Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

‘บิลลี่ – ภัทรชนน อ่อนสอาด’ ฝึกบู๊มาตั้งแต่เกิดเพื่อบท ‘พญา’ นายเอกสุดปังจาก ‘ลางสังหรณ์’

Interview / People

หล่อทะลุลายพรางตั้งแต่ฉากเปิดตัว สำหรับก๊วนตำรวจสืบสวนพิเศษจาก ลางสังหรณ์ ซีรีส์วายสดใหม่สไตล์บู๊แอ็กชันแฟนตาซีที่ได้พระเอกหนุ่มเจ้าเสน่ห์เคมีฟุ้ง บิลลี่ – ภัทรชนน อ่อนสอาด มารับบท ‘พญา’ ชายในเครื่องแบบจอมมุละทุผู้รักความยุติธรรม ทั้งยังมีฝันประหลาดซ้ำๆ ที่พัวพันถึงเหล่าพญาครุฑและพญานาค

ย้อนกลับไปก่อนที่บิลลี่จะแจ้งเกิดจาก ‘แอบหลงรักเดอะซีรีส์’ เส้นทางการเป็นนักกีฬาในวัยเด็กและความหลงใหลในจักรวาล Marvel ทำให้เขาใฝ่ฝันที่จะสวมบทบาทเป็นตัวละครสายบู๊แอ็กชันดูสักครั้ง กระทั่งล่าสุดเมื่อได้รับบทนำในซีรีส์ ‘ลางสังหรณ์’ บิลลี่จึงถือโอกาสงัดทุกทักษะการต่อสู้ป้องกันตัวมาใช้ และยกให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่สุดแห่ง ‘ผลงานปล่อยของ’ หลังจากที่ผ่านมาได้แต่ชิมลางกับบทรักใสๆ ในคราบเด็กมหาวิทยาลัยไปจนถึงหนุ่มออฟฟิศ  

ใครไม่เคยดูซีรีส์วาย บอกได้เลยว่า ‘ลางสังหรณ์’ 12 EP. รวด เหมาะที่สุดสำหรับเป็นโปรฯ เปิดใจ เพราะเป็นอะไรที่นัวครบรส CG ละเมียด มุมกล้องเท่ แอ็กชันมัน ขยันแทรกมุกตลก แถมดำเนินเรื่องเร็ว ระลึกชาติทันใด เสริมด้วยความยักคิ้วหลิ่วตาสุดกวนของหนุ่มบิลลี่ที่ชวนให้จิ้นจนบิดหมอนขาด ทั้งหมดนี้มีให้เห็นตั้งแต่ EP. แรก ก่อนปิดท้ายแบบคอนทราสต์ด้วยเสียงขับเสภาของ ‘เก่ง – ธชย ประทุมวรรณ’ ในเพลงประกอบซีรีส์แบบชาวร็อก

แต่ทั้งนี้ก่อนจะกดสตรีมซีรีส์ เรามาทำความรู้จักกับ ‘บิลลี่’ พระเอกหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้ม ยิ้มสวย อารมณ์ดี เอเนอร์จีเยอะกันก่อน  

LIPS: โดยส่วนตัวมีความเชื่อเรื่อง ‘พญาครุฑ’ หรือ ‘พญานาค’ มากน้อยแค่ไหน

บิลลี่: เชื่อเลยล่ะครับ ปู่ทวดของผมเป็นทหาร และทหารเขาก็มักจะบูชาพญาครุฑเวลาออกรบ ปู่ทวดของผมมีองค์พญาครุฑที่ส่งต่อให้ปู่ ปู่ให้พ่อ แล้วพ่อก็ให้ผมสืบทอด แต่ตอนนี้องค์ท่านยังอยู่ที่พ่อนะครับ พ่อบูชาพญาครุฑให้เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก

ส่วนพญานาค ผมเรียนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งตราสัญลักษณ์เป็นรูปพระพิรุณทรงนาค ชีวิตเราเลยวนเวียนอยู่กับพญาครุฑและพญานาคมาโดยตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้มาเล่นซีรีส์เรื่อง ‘ลางสังหรณ์’ ซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวพันกับพญาครุฑด้วย เป็นความบังเอิญที่น่าตกใจเหมือนกันครับ เพราะหนังหรือละครเกี่ยวกับพญานาคมีมาหลายเรื่องแล้ว แต่ผมยังไม่เคยเห็นเรื่องไหนที่เล่าถึงพญาครุฑขนาดนี้

LIPS: มีเรื่องเล่าจากบรรพบุรุษเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพญาครุฑไหม

บิลลี่: พญาครุฑเป็นเหมือนสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเวลาไปออกรบครับ โดยเฉพาะคนที่ทำงานเกี่ยวกับราชการ มีเรื่องเล่าว่าท่านช่วยคุ้มครองให้ปู่ทวดของผมรอดชีวิตมาได้ และเรื่องทรัพย์สินเงินทองด้วย ทุกวันนี้ธุรกิจสนามยิงปืนของทางบ้านก็เป็นไปด้วยดีครับ

ผมไม่ได้เลือกท่านเพราะความเท่ หรือเพราะที่บ้านบูชาสืบต่อกันมา แต่ผมไตร่ตรองทุกด้านแล้ว การที่เราบูชาท่านก็มีคำสอนเรื่องความยุติธรรมและความซื่อตรงอยู่ในนั้น ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องถ้าเราจะยึดถือความยุติธรรม ส่วนตัวผมไม่ชอบอะไรที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว รวมถึงอะไรที่ทำแล้วคนอื่นลำบากใจ หรือการพูดที่กระทบจิตใจคนอื่น แปลกเหมือนกันที่ผมเป็นคนแบบนี้ ก่อนที่จะรู้ทีหลังว่าเป็นลักษณะนิสัยที่คล้ายกันของคนที่บูชาพญาครุฑ

LIPS: ที่เลือกเรียนด้านการบินเพราะเป็นลูกหลานทหารอากาศหรือเปล่า

บิลลี่: จริงๆ เป็นทหารบกกันครับ แต่ฮึ้ย! (อึ้งสลับนิ่งคิด) พี่พูดแล้วผมก็คิดขึ้นมาได้…พญาครุฑ! ผมไม่เคยนึกถึงมุมนี้เลย…ก็ว่าทำไมผมถึงอยากเป็นนักบิน (รำพึงกับตนเองหลังมีคำตอบให้กับปริศนาที่นอนนิ่งอยู่ในใจมานาน)

ผมอยากเป็นทหารอากาศมาตั้งแต่ ม.ต้น แต่สอบไม่ติด เลยตั้งใจว่าเดี๋ยวเรียนปริญญาตรี วิศวฯ การบินจบ แล้วค่อยไปลองสอบเป็นนักบินดู ปรากฏว่าได้เข้าวงการบันเทิงก่อน ที่ผมตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้เพราะผมรู้สึกหลงใหลกับการทำงานในวงการ การได้มอบความสุขให้คนอื่น ผมแฮปปีที่ทำให้คนมีรอยยิ้มกับสิ่งที่เราทำ

“ผมหลงใหลกับการทำงานในวงการ การได้มอบความสุขให้คนอื่น ผมแฮปปีที่ทำให้คนมีรอยยิ้มกับสิ่งที่เราทำ”

LIPS: มีมุมมองอย่างไรกับคำว่า ‘อดีตชาติ’

บิลลี่: ผมเชื่อว่าความผูกพันหรือการสัญญากันในอดีตชาติ ส่งผลต่อการที่เรามาเจอกันในปัจจุบัน ที่ผมได้เจอพี่ (ทีมงาน LIPS) หรือพบเจอใครก็ตาม ชาติที่แล้วเราคงทำบุญหรือทำอะไรร่วมกันมา ชาตินี้ถึงได้เจอกันอีก มันจะมีความคุ้นเคยบางอย่างเวลาเราพบเจอใครใหม่ๆ เอ…หรือว่าผมเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย? (หัวเราะ) เวลาใครเข้ามาในชีวิต ผมรู้สึกคุ้นเคยกับเขาไปหมด ไม่ได้รู้สึกเป็นคนแปลกหน้าเลย

LIPS: ต้องไหว้พญาครุฑ – พญานาคพิกัดไหนเป็นพิเศษไหมสำหรับการถ่ายซีรีส์

บิลลี่: จำได้ว่ามีไปไหว้พญาครุฑที่วัดบางนาครับ แล้วก็ไปไหว้พญานาคที่หนองคาย บุรีรัมย์ ฯลฯ ด้วยความที่ ‘พี่เชน’ กับ ‘เซ้นต์’ (เชน – คเชนทร์ สดโพธิ์ & เซ้นต์ – ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา สองผู้จัดละครแห่งค่าย Idol Factory) เขาเป็นสายมู และลางสังหรณ์ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพญาครุฑและพญานาค

ก่อนหน้านั้นมีแต่คนทักว่าถ่ายพญาครุฑและพญานาคในเรื่องเดียวกันจะโอเคหรือ เราเลยต้องทำพิธีให้ถูกต้อง เพราะมีเรื่องเล่าว่าพญาครุฑกับพญานาคไม่ถูกกัน แต่จริงๆ แล้วท่านเป็นพี่น้องกันครับ

เวลาออกกองแต่ละครั้ง เราจะมีองค์พญาครุฑกับองค์พญานาคสำหรับตั้งโต๊ะไหว้ เซ้นต์มีพระอาจารย์ที่คอยให้คำแนะนำอยู่ เรามีการขอขมาและขออนุญาตเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวของท่านทั้งสองให้โลกได้รู้ ให้คนได้เห็นวัฒนธรรมไทย ผมรู้สึกว่าท่านอวยพรให้การถ่ายทำเป็นไปได้ด้วยดี ที่ผ่านมาเราเลยไม่มีปัญหาสักคิว

LIPS: รู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับบทเป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ ด้วยความที่ในชีวิตจริงเป็นลูกหลานนักรบ แถมมีสนามยิงปืนเป็นธุรกิจครอบครัว

บิลลี่: รู้สึกว่าได้ปล่อยของสักที (หัวเราะ) ต้องบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ผมได้โชว์ทุกสกิลที่มี ทั้งการยิงปืน ศิลปะการต่อสู้ การแสดงบทบู๊ ฯลฯ ด้วยความที่ผมเป็นนักกีฬาเทควันโดมาก่อน ผมคิดนะว่าจะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่เราบังเอิญได้โชว์ในสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เด็กให้ทุกคนได้เห็น ผมดีใจและรู้สึกว่าทุกคนน่าจะแฮปปีกับสิ่งที่เรานำเสนอ เราเวิร์กชอปกับครูสตันต์ก่อนถ่ายทำทุกครั้ง ผมเล่าให้ครูฟังว่าเราทำอะไรได้บ้าง ครูบอกว่าแบบนี้ชอบเลย! แล้วผมก็ได้ช่วยครูสตันต์ในการดีไซน์ท่าทางต่างๆ ให้ยากขึ้น แอดวานซ์ขึ้นด้วย

LIPS: แบบนี้การถ่ายทำก็ฉลุยเลยด้วยทักษะส่วนตัวที่มีอยู่แล้ว

บิลลี่: จริงๆ ในซีรีส์เป็นการยิงปืนแบบ IDPA คือยิงต่อสู้ระยะประชิดซึ่งผมต้องไปฝึกเพิ่มเติมครับ แต่พื้นฐานการยิงปืนเรามีอยู่แล้ว ก่อนถ่ายทำเราก็ได้เรียนกับพี่ๆ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ หน่วยคอมมานโด ทหารภาคใต้ที่ผ่านการรบมาจริงๆ เพราะเราไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่มีการจับผู้ร้ายมาก่อน ไม่เคยได้ยินเสียงปืนที่อยู่ในสนามรบ โลกของตัวละครใน ‘ลางสังหรณ์’ ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งในชีวิตจริงเราไม่มีโอกาสได้สัมผัสเลย

พี่ๆ ทหารเล่าว่าต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลา จะเดินชิลๆ ไม่ได้ เดินเข้าประตูก็ต้องเหล่ก่อนว่าจะมีใครซุ่มอยู่ด้านหลังหรือเปล่า จะเดินตรงๆ เข้าไปเลยไม่ได้ แล้วปืนต้องอยู่ใกล้ตัวเสมอ นี่คือตัวอย่าง mindset ที่เราเอามาใช้ในการเข้าถึงตัวละคร

“ผมได้โชว์ทุกสกิลที่มี ทั้งการยิงปืน ศิลปะการต่อสู้ การแสดงบทบู๊ ฯลฯ จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่เราได้โชว์ในสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เด็กให้ทุกคนได้เห็น”

LIPS: ต้องมีการเตรียมตัวด้านไหนอีกไหม นอกจากพูดคุยกับคนหน้างานตัวจริง

บิลลี่: ผมดูหนังอาชญากรรม หนังสืบสวนสอบสวน หนังแอ็กชันเยอะมาก ผมใช้วิธียืนหน้ากระจกแล้วก็เปิดหนังไปด้วย เพื่อรีแอ็กต์กับตัวละครที่อยู่ในหนัง เช่น เขาต่อยมาแรงแค่ไหน เราก็รีแอ็กต์กลับไปแค่นั้น ฝึกซ้อมแม้กระทั่งองศาของหมัด คือถึงเราจะเรียนเทควันโดมานาน แต่การออกอาวุธของเทควันโดเป็นระยะประชิดที่ต้องเร็วที่สุด แต่การถ่ายฉากแอ็กชัน เวลาเตะหรือต่อย เราต้องตีวงให้กว้างขึ้นเพื่อให้กล้องรับภาพได้สวยๆ  

ที่สำคัญ เรื่องนี้ถ่ายแบบ long take เยอะ ความผิดพลาดต้องไม่มี ไม่งั้นต้องเริ่มถ่ายใหม่ตั้งแต่ต้น แล้วเราต่อยกันยาวเป็นนาทีเลยครับ ชุดแรกอั้กๆๆๆ (ทำเสียงรัวหมัด) หมอบลง ถอยมา ต่อชุดสองอั้กๆๆๆ โอ้โห เวิร์กชอปฉากบู๊หนักมาก ซ้อมกันหลายคิวกว่าจะได้ภาพอย่างที่ทุกคนเห็น

LIPS: พอจะยกตัวอย่างหนังหรือซีรีส์ที่เราหยิบมาศึกษาในช่วงสร้างตัวละครได้ไหม

บิลลี่: อย่างฉากแอ็กชันก็มีเซตแบตแมนใน The Dark Knight และ Batman Begins ซึ่งช่วยให้เห็นภาพความดาร์กของโลกลางสังหรณ์ครับ รวมถึง Gotham ซีรีส์สืบสวนสอบสวนที่มีความแฟนตาซีหน่อยๆ เพราะในชีวิตจริง พวกเราทั้งแก๊งเป็นแค่เด็กน้อยที่ต้องรีบอัปตัวเองให้เป็นตัวละครในหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มีอายุ 30 กว่าๆ และผ่านประสบการณ์มาพอสมควร เป็นหน่วยงานที่รับทำแต่คดียากๆ ซึ่งตำรวจทั้งประเทศปิดคดีไม่ได้

อีกอย่างคือต้องศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ‘พญา’ กับ ‘ธาร’ ว่าเป็นแบบไหน รวมถึงเวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อน คือในกลุ่มนี่เป็นความวุ่นวายจริงๆ ฮะ (หัวเราะ) เพราะอย่างเข้าฉาก 2 คนกับเบ้บ (ธนทัต พรรณวิริยะกุล รับบทธาร นายเอกของเรื่อง) โอเคว่าเป็นความรักแนวหยุมหัว ด้วยความที่อยู่ค่ายฝึกเดียวกัน เป็นเพื่อนที่รู้สึกดีกันมาก่อน และคุ้นเคยจากอดีตชาติที่เคยรักกันมา ชาตินี้เลยมีความรู้สึกลึกๆ ว่าเราอยากปกป้องเขา แต่กลุ่มหมู่มวลเนี่ย…คือความวุ่นวายที่สุดครับ เราดู reference กันหลายเรื่องมาก มีทั้งความโบ๊ะบ๊ะแบบ The Avengers บางทีก็เป็นฟีลแก๊ง Fast & Furious ที่มีทั้งคนนิ่ง คนกวน คนวิชาการ ฯลฯ มาตีกัน โอ้โห สนุกมากครับ

LIPS: เป็นเรื่องแรกเลยไหมที่ได้เล่นกับหมู่มวล ‘แมนๆ คุยกัน’ ขนาดนี้

บิลลี่: ใช่ครับ สนุกมากๆ ด้วยอาชีพของตัวละครที่เป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ ทุกคนเลยมีความดุดัน ชอบการต่อสู้ เวลาคนใจร้อนเลือดร้อนมาคุยกันจะออกรสออกชาติกว่าปกติแบบ “เอาปะล่ะ!” “ไปดิ๊…รอไร” เป็นแนวผู้ชายคุยกันจริงๆ รีแอ็กชันแบบหมู่มวลเราก็ต้องศึกษา อย่างตอน ‘โทนี สตาร์ก’ โดน ‘ธอร์’ กวน (ตัวละครในจักรวาล Marvel) เขารีแอ็กต์กันยังไง เราก็เอาบางส่วนมาปรับใช้  

LIPS: ฉากไหนเล่นยากอย่างไม่น่าเชื่อ

บิลลี่: ฉากสอบสวนผู้ต้องหาครับ (หัวเราะ) เหมือนง่ายใช่มั้ยเวลาเราดูซีรีส์ ผมก็คิดว่าแค่จำบทให้ได้แล้วมานั่งคุยกัน แต่พอถ่ายจริง มันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะตัวละครฝั่งผู้ต้องหาก็มีความเชื่อของเขา ในขณะที่ฝั่งเราก็เชื่ออีกแบบ เหมือนเอาความเชื่อแบบสุดโต่งมาตีกัน แล้วคนที่เราต้องปะทะด้วยก็มีตั้งแต่พี่ณัฐ (ณัฐ ศักดาทร) พี่เต้ (นันทศัย พิศลยบุตร) ซึ่งแต่ละคนอินเนอร์แรงมาก แถมต้องใช้คำศัพท์เฉพาะทางของผู้บังคับใช้กฎหมาย มันเลยยิ่งยากตรงที่ต้องพูดเหมือนกับว่าเราใช้คำเหล่านี้ในชีวิตประจำวันจริงๆ

LIPS: โลเคชันถ่ายทำมีหมดทั้งป่าเขา ทะเล ฟ้า ฝั่ง

บิลลี่: ไปต่างจังหวัดเยอะเหมือนกันครับ มีราชบุรี ลพบุรี ฯลฯ ที่แน่ๆ คือเราจะไปที่ๆ ไม่มีแอร์ อย่างโรงงานกระดาษร้างที่เห็นพวกเราแต่งตัวเต็มในฉากเปิดตัว ความจริงคือร้อนมาก ลมไม่มี อากาศไม่ค่อยเข้า แต่ก็สู้ตายครับ ตอนนั่งดู EP.1 ยังคิดอยู่ว่าพวกเราผ่านมาได้ไง (หัวเราะ) เห็นอีกทีก็ขนลุก นึกถึงการถ่ายทำในวันนั้นที่ร้อนมาก แถมยังต้องวิ่งไล่ยิงผู้ร้ายในความมืด แต่เอาจริงๆ ผมสนุกมาก เพราะนึกมาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการแล้วว่าอยากเล่นหนังหรือซีรีส์แนวบู๊แอ็กชัน อยากเป็นนักแสดง Marvel ไม่ได้อยากไปสายหนังรักอีโมชันเยอะๆ พอได้เล่นเรื่อง ‘ลางสังหรณ์’ ผมเลยแฮปปี้มาก เอ็นจอยมาก ถึงแม้ทุกคนจะดูเหนื่อยแล้ว

LIPS: เรียกว่าเรา ‘บ้าพลัง’ ได้ไหม

บิลลี่: ผมว่า ‘ใจสู้’ มากกว่า เราชอบในสิ่งนี้…มาเหอะ! เราเอ็นจอยที่จะทำ ไม่ว่าจะร้อนหรือจะเหนื่อย คือทุกคนชอบบอกว่า “พี่บิลลี่โคตรอึด!” แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะผมชอบไง ผมฟิน ไม่รู้สิ…เหมือนเราเล่นเทควันโดมาตั้งแต่เด็กมั้ง ไม่ใช่ว่าผมชอบความรุนแรงนะ แต่ผมมองว่ามันเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เราได้ทำการแสดงผ่านร่างกาย

LIPS: นอกจากฉากแอ็กชันสวยๆ ซอฟต์พาวเวอร์ก็มีให้เห็นจากงานบุญบั้งไฟ

บิลลี่: อู้ว บรรยากาศสวยมากครับ รู้มั้ยว่าเรายกกองไปถ่ายทำกันในงานบุญบั้งไฟจริงๆ ที่จังหวัดหนองคาย แล้วเหมือนทุกคนเขามานั่งเชียร์บอลเลยครับตอนที่ลูกไฟพุ่งขึ้นมาจากน้ำ เราดูทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่ก็สนุกและตื่นเต้นไปด้วย เพราะเป็นครั้งแรกของผมเหมือนกันที่ได้มาเห็นกับตาจริงๆ กลับบ้านยังมาเปิดยูทูบ ดูว่าลูกไฟเกิดขึ้นได้ยังไง อะเมซิ่งมาก

LIPS: อย่างละคร ‘สิงหะนาคะ’ ที่บิลลี่ได้เล่นเป็นเรื่องแรกก็แนวแฟนตาซีเหมือนกัน

บิลลี่: ตอนนั้นเราได้แค่ปล่อยพลังครับ แต่ ‘ลางสังหรณ์’ นี่ผมอัปเลเวลเลย อย่าง EP.5 ผมก็ตกใจอยู่ หรือแม้แต่ EP.1 ที่ต้องดำลงไปใต้น้ำแล้วเจอพญานาค สารภาพเลยว่าผมไม่คิดว่าซีจีจะขนาดนี้ คือเกินความคาดหมายของนักแสดงทุกคนไปมาก แบบโอ้โห! พี่เชนกับเซ้นต์เล่นใหญ่มาก เห็นแล้วขนลุกเลย เหมือนเป็นโปรดักชันหนังมากกว่า

คือต้องบอกก่อนว่าพวกเราไม่เคยได้ดูเวอร์ชันที่ตัดต่อเสร็จแล้วนะครับ เราจะมานั่งดูพร้อมกันเพื่อถ่ายคลิปรีแอ็กต์ไปด้วย อย่าง EP.5 พวกเราก็เหวอกันไปเลยตอนเห็นซีจีต่างๆ ที่ใส่เข้ามา เป็นความภาคภูมิใจที่ซีรีส์วายไทยได้ยกระดับไปอีกขั้น ทั่วโลกได้เห็นแล้วว่าคนไทยมีฝีมือขนาดไหน ผมรู้สึกดีใจที่เราเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้และมีโอกาสได้ถ่ายทอดความเป็นไทยออกไป

LIPS: ชาวโซเชียลถึงกับยกให้เป็น CG พญาครุฑ-พญานาคที่ดีที่สุด

บิลลี่: ตอนถ่ายทำผมยังไม่รู้เลยว่าจะสวยขนาดนี้ เพราะถ่ายกับบลูสกรีนในสตูดิโอที่ใหญ่มาก ต้องชื่นชมทีมงานทุกคนเลยครับที่ทำออกมาได้ดีเกินคาดไปเยอะมาก ชาวโซเชียลในต่างประเทศก็เอาไปลงชื่นชมกันเยอะ เขาชอบมาก เราก็ดีใจไปด้วย ทีมงานทุกคนหายเหนื่อยเลยที่ทุ่มเททำงานหนักกันมา

LIPS: อย่างนี้แล้วประทับใจฉากไหนมากที่สุด

บิลลี่: เรื่องซีจี ผมยกให้เป็นที่สุดอยู่แล้ว แต่ถ้าในด้านการแสดง ผมชอบซีนที่ปะทะคารมกับเฮง (อัศวฤทธิ์ พินิตภาญจนพันธุ์ รับบท หมอชโลธร) ด้วยความที่เรามีเรื่องบาดหมางกันมาตั้งแต่อดีตชาติ แต่ในฉากนั้นเราขยับตัวไม่ได้ ภาพที่เห็นเลยเป็นการถ่ายทอดคำพูดที่เชือดเฉือนกันผ่านทางสายตา ผมเคยเล่นกับเฮงมาแล้วในเรื่องก่อน เป็นน้องที่สนิทกันมาก เราส่งอะไรไปเขาก็รับได้หมด ต่างคนต่างไม่กลัวว่าใครจะเล่นใหญ่กว่ากัน เราเลยปล่อยของได้เต็มที่ ยิ่งได้รับฟีดแบ็กว่าทุกคนชอบ ผมก็โอเคแล้วล่ะในฐานะนักแสดง

แต่จริงๆ ผมประทับใจเกือบทุกซีนในเรื่องเลย เพราะ ‘พญา’ เป็นตัวละครที่ผมไม่เคยได้แตะ แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้มาเล่น เขาเป็นคนเลือดร้อน มุทะลุ ดื้อ กวน ไม่ฟังใคร ฯลฯ ซึ่งตรงกันข้ามกับผมทั้งหมด ถ้าพญาไม่พอใจอะไร เขาสามารถลุกออกไปจากสถานการณ์นั้นได้เลย เวลาพูดก็ไม่ค่อยถนอมน้ำใจคน ผมต้องพยายามทำความเข้าใจพญาว่า “เอ้อ…มันก็น่าโมโหเหมือนกันนะ” (หัวเราะ) นี่เล่นเองก็หงุดหงิดเองว่าทำไมเป็นคนหัวร้อนขนาดนี้

“เรามี mindset เหมือนกันตรงที่ไม่ว่างานยากแค่ไหน ไว้ค่อยมาคุยกันหลังงาน แต่หน้างานเราสู้ไม่ถอย แล้วเขาน่ารักครับ อยู่กับเขาก็มีความสุข”

LIPS: การเข้าฉากกับ ‘เบ้บ’ เป็นอย่างไรบ้าง นี่เป็นเรื่องแรกเลยที่ได้เจอกัน

บิลลี่: แรกๆ ผมรู้สึกว่าเราเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเหมือนกันเลย (หัวเราะ) คือผมเป็นคนที่ค่อนข้าง strict ส่วนเขาสบายๆ แต่เราก็ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันนะ อย่างที่เล่าว่าผมเป็น fighter ชอบทำงานแบบลุยๆ ซึ่งดีที่เบ้บก็ลุยเหมือนกัน เพราะถ้าเราอยากทำ แต่อีกคนนอยด์ไม่อยากทำ มันจะลำบาก สมมติรับบทสดๆ หน้าเซต หรือเปลี่ยนบรีฟใหม่ บางคนอาจจะงอแง แต่ผมกับเบ้บไม่ใช่แบบนั้น เราเป็นแนว “มาเลยพี่!” ผมว่ามันเป็นสีสันของชีวิต เป็นบททดสอบที่ถ้าเราผ่านไปได้ เราจะเก่งขึ้น พัฒนาขึ้น กลายเป็นความภูมิใจในตัวเอง

ผมรู้สึกโชคดีมากที่เบ้บสู้ทุกงาน เรามี mindset เหมือนกันตรงที่ไม่ว่างานยากแค่ไหน ไว้ค่อยมาคุยกันหลังงาน แต่หน้างานเราสู้ไม่ถอย The show must go on. น้องไม่มีบ่นเลย ผมก็ไม่ใช่สายบ่น การทำงานกับเบ้บเลยราบรื่น แล้วเขาน่ารักครับ อยู่กับเขาก็มีความสุข

เบ้บเป็นคนที่เอ็นจอยกับการทำงานตลอดเวลา เขาเอเนอร์จีเยอะ เรียกได้ว่าเป็นสีสันให้กับผมเลย อย่างแต่งหน้ากันอยู่ดีๆ น้องก็เปิดเพลงหมอลำ เพลงฮิปฮอป แล้วลุกขึ้นมาเต้น มุมเครียดเขาก็มีนะ แต่เรารู้ว่าจะทำให้น้องหายเครียดได้ยังไง ทำงานกันไปนานๆ ก็รู้ว่าจุดไหนน้องเริ่มไม่โอเค แบบไหนน้องผ่อนคลาย เราจะคอยดูอยู่ห่างๆ คือผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าไปพูดตรงๆ สมมติน้องพลาด เราจะไม่เข้าไปแนะนำว่าควรทำแบบนั้นแบบนี้สิ เพราะผมรู้สึกว่าทุกคนทำการบ้านของตัวเองมาดีแล้ว บางทีอาจเจออุปสรรคหน้างานบ้าง เราแค่คอยจับไหล่ กอดไหล่เขาว่า “ทำได้อยู่แล้ว” ไม่ต้องห่วง…มีเราอยู่ข้างๆ นะ ผมเป็นแนวนี้

“บางทีอาจเจออุปสรรคหน้างานบ้าง เราแค่คอยจับไหล่ กอดไหล่เขาว่า “ทำได้อยู่แล้ว” ไม่ต้องห่วง…มีเราอยู่ข้างๆ นะ”

LIPS: กิจกรรมหรือความชอบอะไรที่บิลลี่กับเบ้บมีเหมือนกัน หรือคุยกันถูกคอ

บิลลี่: น่าจะเป็นแฟชั่น คาเฟ่ ช็อปปิ้ง ถ่ายรูป ล่าสุดเราก็เพิ่งไปคาเฟ่ด้วยกันมาครับ ความโชคดีคือเทสต์การถ่ายรูปของเราเหมือนกัน เวลาผมจัดเฟรม ผมจะมีความชอบส่วนตัวบางอย่าง เลยหาได้ยากที่ใครถ่ายรูปให้แล้วเราจะรู้สึก “ดีอะ! ใช่อะ” ซึ่งเบ้บทำได้ ในขณะที่เบ้บซึ่งดูจะเรื่องมากหน่อยในการถ่ายรูป (หัวเราะ) คือคนอื่นถ่ายให้แล้วไม่ถูกใจสักที แต่เวลาผมถ่ายให้ เขาถูกใจเลยนะ บอกว่าชอบ เลยเป็นความภูมิใจว่าเราก็ถ่ายรูปดีเหมือนกัน เราเลยไปด้วยกันได้เพราะชอบไปเดินถ่ายรูปเล่น

LIPS: ใครรับหน้าที่หาร้านเวลาไปถ่ายรูปเล่น

บิลลี่: ผลัดกันนะ แบบครั้งนี้ผมไปของคุณ ครั้งหน้าคุณไปของผมบ้าง เรื่องชุดก็สลับกันส่งให้ดู อย่างเวลามีงานผมก็ส่งให้ดูว่า “เดี๋ยวพี่ใส่ชุดนี้ เบ้บเตรียมมานะ” พอครั้งหน้าเบ้บจะใส่ชุดไหน ผมก็เตรียมไปให้เข้ากัน ประมาณนี้ครับ เราแชร์กัน ช่วยกัน เพื่อให้งานออกมาดี

LIPS: ขอถามถึงสเป็กบ้าง คนแบบไหนที่ทำให้บิลลี่หวั่นไหวได้

บิลลี่: ที่ผ่านมาเรามักจะชอบคนจากดวงตาก่อน ผมเป็นคนที่เวลาคุยชอบมองตา คำหนึ่งที่อธิบายถึงสเป็กของผมได้ดีก็คือ cutie sexy เป็นความน่ารักที่มีความเซ็กซี่นิดนึง ไม่ใช่ในเชิงรูปร่างนะ แต่เป็นความเซ็กซี่หรือ sex appeal ที่มาจากข้างใน เวลามองแล้วมีเสน่ห์ มุมนี้น่ารักนะ แต่บางมุมก็เซ็กซี่เบาๆ

LIPS: เล่าถึงฉากคืนกำไรสู่ผู้ชมผ่านฉากอาบน้ำรวมสักหน่อย แก๊งเราหุ่นแซ่บอยู่แล้วโดยมิได้นัดหมาย หรือต้องปั้นซิกแพคขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

บิลลี่: (หัวเราะ) เพื่อการนี้โดยเฉพาะครับ ก่อนหน้านี้ผมมีนิดเดียว แต่ด้วยโจทย์ที่ทุกคนเป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ เราเลยต้องการหุ่นที่ลีนพอดีๆ แผนการฝึกของผมเลยไม่ใช่การยกเวตอย่างเดียวเพราะจะได้แต่กล้ามใหญ่ๆ ผมใช้เทคนิค ‘ยกหนัก ยกถี่ รอบพักน้อย’ เพื่อให้กล้ามเนื้ออัดแน่นและเฟิร์ม พร้อมกับฝึกฮาร์ตเรตด้วยท่าวิดพื้น ท่าเบอร์พี ฯลฯ คือต้องทำเร็วๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับแบบตัวละครทหารอเมริกันที่หุ่นเฟิร์มจนเห็นเส้นเลือด ไม่ใช่กล้ามใหญ่แบบนักกีฬาเพาะกาย

LIPS: ต้องเสิร์ชว่าอะไรถึงได้หุ่นแบบบิลลี่

บิลลี่: หาพวก military workout ในยูทูบก็ได้ครับ แต่ต้องคุมอาหารด้วยนะ เพราะถึงเล่นหนัก แต่ถ้ากินเยอะแล้วเอาออกไม่หมดก็เป็นไขมันอีก หรือถ้ากินน้อยเกินไปก็ไม่มีแรงออกกำลังกายขนาดนั้น เราต้องรู้จักตัวเอง เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ช่วงแรกๆ ผมเคยไปขอคำแนะนำจากพี่ๆ หลายคน พอเราลองทำตาม ปรากฏว่าไม่มีแรงยกบ้าง หรือพอทำตามสเต็ปของอีกคนแล้วยิ่งบวม สรุปคือเราต้องศึกษาด้วยตัวเองว่าควรกินแค่ไหนถึงมีแรงฝึกตามแผน ผมใช้เวลาหลายเดือนเลยกว่าจะได้หุ่นแบบที่ทุกคนเห็นในซีรีส์ โอ้โห! ตอนนั้นคือที่สุดแล้ว ผมไม่เคยหุ่นดีขนาดนี้มาก่อน (หัวเราะ)

LIPS: งั้นประมวลให้ฟังหน่อยว่าสูตรการกินของบิลลี่เพื่อปั้นซิกแพคเป็นอย่างไร

บิลลี่: ผมไม่ได้ฟิกซ์ว่าจะต้องกินแต่โปรตีน หรือห้ามตัวเองกินนู่นนี่ ผมกินหมดทุกอย่าง ของทอด ของมัน น้ำหวาน ฟาสต์ฟู้ด ฯลฯ แต่กินในปริมาณที่คิดว่าเบิร์น

ออกหมด เพราะเพิ่งรู้จักกับ mindset ที่ว่า ‘เราต้องแฮปปี้’ คือถ้าเครียดเกินไป อยากกินแต่กินไม่ได้ พอเราไปเล่นฟิตเนส กล้ามเนื้อที่เครียดเขาไม่โตนะ หรือถ้ามาเล่นเป็นหน้าที่ ไม่ได้รักหรือแฮปปี้ในการออกกำลังกาย กล้ามก็ไม่ขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นช้า ผมลองมาหมดแล้ว

อีกอย่างผมเป็นคนที่ทำคาร์ดิโอเยอะ อย่างบางคอร์ส พอเล่นเสร็จเขาจะให้ต่อด้วยเดินเร็วที่ฮาร์ตเรตอยู่ในโซน 2 – 3 แต่ผมใช้วิธีวิ่งสปรินต์ให้ฮาร์ตเรตอยู่ในโซน 4 – 5 เพื่อให้ไขมันเบิร์นออกหมด ผมแฮปปี้ที่จะกินและเบิร์นแบบนี้ ถึงกล้ามเนื้อจะโดนทำลายก็ตาม

ผมรู้สึกว่าอาชีพนักแสดงคือการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่คนเขียนบท ผู้กำกับ ทีมงาน ฯลฯ ที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครให้ออกมาเป็นภาพอย่างที่เขาต้องการ ถ้าเราไม่รับผิดชอบตัวเอง ถามว่าเขาถ่ายได้มั้ย ถ่ายได้ครับ แต่ผมรู้สึกว่าทุกฝ่ายเขาเต็มที่ของเขา แล้วทำไมเราไม่เต็มที่ในส่วนของเรา ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากอะไร ผมไม่ชอบให้คนอื่นผิดหวังด้วยแหละ ถ้าเราทำไม่ถึง มันเหมือนเราไม่ respect เขา ไม่ใช่ว่าผมเครียดนะ เพียงแต่ว่ามีระเบียบวินัยกับตัวเอง ซึ่งก็ได้มาจากการเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก

“การเป็นนักกีฬาทำให้เรากลายเป็นคนแบบนี้ เราจัดระเบียบชีวิตได้ดี ทำตามกฎกติกาทุกอย่าง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”

LIPS: ที่บ้านเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวนักกีฬา

บิลลี่: ใช่ครับ ที่บ้านทำทีมสโมสรเทควันโด ผมเลยเล่นเทควันโดมาตั้งแต่ 5 ขวบ และเดินสายแข่งตั้งแต่ 8 ขวบ เราแข่งกันทุกอาทิตย์ ขับรถไปเชียงใหม่แล้วตีกลับมากรุงเทพฯ ลงแข่งชิงแชมป์เยาวชนแห่งชาติ การแข่งขันกีฬา To be Number One ฯลฯ เราคลุกคลีอยู่กับการซ้อมที่เป็นระบบระเบียบมาตั้งแต่เด็ก เกือบติดทีมชาติแล้วครับตอนนั้น แต่ผมเลือกที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อน

แล้วไม่ใช่เทควันโดอย่างเดียว โบว์ลิงเราก็ทำ ผมเริ่มลงแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติตอน ม.ปลาย แต่ก็ไม่ได้ที่ 1 นะ พ่อผมจะเป็นคนนำเล่นกีฬา แล้วครอบครัวก็เล่นตามแล้ว เราสนุกแล้วก็รู้สึกว่าทำได้ดี อีกอย่างที่บ้านผมถ้าตัดสินใจจะเล่นกีฬาอะไรแล้ว เราต้องไปให้สุด ไปถึงแชมป์ให้ได้

LIPS: ได้ข่าวว่าช่วงนี้อินกับการตีกอล์ฟสุดๆ

บิลลี่: ผมเพิ่งกลับมาบ้าตีกอล์ฟตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเลยครับ เราอยากกลับมาเล่นกีฬา ตั้งเป้าว่าปีนี้จะเพิ่มสกิลให้เป็นโปรเฟสชันนัลอีกสักอย่าง ตอนแรกก็ลังเลระหว่างกอล์ฟกับโบว์ลิง แต่เราจะโยนโบว์ลิงกับใคร (หัวเราะ) เลยเลือกกอล์ฟ แล้วเราชอบที่ได้ออกไปเจอสนามใหม่ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ เราชอบสถานที่ท่องเที่ยวในธรรมชาติอยู่แล้ว การตีกอล์ฟทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง แต่ก็ได้พบปะพูดคุยกับคนที่เราไม่รู้จักจนกลายเป็นเพื่อนใหม่

ตอนเด็กๆ ผมเคยเรียนตีกอล์ฟกับโปร เป็นการแชร์เวลากันระหว่างเทควันโดกับกอล์ฟ เพราะพ่อแม่ผมชอบเล่นกีฬามาก กีฬาสอนเราหลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่เล่นสนุก แต่กีฬาสอนเรื่องความมีระเบียบวินัย การจัดสรรเวลาด้วยตัวเอง รู้ว่าต้องทำอะไรก่อน-หลัง ผมไม่ได้ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นไปกับการเล่นเกม ติดแฟน คุยมือถือนานๆ หรือออกไปเที่ยวเลย ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม แต่พอโตขึ้นก็รู้แล้วว่าการเป็นนักกีฬาทำให้เรากลายเป็นคนแบบนี้ ผมรู้สึกว่าเราจัดระเบียบชีวิตได้ดี ทำตามกฎกติกาทุกอย่าง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

กีฬาสอนเรื่องของอารมณ์ด้วย ถึงแม้ว่าเทควันโดจะเป็นกีฬาต่อสู้ แต่เราจะใช้อารมณ์นำไม่ได้ เราต้องควบคุมอารมณ์ แม้ว่าร่างกายจะปะทะอะไรก็ตาม ถ้าเราอารมณ์หลุดตอนแข่ง เกมที่เราทำมาทั้งหมดจะเสียเลย เราจะเตะแบบมุทะลุ  เพราะจริงๆ เทควันโดคือการวางแผนว่าเวลาเตะออกไปแต่ละครั้ง เราหวังผลอะไรต่อ

LIPS: ทางบ้านโอเคไหมกับการเป็นนักแสดงวาย หรือมีฟีดแบ็กอย่างไรบ้าง

บิลลี่: โอเคมากๆ ครับ บ้านผมเปิดกว้างมาก คือไม่ได้เป็นแนวหัวโบราณเลย เขามองว่าเป็นแขนงหนึ่งของการแสดง แล้วความรักก็คือความรักครับ ที่บ้านไม่เคยบอกว่าผู้ชายกับผู้ชายรักกันไม่ได้ หรือผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น ไม่มีเลย ผมโชคดีมาก เพราะถ้าเขามีความคิดแบบนี้ผมอาจจะลำบากใจที่ต้องบอกครอบครัว แต่บ้านผม อากงอาม่าปู่ย่านั่งดูซีรีส์วายของหลานกันฉ่ำ แกแฮปปี้มาก สนุกมาก ผมเคยแกล้งถามแกนะว่าไม่รู้สึกแปลกๆ บ้างเหรอ แกบอกว่าไม่ ก็เหมือนคนรักกัน เหมือนอากงอาม่าปู่ย่ารักกัน เขาใช้คำว่า ‘คน’ ไม่ได้มองว่าเป็นเพศอะไร ผมเลยรู้สึกโชคดีเพราะก็มองว่าเราเป็นคนเหมือนกัน

Words: Sasi Akkomee
Photos: Somkiat Kangsdalwirun

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม