เปิดโหมดสดใสไปกับ ใบปอ – ธิติยา จิระพรศิลป์ นางเอกสาวหน้าเก๋ปนหวานที่แจ้งเกิดจากบทบาทคู่แฝดอินเลิฟในวัยมัธยมต้นกับภาพยนตร์ ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ไม่น่าเชื่อว่ารอยยิ้มของใบปอที่สอดแทรกด้วยเสียงหัวเราะตลอดการสนทนา จะชวนให้คนวัยเราที่ทับถมไปด้วยความคิดอันซับซ้อน สามารถมีความสุขและปลดปล่อยหัวใจไปตามเรื่องราวอันเรียบง่ายของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งไปรับน้องเฟรชชี่ สอบใบขับขี่ ซื้อชุดนิสิต ยิ่งไปกว่านั้น เรายังตื่นเต้นไปด้วยกับการเปิดเทอมใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยครั้งแรกของเธอ เสมือนได้ย้อนวันวานกลับไปรีสตาร์ตความสดชื่นให้ชีวิต
สำหรับเรา ใบปอเป็นส่วนผสมที่เพอร์เฟกต์ของว่าที่ซูเปอร์สตาร์ที่รอวันเปล่งประกาย ไม่ใช่แค่เพราะเธอมีใบหน้ามีเอกลักษณ์ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ชวนทึ่งตั้งแต่ผลงานชิ้นแรก หากแต่เธอยังมาพร้อมกับความคิดอันลุ่มลึกอยู่ในที ทั้งยังมีขุมพลังแห่งความสุขโดยธรรมชาติที่พร้อมจะส่งต่อให้กับผู้คนในอนาคต
LIPS: เท่าที่ติดตามไอจีมา รู้สึกว่าใบปอเป็นวัยรุ่นที่ไม่ติดโซเชียล
ใบปอ: ใช่ค่ะ หนูไม่ค่อยติดโซเชียล ถ้าว่างจะใช้เวลากับการอ่านหนังสือมากกว่า หนูอ่านหลากหลายแนวนะคะ ไม่อยากจะบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ Judge a book by its cover แต่เวลาเลือกหนังสือที่จะอ่าน หนูก็เลือกจากปกของเล่มที่แนะนำบนเชลฟ์จริงๆ นั่นแหละ (หัวเราะลั่น)
หนูชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ชอบไปงานสัปดาห์หนังสือมากๆ จะไปทุกครั้งที่มีโอกาส แล้วก็ซื้อหนังสือกลับมาเยอะๆ ตอนเด็กๆ ชอบอ่านการ์ตูนความรู้ อย่างการ์ตูนชุด ‘กบนอกกะลา’ หนูชอบมาก แต่ช่วงนี้ส่วนใหญ่อ่านเรื่องสั้นค่ะ ถ้าวันนี้ให้แนะนำหนังสือสักเล่ม หนูก็อยากจะชวนให้อ่านเรื่อง ‘Betty, Betty! เบ็ตตี้มีทุกอย่าง’ เป็นเรื่องราวของร้านสะดวกซื้อที่มีสโลแกนว่า “มีปัญหาปรึกษาเบ็ตตี้” คือพนักงานในร้านทุกคนจะถูกเรียกว่าเบ็ตตี้ และลูกค้าที่เข้ามาต่างก็มีปัญหาของตัวเอง
หนังสือเล่มนี้ให้อะไรหนูเยอะมาก ตัวละครมีนิสัยต่างกันและให้แง่คิดที่ไม่เหมือนกันเลย หนูว่าคล้ายๆ กับอาชีพนักแสดงนะคะ เวลาเราสวมบทเป็นใครก็เหมือนกับได้ศึกษาชีวิตของคนๆ หนึ่ง ถึงหนังสือจะไม่ได้บอกเราเยอะหรือทำให้เห็นภาพชัดว่าแต่ละคนมีนิสัยใจคออย่างไร แต่สิ่งนี้แหละที่ทำให้เราได้คิดต่อ ได้จินตนาการเอง หนูว่านี่คือความสนุกของการอ่านหนังสือ ต่อให้คน 10 คนอ่านหนังสือเล่มเดียวกันก็ไม่มีทางคิดเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะแต่ละคนก็มีภาพในหัวของตัวเอง
LIPS: ไหนๆ พูดถึงการแสดงแล้ว ผลงานต่อไปของใบปอที่เราจะได้ชมกันคือ…
ใบปอ: หนูเพิ่งถ่ายหนังเรื่อง ‘เพื่อนไม่สนิท’ จบไป (นำแสดงโดย โทนี่ – อันโทนี่ บุยเซอเรท์ โปรดิวซ์โดย บาส – นัฐวุฒิ พูนพิริยะ) เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วย ‘วัยรุ่น ความฝัน และหนังสั้น’ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนโพสต์โปรดักชั่นแล้ว และก็มีกำหนดฉายภายในปลายปีนี้ค่ะ หนูบอกอะไรมากไม่ได้ แต่ขอแอบใบ้ไว้นิดนึงนะคะว่าตอนถ่ายมันมากๆ
LIPS: การเปลี่ยนแปลงใดในตัวเองที่รู้สึก ‘ว้าว’ ที่สุด ตั้งแต่เริ่มถ่ายหนังเรื่อง ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ไปจนถึงวันที่หนังเข้าฉายและทุกคนฮือฮามากกับนักแสดงใหม่ที่ชื่อ ‘ใบปอ’
ใบปอ: ตั้งแต่เริ่มโปรโมตหนังเธอกับฉันกับฉัน ช่วงนั้นถือว่าพีคมากค่ะ หนูรู้สึกว่าผู้ชมกำลังจะได้ดูผลงานของเราแล้ว หลังจากที่พวกเราทำงานหนักกันมาทั้งปี ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมีใครมาชอบเราที่เป็น ‘ใบปอ’ หนูคาดหวังอย่างเดียวคือขอให้คนชอบหนัง ขอให้คนรัก ‘ยู’ กับ ‘มี’ เยอะๆ (ชื่อตัวละครฝาแฝดที่ใบปอสวมบทบาททั้ง 2 คาแรกเตอร์)
การมีแฟนคลับเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ เป็นอะไรที่ว้าวสำหรับหนู อีกอย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงของ ‘โอกาสในชีวิต’ หนูได้ทำงานเยอะขึ้น ได้เจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ อย่างการร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง CHANEL ที่หนูไม่เคยคิดมาก่อนเลยค่ะว่าตัวเองจะได้โอกาสนี้
LIPS: มีอะไรอยากบอกกับคนที่ยังติดภาพจากเธอกับฉันกับฉัน และนึกว่าใบปอยังเป็นเด็ก ม.ต้น อยู่
ใบปอ: ตอนนี้หนูอายุ 18 แล้วนะคะ (ยิ้ม) เป็นเด็กมหา’ลัยแล้วค่า น่าจะมีหลายคนที่คิดว่าหนูยังอายุ 14 – 15 อยู่ แต่หนูเข้าใจทุกคนนะที่ยังติดภาพเราในเธอกับฉันกับฉัน เพราะเป็นงานแรกที่หนูเดบิวต์ในวงการนี้ แล้วตอนถ่ายทำต้องตัดผมสั้นติดติ่งหูเลยค่ะ ตอนนี้อยากเปลี่ยนลุคแล้ว ต่อไปหนูกะว่าจะไว้ผมยาว…แบบยาวไปเลย
LIPS: ก้าวแรกในมหาวิทยาลัยใจเต้นแค่ไหน
ใบปอ: โอ้ หนูเพิ่งไปรับน้องเมื่อไม่กี่วันนี้เองค่ะ ไปทั้งวันรับน้องคณะ (วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) แล้วก็วันรับน้องเอกภาพยนตร์ค่ะ มหา’ลัยกว้างมากจนหนูหลงทาง อันนี้คือเฟิร์สต์อิมเพรสชั่นจริงๆ นะ
วันรับน้องรวม มีกิจกรรมที่ต้องเต้นด้วยซึ่งหนูว่าหนูเต้นได้นะ ถึงจะไม่ค่อยเข้ากับจังหวะเท่าไร (หัวเราะ) วันรับน้องเอกก็สนุกมากค่ะ เพราะทุกคนมีแพสชั่นเดียวกัน กิจกรรมก็จะเกี่ยวกับเอกของเรา เช่น เกมใบ้ชื่อหนัง ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งก็แอบกระซิบว่ามีเรื่องเธอกับฉันกับฉันด้วย หนูเลยเตรียมท่าไว้ก่อน ถ้าโดนใบ้เรื่องนี้ หนูจะชี้มาที่ตัวเอง
LIPS: ใบปอมีสไตล์ในการเข้าหาคนหรือเพิ่มเพื่อนใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยยังไง
ใบปอ: หนูตื่นเต้นมาก เพราะไปแบบไม่มีเพื่อนเลย แล้วหนูเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยกล้าคุยกับใคร แต่จริงๆ โลกในมหาวิทยาลัยกลมกว่าที่เราคิดไว้มากค่ะ อยู่ดีๆ mutual friend ก็เต็มไปหมด โชคดีหนูได้เจอคนหนึ่งที่มีวงกลมตรงกลางร่วมกันมาตลอด แต่เพิ่งได้คุยกันวันรับน้อง เขาเลยกลายเป็นเพื่อนคนแรกของหนูในมหาวิทยาลัย
LIPS: เลือกเรียนสาขาการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์ เพราะมีโอกาสได้เล่นหนังเรื่องแรก หรือใจอยากเรียนด้านนี้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น
ใบปอ: หนูอยากเข้าคณะด้านการแสดงอยู่แล้วค่ะ ยิ่งได้ทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็รู้สึกว่ามันเจ๋ง วงการนี้น่าสนใจมากๆ ถึงเราจะเคยผ่านงานในกองถ่ายมาแล้ว แต่หนูก็ยังอยากรู้ว่า การที่แต่ละคนจะเข้ามาทำงานตรงนี้ได้ต้องเรียนรู้อะไรบ้าง หนูรู้สึกว่าเราสามารถประยุกต์ความรู้ในมหาวิทยาลัยเข้ากับประสบการณ์ในกองถ่ายได้ค่ะ
LIPS: เล่าความรู้สึกของการซื้อชุดนิสิตครั้งแรกให้ฟังหน่อย
ใบปอ: ตื่นเต้นมากค่ะ (น้ำเสียงจริงจังเบอร์สิบ) หนูกับเพื่อนไปซื้อเสื้อนิสิตกับกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าแถวๆ MBK ค่ะ รู้สึกว่าสิ่งนี้ใหม่มากๆ สำหรับเรา เพราะปกติถ้าซื้อชุดนักเรียน แม่ก็จะไปด้วย แต่พอเป็นชุดนิสิต เราไม่รู้เลยว่าต้องใส่อะไร ยังไงบ้าง แต่สุดท้ายพี่ที่ร้านเค้าก็แนะนำให้หมดทุกอย่าง วันนั้นเลย อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง
LIPS: จุดเริ่มต้นของนักกิจกรรมด้านนาฏศิลป์คืออะไร
ใบปอ: หนูเป็นเด็กนาฏศิลป์ตั้งแต่ประถมเลยค่ะ น่าจะเริ่มชอบการรำตั้งแต่ ป.3 – 4 แต่ตอนนั้นยังไม่รู้อะไรมากในศาสตร์นี้ ตอน ม.1 หนูเลยเลือกเข้าชมรมนาฏศิลป์ของโรงเรียนศึกษานารี พอขึ้น ม. 2 เป็นปีแรกที่โรงเรียนส่งนักเรียนเข้าแข่งขันใน ‘งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน’ หนูได้รับคัดเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมรำและลงแข่งทั้ง 3 ประเภท คือ ระบำมาตรฐาน นาฏศิลป์อนุรักษ์ และนาฏศิลป์สร้างสรรค์ หนูเต็มที่กับการแข่งขันนี้มากๆ มันมากเลยค่ะ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองต้องสู้ขนาดนี้มาก่อน เรานอนค้างที่โรงเรียนกันเป็นเดือนเพื่อฝึกซ้อม เพลงที่หนูชอบที่สุดแล้วก็ใช้แข่งขันด้วยก็คือ ‘ระบำย่องหงิด’ หนูรำเป็นตัวพระมาตลอด
ประสบการณ์ช่วงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนูรู้จักการทำงานเป็นทีม การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ถึงจะเป็นสังคมเล็กๆ แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าเราต้องแคร์คนอื่นด้วย มันไม่ได้มีแค่เรา ตอน ม.2 เราเป็นรุ่นน้อง แต่พอขึ้น ม.3 เราเป็นพี่โตสุดของมัธยมต้น ฉะนั้นเราต้องดูแลน้องๆ ในทีม ชมรมนาฏศิลป์เลยเป็นเหมือนอีกหนึ่งครอบครัวของหนู บางคนก็เลือกที่จะเรียนต่อทางด้านนาฏศิลป์โดยตรงเลย ถามว่าเสียดายหรือลังเลมั้ยที่ไม่ได้เลือกเส้นทางนี้ ก็ไม่นะ หนูมองว่ายังไงนาฏศิลป์ไทยก็จะเป็นสิ่งที่ติดตัวหนูไปตลอดชีวิต ช่วง ม.4 – ม.5 ไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะปิดโควิด ส่วนรูปหนูที่แมสมากในออนไลน์ที่อยู่ในชุดสีทอง อันนั้นคือหนูถือป้ายโรงเรียนในงานกีฬาสีตอน ม.6 ค่ะ
LIPS: ภาพความทรงจำที่ชัดเจนของการเป็นเด็กนักเรียนฝั่งธนฯ คืออะไร
ใบปอ: ภาพการนั่งรถตุ๊กตุ๊กกับเพื่อนไป ‘PLATFORM’ เป็นที่เรียนพิเศษใกล้ๆ โรงเรียน แล้วก็เป็นจุดต่อรถกลับบ้านของเด็กศึกษานารีหลายๆ คนค่ะ
LIPS: ถ้าส่องไอจีจะเห็นว่าใบปอมีสไตล์การแต่งตัวที่ไม่เหมือนใครและเดาทางได้ยาก จุดเริ่มต้นที่พอจะนึกออกของความชอบในการแต่งตัวมาจากไหน
ใบปอ: หนูชอบเสพแฟชั่น ชอบทุกอย่างในอุตสาหกรรมนี้ รู้สึกดีมากๆ เวลาแต่งตัว บางทีก็รู้สึกว่าการแต่งตัวเป็นวิธีฮีลตัวเองอย่างหนึ่ง เวลาได้ลองแมตช์ชุดนั้นชุดนี้ หรือแต่งตัวในแบบที่เป็นเรา เหมาะสมกับเรา มันสบายใจและมั่นใจ เรื่องเสียเซลฟ์จากลุคของเราถามว่ามีไหม หนูว่าไม่มีทางที่ใครจะเข้าใจความเป็นตัวเราได้ 100% ค่ะ เวลาออกจากบ้านก็เป็นไปได้ว่าอาจมีสายตาจ้องมองมา แต่หนูสบายใจนะ ถ้ามันเป็นสไตล์ที่หนูอยากแต่งในเวลานั้น
ตอนสาวๆ แม่หนูเปรี้ยวมากค่ะ แม่ชอบพูดว่า ‘ใบปอได้เซนส์การแต่งตัวมาจากแม่’ ตอนหนูอายุ 15 – 16 ปี น่าจะเป็นช่วงที่เริ่มให้ความสนใจกับแฟชั่น และจริงจังกับการแต่งตัวมากขึ้น แต่หนูไม่สามารถให้คำนิยามได้ว่าการแต่งตัวของหนูเป็นสไตล์ไหน หนูแค่อยากเปิดประสบการณ์ อยากลองแต่งไปเรื่อยๆ แต่ยังไงก็จะมีความเป็นตัวเราอยู่ในนั้น เพราะหนูไม่ชอบอะไรที่มันสุดทางไปด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ถ้ามีหวานแล้วก็ต้องหาอะไรมาเบรก
หนูชอบเครื่องหัวเพราะทำให้ลุคเราเต็มขึ้น ดูมีอะไรมากขึ้น เครื่องหัวแต่ละชิ้นช่วยให้หน้าเรามี ลุคที่แตกต่างออกไปค่ะ เวลานึกทรงผมไม่ออก เฮดแบนด์หรือที่คาดผมช่วยได้ พวกโบหรือลูกไม้หนูก็ชอบมากๆ ลูกไม้บนผ้าสีขาวอะไรแบบนี้ เสื้อตัวล่าสุดที่หนูเพิ่งซื้อก็เป็นสปอร์ตแวร์ลูกไม้ค่ะ ช่วงนี้หนูว่าหนูกำลังอินกับสไตล์ Balletcore ค่ะ เป็นการเอากลิ่นอายของเครื่องแต่งกายบัลเลต์มาผสมผสานในการแต่งตัว เช่น ริบบิ้น ผ้าซิลค์ ถุงน่อง ฯลฯ
LIPS: ใบปอมีน้องสาวด้วย เราเป็นพี่สาวสไตล์ไหน
ใบปอ: ไม่ดุ แต่ก็ไม่สปอยล์ค่ะ หนูกับน้องสาวอายุห่างกัน 6 ปีได้ หนูเข้าปี 1 แล้ว แต่น้องยังเรียน ป.6 อยู่เลย ถามว่าหนูรักน้องไหม ก็รัก…รักน้องมาก (ใบปอหรี่เสียงตัวเองลงเพื่อแก้เขิน) น้องเป็นสายตลกค่ะ คุยเก่ง อารมณ์ดีมาก แต่ช่วงที่หนูเข้ามาทำงานในวงการ เราได้คุยกันน้อยลง แล้วตอนนี้น้องอยู่ในวัยกำลังโต เริ่มมีสังคมวัยรุ่นตอนต้น หนูเป็นห่วงเขาตลอดว่าจะเติบโตขึ้นมาแบบไหน หนูอยากให้น้องเติบโตอย่างดีที่สุด เราเลยมองดูห่างๆ อย่างห่วงๆ เหมือนเราก็อยากรู้ว่าน้องเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนี้เค้าเริ่มมีโลกส่วนตัวตามวัยค่ะ เราก็ได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้น้องเจอแต่คนดีๆ หนูน่าจะห่วงน้องมากกว่าแม่เสียอีก ห่วงที่สุดคือสังคมที่แวดล้อมตัวเขาค่ะ หนูว่าคนที่เราเลือกคบในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจะมีอิทธิพลกับชีวิตเรามากๆ
บ้านหนูมีกันอยู่ 4 คน เราสนิทกันมาก หนูอยู่กับแม่ตลอดเวลาจริงๆ ส่วนป๊าถึงจะดูชิลๆ แต่ก็ติดตามหนูในโซเชียลตลอด อย่างช่วงหนังฉายก็ไปดูพร้อมกันทั้งบ้าน ป๊าว้าวมาก แล้วก็ไปดูในโรงเองอีกหลายรอบเลยล่ะค่ะ เห่อจริงๆ ค่ะ เวลาหนูมีผลงานอะไรออกมา ป๊าก็จะนั่งดูทุกวัน ดูเช้าดูเย็นวนไป บางทีหนูตื่นนอนมาก็เห็นว่า อ้าว ปะป๊ะดูอยู่อีกแล้ว คือเขาชอบดู TikTok ดูว่ามีคนพูดถึงหนูยังไงบ้าง แล้วก็เอามาเล่าให้ฟัง น่ารักดีค่ะ หนูไม่เคยเห็นปะป๊าเป็นแบบนี้เลย แต่ก่อนเขานิ่งกว่านี้ค่ะ แต่จริงๆ เขาเป็นคนค่อนข้างโผงผางอยู่แล้ว แนวเอ็กซ์โทรเวิร์ตน่ะค่ะ
LIPS: เสน่ห์ของอดีตที่ใบปอได้สัมผัสผ่านการเล่นหนังและมิวสิกวีดิโอย้อนยุคคืออะไร
ใบปอ: คนน่าจะได้ใช้ชีวิตมากกว่ายุคนี้ค่ะ เพราะไม่ต้องอยู่กับมือถือตลอดเวลา ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก แต่สิ่งที่ไม่เก็ตของยุคนั้นคือ ‘เครื่องกรอเทป’ ค่ะ หนูเพิ่งรู้จักตอนเล่นหนัง ก็นึกภาพว่าเทปมันเป็นยังไง หมุนแล้วไปเลย กลับมาเองไม่ได้อย่างนี้หรือคะ?
LIPS: นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใดที่ใบปอรู้สึกชอบหรือกำลังให้ความสนใจล่ะ
ใบปอ: สิ่งที่หนูว่าเจ๋งและน่าสนใจมากก็คือ ‘เครื่องล้างจาน’ ค่ะ หนูคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ล้างจานนานเกินไป หนูจะโฟกัสกับการล้างจานมากๆ ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จทีละหนึ่งขั้นตอน เริ่มจากล้างน้ำเปล่าหนึ่งรอบแล้วเอาทั้งหมดไปพักไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ บรรจงถูคราบสกปรกออกทีละใบๆ ซึ่งตรงนี้หนูจะนานเป็นพิเศษ เพราะกลัวไม่สะอาด อีกอย่างคือ Google Maps หนูรู้สึก โอ้ ว้าว มันดีมากที่โลกมีสิ่งนี้ แล้วก็รถยนต์พลังงานไฟฟ้าค่ะ เป็นนวัตกรรมที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต ล่าสุดหนูไปสอบใบขับขี่มาแล้วนะ
Words: Sasi Akkomee