ท่ามกลางความวุ่นวายบนถนนย่านบางเขน มีร้านชาเล็กๆ ที่เปิดใหม่อย่าง Shersanctuary ซุกซ่อนตัวอยู่บนชั้น 4 ของอาคาร Ground For ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เจ้าของตั้งใจให้เป็น “สถานที่หลีกหนีความวุ่นวายโดยใช้ขาเป็นตัวนำทาง”
เฌอร์ลิน เหลืองประเสริฐ เจ้าของร้านเล่าว่า เธอเป็นคนหนึ่งที่ชอบดื่มชามาก จนเรียกได้ว่าถึงขั้นหลงใหล กระทั่งมีโอกาสไปเรียนวิธีชงชา และเปิดร้านชาเล็กๆ ตามความฝัน “การชงชาทำให้เรามีสมาธิ และได้กลับมาอยู่กับตัวเอง” เธอเล่า “ที่สำคัญ สำหรับเรา ชาไม่ได้เป็นแค่ชา แต่ชาสามารถสื่อสารอารมณ์ของเราออกมาได้ เช่น เวลาที่เราอยากคุยกับใครสักคนหรืออยากขอโทษพ่อแม่ ชาเป็นตัวแทนที่ทำให้เราสื่ออารมณ์เหล่านั้นออกมาได้เป็นอย่างดี” เธออธิบาย
Shersanctuary เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นานนัก เป็นบาร์ชาขนาดเล็กๆ ที่เจ้าของตั้งใจที่จะชงชาให้กับลูกค้าด้วยตนเองทุกๆ แก้ว ร้านจึงเปิดรับลูกค้าได้เพียงวันละ 3-4 คนเท่านั้น โดยมีชาให้เลือกทั้งหมด 3 หมวด ได้แก่ ชาจีน ชาญี่ปุ่น และชาเบลนด์
“เราไม่ได้ตั้งใจจะเป็นบาร์ชา specialty ขนาดที่ว่ามีแต่ชาญี่ปุ่นหรือชาจีนอย่างเดียว แต่เรามีทั้งชาญี่ปุ่น ชาจีน และชาเบลนด์ ซึ่งเป็นสูตรพิเศษของเราเอง” เฌอร์เล่าเพิ่มเติมว่า “สำหรับชาเบลนด์เราเป็นคนเบลนด์เอง ใช้วัตถุดิบต่างๆ มาผสมผสานกัน ทั้งสมุนไพรและดอกไม้ตามธรรมชาติ เช่น ใบเตย อัญชัน ตะไคร้ ฯลฯ”
อาจเรียกได้ว่าชาของ Shersanctuary เป็นชาเพื่อสุขภาพก็ว่าได้ เพราะทุกเมนูไม่มีส่วนผสมของนม และเป็นชาใส เน้นเสิร์ฟเมนูร้อน ส่วนเมนูเย็นมีเพียงเมนูเดียวเท่านั้น คือ ชาญี่ปุ่นผสมกับตัวโทนิก Fever – Tree ตบท้ายด้วยวิสกี้มอล Yamazaki 12 ปี เพื่อให้มีกลิ่นหอมอโรมา
อย่างไรก็ตาม เฌอร์เล่าว่า การดื่มชาในยุคนี้ ไม่ใช่แค่คนวัยกลางคนที่นิยมเเท่านั้น แต่วัฒนธรรมการดื่มชายังขยายไปในกลุ่มคนรุ่นใหม่และเด็กวัยรุ่นอีกด้วย “เราสังเกตจากร้านของเราเอง ที่นี่มีลูกค้าหลากหลายกลุ่มเลย ตั้งแต่วัยกลางคน คนรุ่นใหม่ก็เยอะขึ้นโดยเฉพาะเด็กๆ วัยมัธยมที่ใส่ชุดนักเรียนมาดื่มชาก็มี
“เราอยากให้ที่นี่เป็นบาร์ชาสำหรับทุกคน ทุกอาชีพ และทุกความต่าง เพราะฉะนั้น กลุ่มเป้าหมายของ Shersanctuary จึงไม่ใช่คนรักชาอย่างเดียว แต่เราเจาะกลุ่มคนที่ต้องการมาเปิดประสบการณ์การดื่มชามากกว่า”
สำหรับรสชาติของชาทั้ง 3 ประเภทที่มีบริการในร้านนั้น เฌอร์อธิบายว่ามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง “ชาจีนกับชาญี่ปุ่น คาแรกเตอร์ชาจะเหมือนกับคนในประเทศเขาเลย เช่น ชาจีนจะมีความตรงไปตรงมา อย่างกลิ่นลิ้นจี่คือลิ้นจี่ กลิ่นข้าวเหนียวคือข้าวเหนียว กลิ่นดอกไม้คือดอกไม้ กลิ่นจะค่อนข้างแรง แต่ไม่นานก็หายไป
“ส่วนชาญี่ปุ่นจะมีความพิถีพิถันและซับซ้อนเพิ่มขึ้นมา เช่น กลิ่นลิ้นจี่ กลิ่นพีชจะมีความลุ่มลึกขึ้น และค้างในโพรงจมูกได้ยาวนานกว่าชาจีน สำหรับชาเบลนด์ ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะชอบมากกว่าเพราะมันมีความสนุก มีกลิ่นดอกไม้ กลิ่นหอมของสมุนไพร มีรสชาติแปลกๆ ที่คาดเดาไม่ถูก”
นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูขนมญี่ปุ่นสุดฮิตแต่หายากอย่าง “วาราบิโมจิ” ซึ่งเหมาะสำหรับรับประทานคู่กับชา และเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน โดยจะจัดเสิร์ฟเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น คอชาอย่าพลาด แวะไปสัมผัสประสบการณ์การดื่มชาที่ร้านได้ทุกวัน แต่ขอแนะนำให้โทรไปจองที่ไว้ก่อน
พิกัด Shersanctuary Tea Bar อาคาร Ground For ชั้น 4 (ติด BTS พหลโยธิน 59)
เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.
โทร. 064-419-3249
Facebook: Shersanctuary สถานที่หลีกหนีความวุ่นวายโดยใช้ชาเป็นตัวนำทาง
Instagram: @shersanctuary_teabar
Words: Namaun Sriboonruang
Photo: Shersanctuary