครได้ผลประโยชน์ตรงไหนเลย ยกเว้น 2 ตระกูลนี้ ผมก็เลยคิดว่าโดนเอาเปรียบอยู่แล้ว ชัดเจนอยู่แล้ว

LIPS: แล้วจะต้องเสรีถึงขั้นไหน

เท่าพิภพ: จริงๆก็ไม่ได้เสรีอะไรขนาดนั้น สิ่งที่ผมทำมันแค่ปลดล็อกเท่านั้นเอง หลายๆคนเข้าใจว่ามันเสรี แต่จริงๆแล้วมีเรื่องของการจดทะเบียนจดสิทธิ์อยู่แล้ว คือคนชอบเข้าใจผิด พ.ร.บ.สุราทำเหล้าขายให้คนอื่น มีการจ่ายภาษี จ่ายแสตมป์ให้สรรพสามิต เพราะเป็นความรับผิดชอบของคุณที่ทำให้คนอื่นดื่ม แต่ในการทำที่บ้าน ก็คือทำกินเอง เป็นเรื่องส่วนตัว จะมาห่วงอะไรกับการทำเหล้ากินเบียร์ จะมาบอกว่าเดี๋ยวตาย มันไม่ได้ตาย มาบอกว่าเดี๋ยวคนเอายาฆ่าหญ้ามาใส่เหล้ากินแล้วตาย…ใครจะไปทำ หรือจะมาว่าคนกินเหล้าเยอะขึ้น ผมก็จะย้อนถามในกรรมาธิการว่า แล้วทำไมไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้ทำเยอะเกินล่ะ ถ้าห่วงกันจริงต้องห้ามกินเกิน แต่ห้ามทำนี่แปลก

ทุกคนอยากจ่ายภาษีมาก ทุกคนอยากอยู่ใน ecosystem ไม่อยากหลบซ่อน อยากบอกกับทุกคนได้ว่าฉันมีอาชีพต้มเหล้าโดยไม่ต้องผิดกฎหมาย ไม่ต้องกลัวว่าวันหนึ่งจะโดนจับและสรรพสามิตมาไถ ก็อยากให้มาอยู่ใน ecosystem ที่ควบคุมได้ อยู่แบบนี้ยิ่งบีบให้เขาออกนอกระบบ สุดท้ายไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแบนในสิ่งที่มีอยู่แล้ว จะมาพรีเซนต์ว่ามันไม่มีจริง ว่ามันจะต้องหายไป มันไม่ได้

LIPS: เวลาคุณไปพูดเรื่องนี้ให้ฝรั่งฟัง เขางงไหม

เท่าพิภพ: ทุกคนงงและช็อกมากกว่า เพราะเมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวไง ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า เวลาไปคุยกับฝรั่ง ไปคุยกับสิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ว่าเมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวเป็น city on the beach เป็นเมืองกลางคืนข้าวสารโร้ด คนไทยกินเหล้าเก่ง รักสนุก แต่ทำการค้าเบียร์ไม่ได้หรือ คือช็อก แล้วยิ่งตอนผมโดนจับก็เป็นข่าว

“ทุกคนอยากจ่ายภาษีมาก ทุกคนอยากอยู่ใน ecosystem ไม่อยากหลบซ่อน อยากบอกกับทุกคนได้ว่าฉันมีอาชีพต้มเหล้าโดยไม่ต้องผิดกฎหมาย”

LIPS: วันแรกที่เราพูดไอเดีย พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าและบอกเล่าไปสู่พรรค หรือพูดต่อหน้ากรรมาธิการ มีคนมองว่าคุณเป็นส.ส.ขี้เหล้า คุณน้อมรับไหม

เท่าพิภพ: เฉยๆนะ หลายคนพูด ผมก็มองว่ามันเป็นข้อดีข้อเสีย ผมก็ชอบกินเหล้าจริงๆ แต่ไม่เสียการเสียงาน ก็รับผิดชอบในหน้าที่ ผมเชื่อว่าในหลายๆคนที่ดื่ม เพราะเป็นตัวคั่นระหว่างคนทำงานกับชีวิตพักผ่อน

LIPS: เปรียบเทียบตัวเองกับเครื่องดื่มหน่อยว่าเป็นเครื่องดื่มอะไร

เท่าพิภพ: ผมมองว่าเป็นเบียร์ เพราะเบียร์กินง่าย มันนุ่ม มันกินได้เยอะ และเราก็เป็นคนง่าย เบียร์มีความหลากหลายและผมก็เข้ากับคนหลากหลายได้หลายสไตล์

LIPS: มีพรหนึ่งข้อ อยากจะให้แนวคิดอะไรหายไปจากสังคมไทย

เท่าพิภพ: ผมไม่ชอบแนวคิดที่ว่าอยากให้คนนั้นคนนี้เป็นเหมือนเรา อันนี้สำคัญ ทุกเรื่องเลยทั้ง LGBTQ+ คือเขาจะแต่งงานกัน แล้วไง ก็เรื่องของเขา ผมมองว่ามันคือความ Genderless ของคน ผมมองทุกคนว่าเป็นเครื่องหมายเท่ากับ เป็นคนเหมือนกัน ไม่อยากให้ใครทำตัวเป็นไม้บรรทัดไปวัดใคร

LIPS: ดูเหมือนการเป็น ส.ส. นี่เหนื่อย ทำไมไม่หนีไปเปิดร้านเหล้าในไมอามี ไปซิดนีย์

เท่าพิภพ: นั่นสิ ทำไมไม่ไปแล่นเรือ เล่นเซิร์ฟอยู่เขาหลักดีกว่า นั่นสิ…ทำไม ย้อนกลับไปผมเชื่อนะมีคำพูดหนึ่งที่ผมฟังตอนกินเหล้ากับอาจารย์ปิยบุตร (แสงกนกกุล) นี่แหละ คนเราเกิดมามีชีวิตเดียว ตอนเกิดมาโลกเป็นยังไงไม่รู้นะ แต่เมื่อเราจากไป โลกนี้ต้องดีขึ้น ดังนั้นคนละเล็กละน้อยก็ต้องลองก่อน เรามีโอกาส มีเป้าหมาย หรือบางคนไม่มีเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องผิด เป็นเรื่องปกติ บางคนไม่มีเป้าหมายแล้วเขาอยากออกจาก server ไปฆ่าตัวตาย กรุณยฆาตก็ควรเกิดขึ้นได้แบบบางคน ได้ไม่ผิด 

กลับมาที่คำถาม มันเหนื่อยไหม มันเหนื่อยจริง เลยกะว่าลงรอบหน้าอีกที จะลงอีกสักปี ผลักดันพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าให้สำเร็จ แล้วก็เปลี่ยนให้คนอื่นมาทำต่อ ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อต้องการจะตั้งกงสีการเมืองให้ลูกให้หลานมาเป็น ผมก็คิดว่าวันหนึ่งพี่มาเป็นส.ส. ศรีสะเกษ หรือผลักดันวงการสื่อสิ่งพิมพ์ก็ได้นะ ดูในเรื่องของการเซ็นเซอร์ว่า ตอนนี้สื่อโดนเซ็นเซอร์ขนาดไหนย่อมทำได้

“ตอนเกิดมาโลกเป็นยังไงไม่รู้ แต่เมื่อเราจากไป โลกนี้ต้องดีขึ้น ดังนั้นคนละเล็กละน้อยก็ต้องลองก่อน”

LIPS: อยากก๊งเหล้ากับนักการเมืองคนไหนมากที่สุด

เท่าพิภพ: ก็มีทั้งในและต่างประเทศ คือถ้าในประเทศมีโอกาส ผมอยากจะกินกับคุณชวน หลีกภัย เพราะในพรรคผมกินมาหมดแล้วทุกคนไง ผมชอบประสบการณ์ เรื่องเล่า อยากฟังประสบการณ์จากคนที่มีอายุมากกว่า อยากฟังเรื่องเล่าต่างๆนานา ถ้ามีโอกาสได้ประสบการณ์ผมก็อยากคุยกับเขา เขาเป็นรุ่นพี่ที่นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ด้วย ผมทำอะไรพลาดบ่อย ผมอยากฟังประสบการณ์จากคนที่เคยมีความผิดพลาดมาก่อน 

แต่ถ้าต่างประเทศก็จะมีนักการเมืองชื่อย่อ AOC – Alexandria Ocasio-Cortez  ส.ส.พรรคเดโมแครตของนิวยอร์ก อายุน้อยเท่าผมเลย และเป็นส.ส.ดังของอเมริกา คนนี้ให้แรงบันดาลใจผมในการทำการเมือง การทำแคมเปญ คือเขาออกไปคุยกับรากหญ้า ไปเคาะประตูบ้านแล้วคุยกับคน เขาเป็นคนธรรมดาที่มาเป็นส.ส. เขาเคยทำงานในบาร์ เป็นบาร์เทนเดอร์ เมื่อก่อนผมก็ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ เขตเขาก็คล้ายผมเลยคือเขตบรูกลิน ของผมเป็นคลองสาน ธนบุรีเป็นฝั่งเป็นแรงงาน ป้อนเข้าแมนฮัตตันแบบฝั่งพระนครหรือสาทร ดูเขาคล้ายผมดี

LIPS: อยากเห็นอะไรในสังคมอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เท่าพิภพ: ผมอยากเห็นก้าวไกลเป็นรัฐบาล อยากเห็นคนเท่ากันมากขึ้น อยากเห็นรัฐสวัสดิการ อยากเห็นสังคมที่ยุติธรรม อย่างลูกคนรวยโดนจับก็คือโดนจับ ไม่สามารถหนีไปไหน ชนตำรวจตายก็ต้องติดคุก อยากเห็นสถานการณ์ที่ยุติธรรม ผมพูดหลายทีแล้วว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้ก้าวหน้าอะไร แค่เราต้องการนำความปกติที่ควรจะเป็นมาสู่เมืองไทย มันเป็นเรื่องธรรมดา

LIPS: รู้มาว่าเลข 23 เกี่ยวพันกับคุณอย่างลึกซึ้ง

เท่าพิภพ: วันที่ 23 เป็นวันที่ผมโดนจับและตอนอายุ 23 เป็นจุดเริ่มต้น เป็นจุดหักเห ผมทำงานเป็นทนายมาได้ปีครึ่งในบริษัทกระดาษใหญ่แห่งหนึ่ง จำได้เลยว่าคดีนั้นมีคดีคุณลุงมาศาล เพราะจำนองที่ดินแล้วที่จะหลุดจำนอง ลุงมาในสภาพเสื้อขาดๆ ใส่รองเท้าแตะเข้าห้องพิจารณาคดี แล้วเขาต้องสาบานตัว มันจะมีกระดาษที่บอกให้พูดตามว่า…ข้าพเจ้าชื่อนั้นชื่อนี้ ขอสาบานตนว่าจะพูดความจริง สักพักคุณลุงเงยหน้าขึ้นมามองท่านผู้พิพากษาแล้วบอกว่า ‘ผมอ่านหนังสือไม่ออก’ วินาทีนั้นผมตัวชาเลย ชาไปถึงเท้าเลยพี่ ลุงไม่รู้เรื่องเลยแล้วจะมาเซ็นสัญญายกที่สมบัติของตระกูล เขารู้เรื่องหรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลงไป ตอนนั้นผมไปลาออกเลย และเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมเกลียดนายทุน มันมีความเอาเปรียบอะไรหลายอย่าง ผมรับไม่ได้ ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า ช่วงนั้นหนีไปทำอะไรหลายอย่างจนมาเป็นผู้เขียนกฎหมายแทน

“ผมอยากผลักดันพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าให้สำเร็จ แล้วก็เปลี่ยนให้คนอื่นมาทำต่อ ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อต้องการจะตั้งกงสีการเมืองให้ลูกให้หลานมาเป็น”

Words: Varichviralya Srisai

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม