วันนี้ LIPS ได้พูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องบิวตี้แห่งยุค อย่าง ‘นวัตกรรมความงาม’ เพื่อการชะวัย คงความอ่อนเยาว์ไว้ให้ยาวนาน ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ กับ นายแพทย์วรพจน์ ศิริมังคลานนท์ หรือคุณหมออาร์ม Medical Director of Hertitude Clinic คลินิกความงามระดับเพรสทีจ ที่โดดเด่นเรื่องความปลอดภัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัยมีมาตรฐาน ผสมผสานความเชี่ยวชาญและความมีศิลปะของคุณหมออาร์ม (และคุณหมอทุกท่านที่เฮอร์ทิจูด) เพื่อผลลัพธ์สูงสุด
นอกจากจะเป็นแพทย์ความงามที่ฮ็อตในหมู่ผู้ที่เข้ารับการดูแลรักษาแล้ว ยังเป็น Lectuere Neuromodulator & Dermal Fillers ที่สอนเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มให้กับคุณหมอท่านอื่นๆ ก็เหมือนการนั่งเรียนในห้องเรียน ในวิชาที่ว่าด้วย เทรนด์ความสวยด้วยนวัตกรรมความงาม ที่กำลังมาแรงแห่งยุค
“Aesthetic Medicine” ที่เราพูดถึงเรื่องการชะลอวัย หรือทำให้คนไม่แก่ หรือนิยามให้ง่ายกว่าคือ Next Human อยากให้ลองสังเกตดีๆ ว่าคนอายุเท่ากันสมัยก่อนและสมัยนี้ในวัยที่เพิ่มขึ้น คนสมัยนี้ไม่รู้สึกแก่เหมือนสมัยก่อน เพราะสมัยนี้เรามีนวัตกรรมที่ช่วยชะลอผิวและอายุเยอะ เราเชื่อว่าในอนาคต Facial Aesthetic มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเข้ามาทดแทนแทบทุกอย่างที่ให้ผลลัพธ์เหมือนศัลยกรรม ไม่ว่าจะกระชับดึงหน้า จัดปรับคาง จมูก หน้าผาก เรียกได้ว่าถ้าอยากเปลี่ยนโฉมทุกอย่างทำได้หมด (ยกเว้นผ่าตัดทำตาเท่านั้นที่ยังต้องศัลยกรรม) โดยไม่ต้องทำหัตการหรือผ่าตัด ไม่ต้องมีการพักฟื้นยาวนาน เห็นผลลัพธ์ในเวลารวดเร็วทันทีหลังเข้ารับบริการ และค่อยๆ เห็นผลต่อเนื่อง
สำหรับ Facial Aesthetic หลักๆ ในปัจจุบันมีทั้งหมด 3 อย่างด้วยกัน ตัวแรกคือ Botulinum Toxin (หรือที่หลายคนรู้จักว่า Botox) ใช้ลดเลือนริ้วรอย สามารถใช้ปรับรูปหน้าได้ ช่วยให้ดูเด็กลงได้ Filler ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้มีไว้เพื่อการเติมเท่านั้น เพราะสามารถใช้ในการช่วยกระชับได้ด้วย และสุดท้าย Energy-Based Device ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการความงาม อันหมายถึงเรื่องของเครื่องมือที่ได้ทั้งเทคโนโลยี และการพัฒนามาช่วยดูแลความงาม จากที่เคยมีเครื่องทำเลเซอร์ สู่เครื่องมืออื่นๆ เช่น Thermage และปัจจุบันคือ Ulthera เครื่องที่ช่วยดูแลผิวในชั้นที่ลึกกว่า มอนิเตอร์ช่วยแสดงผลขณะทรีตเมนต์ได้ ทำให้เห็นปัญหาและโฟกัสได้ตรงจุดมากกว่า และการดูแลความงามเราใช้ทั้ง 3 อย่างนี้ผสมผสานกัน ตามโจทย์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเรื่องของการชะลอวัย ปรับรูปหน้า ช่วยทำให้สวยขึ้น ช่วยลบจุดบกพร่องของคนไข้ โดยสิ่งเหล่านี้ไม่ตกค้างอยู่ในหน้าของเรา ข้อดีของ Facial Aesthetic อีกประการคือการเป็น Reversable Process วันไหนที่เราไม่ชอบผลลัพธ์เราสามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเดิมด้วยฉีดสลายได้ทั้งหมด (หากฉีดสลายอย่างถูกวิธี) และปรับเปลี่ยนเป็นแบบใหม่ที่ต้องการได้ตลอด
แม้หลายคนค้านว่า Facial Aesthetic มีระยะเวลาผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน แต่ตามหลักความจริงแล้วเราเปลี่ยนแปลง และอายุเพิ่มขึ้นทุกวัน แม้การทำศัลยกรรมเมื่อเวลาผ่านไป ก็จะต้องกลับมาทำใหม่และเจ็บอีกครั้งเช่นกัน ในขณะที่ Facial Aesthetic เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เจ็บมากอย่างที่กล่าวข้างต้น นอกจากนี้เทคนิคของหัตถการเหล่านี้ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปีนี้ เราจะไม่รอให้ปัญหาเกิดขึ้น คนไข้ที่เข้ามาปรึกษาแพทย์จะได้รับการตรวจวิเคราะห์ตั้งแต่แรกว่ามีจุดที่เป็นสัญญาณเตือนเรื่องปัญหาผิว หรือแนวโน้มของปัญหาริ้วรอย (Aging Sign) โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์และคำนวณคะแนนออกมาว่าได้เท่าไร จุดที่ควรรักษา เฝ้าระวัง หรือจุดที่ยังไม่เป็นปัญหาเท่าไร และจึงค่อยเลือกใช้ 3 นวัตกรรมหลักมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อผลลัพธ์หรือตอบโจทย์ที่สุด เหมือนการสร้างสักหลัง ที่ต้องประกอบสร้างส่วนต่างๆ เพื่อเป็นบ้านที่สวยสมบูรณ์แบบดั่งใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ความสามารถทางหลักกายวิภาคของหน้า ผสมผสานประสบการณ์ เทคนิคส่วนบุคคล และความมีศิลปะของคุณหมอแต่ละท่าน”
นวัตกรรมต่างๆ เหล่านี้ ออกมาตอบโจทย์การรักษา ฟื้นฟูผิว ที่เริ่มเสื่อมถอย เมื่อเรารับการรักษาไปแล้ว เราก็ยังต้องรักษาผิวของเราให้ดีต่อไป เพื่อกลับมารับการรักษาต่างๆ ให้น้อยลง แต่ก็มักมีคำถามว่า เมื่อเรารับการดูแลผิวด้วยนวัตกรรมความงามเหล่านี้แล้ว ยังจำเป็นต้องดูแลผิวอีกไหม หมอต้องบอกว่ามันเป็นการดูแลเพื่อผิวสุขภาพดี ซึ่งแบ่งเป็น 2 อย่าง คือการดูแลจากภายใน และการดูแลภายนอก
การดูแลจากภายในแบบสั้นๆ ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้ว คือการกินอาหารที่มีประโยชน์ ในส่วนของวิตามินเสริม หมอบอกว่าไม่จำเป็นถ้าเรากินอาหารทุกหมวดหมู่ กินผักผลไม้ครบ 5 สี ทุกคนได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้ว แต่หลายคนอาจเลือกกิน พักชนิดนี้ไม่กิน เนื้อแบบนี้ไม่กิน ก็ทำให้ขาดวิตามินบางตัว ซึ่งอาจจะต้องกินวิตามินเสริมเอง โดยต้องรู้ว่าตัวเองไม่กินอะไร ก็ต้องเสริม
ตัวช่วยเสริมการนอนหลับอย่างผ่อนคลาย
การนอนหลับ เป็นอีกความสำคัญ เพราะทุกครั้งที่ร่างกายนอกนหลับสมบูรณ์ ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormones เพื่อช่วยซ่อมแซมทุกอย่างในร่างกายที่สึกหรอ รวมทั้งเรื่องของผิว และคอลลาเจนด้วย เพราะฉะนั้น กรนอนหลับให้ครบวันละ 6-8 ชั่วโมง โดยเริ่มนอนไม่เกินเที่ยงคืนเป็นสิ่งสำคัญมากกกก
หมอบอกเลยนะว่า ถ้าจะไปชดเชยการนอน ตี 2 ตื่น 6 โมงเช้า มันไม่แตกต่างกับนอนไม่พอเลย เนื่องจากร่างกายเรามีสิ่งที่เรียกว่า Biological Clock เมื่อแสงสว่างรอบตัวเราลดลง (ตะวันตกดิน) ร่างกายรับรู้ องค์ประกอบของดวงตารับรู้ การหลั่งฮอร์โมนเปลี่ยนไป การนอน(ชดเชย) ช่วงกลางวัน ไม่มีผลเหมือนนอนพักผ่อนตอนกลางคืน
นอกจากนี้ยังรวมไปถึง การออกกำลังกายเป็นสม่ำเสมอ มักดูเด็กกว่าคนไม่ออกกำลังกาย เพราะเวลาออกกำลังกายร่างกายหลั่งฮอร์โมนสำคัญ 2 ตัว ได้แก่ Growth Hormone และ Endrophins ที่มีส่วนช่วยให้ดูเด็กได้ ผสานการดื่มน้ำสะอาด และที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงปัจจัยภายนอกที่เร่งให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกาย เช่น บุหรี่ แอลกอฮอล์ เป็นต้น
ปกป้องผิวจากแสงแดด
สิ่งที่ทำลายผิวมากที่สุดนอกจากการเวลาที่ทำให้ผิวร่วงโรย คือแสงแดด เพราะฉะนั้นการปกป้องผิวจากแสงแดด เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สามารถทำได้หลากหลาย เริ่มจาก การอยู่ในที่ร่ม ไม่สัมผัสแสงแดด หรือมีสิ่งปกป้องผิว เช่น หมวก ร่ม ตามมาด้วย ครีมกันแดด โดยเฉพาะส่วนที่สัมผัสแสงแดดโดยตรง ผิวหน้า ผิวคอ อย่าลืมบริเวณหลังคอด้วยนะครับ
วิตามินซี มีส่วนปกป้องผิว
วิตามินซีป็นสิ่งสำคัญในการช่วยปกป้องผิว ไม่ว่าจะจากสารอาหาร หรือสกินแคร์ ซึ่งควรทาตอนเช้า แม้ว่าหลายคนจะทราบมาว่าวิตามินซี เสื่อมสลายง่าย ก็เป็นสิ่งที่ต้องปล่อยให้เสื่อมลงไป ซึ่งวิตามิน ซี มีหน้าที่ต้องเสื่อม เมื่ออยู่บนหน้าเรา เมื่อแสงแดดสัมผัสผิวหน้าเรา แทนที่จะทำลายผิวหน้า DNA หรือเซลล์ใต้ผิวหนัง แต่สัมผัสวิตามิน ซี แล้วสลายไป ก็เหมือนเป็นปราการก่อนจะมาทำลายผิวเรา แม้ว่าจะพึ่งพาหัตถการ หรือนวัตกรรมความงามแล้วก็ตาม เราต้องปกป้องผิวไม่ให้คอลลาเจนในผิวสูญเสียไป
เติมความชุ่มชื้นตามสภาพผิว
ไม่ใช่ทุกคนต้องการความชุ่มชื้นในผิว การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ตามคำแนะนำของหมอ จะแนะนำให้ใช้ตามความต้องการ หรือสภาพผิวของแต่ละคน ใช้เท่าที่จำเป็น อย่ามากเกินไป เพราะอาจเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ ซึ่งปัจจุบันมีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้เลือกหลากหลายมาก ทั้งเติม และล็อคความชุ่มชื้น
Where : Hertitude Clinic
More Info.: www.hertitude.com
Photo : Courtesy of Certitude Clinic, SOMKIAT K.