เบ็คกี้ – รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ลูกครึ่งสาวไทย – อังกฤษ วัยย่าง 21 ปี ที่แม้ช่วงชีวิตวัยเด็กไม่ค่อยได้อาศัยอยู่เมืองไทย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอดูแตกต่างจากบรรดาเพื่อนฝรั่ง ก็เห็นจะเป็นการติดตามละครและดาราไทย กระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้ก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักแสดง
เริ่มต้นจากบทบาทสมทบใน ‘TharnType The Series ซีซั่น 2’ ตามด้วย ‘แอบหลงรักเดอะซีรีส์ (Secret Crush On You)’ ก่อนดังไกลถึงต่างแดนด้วยปรากฏการณ์ ‘ทฤษฎีสีชมพู (GAP)’ ซีรีส์เกิร์ลเลิฟเรื่องแรกที่ออกอากาศในทีวีช่องหลักของไทย ต่อเนื่องถึงภาพยนตร์ ‘Long Live Love’ ที่ยิ่งขยายความนิยมในระดับแมส
วันนี้เราชวนเธอมาบอกเล่าตัวตนผ่านผลงานต่างๆ รวมถึง Uranus 2324 ภาพยนตร์เรื่องใหม่กับคู่จิ้นคนเดิม อีกทั้งมุมมองต่อความรัก ความเปลี่ยนแปลงหลังเป็นนักศึกษากฎหมาย รวมถึงการเป็นเพอร์เฟกชั่นนิสต์ที่กล้าพุ่งชนความฝันโดยไม่ต้องรอให้อะไรๆ สมบูรณ์แบบเสียก่อน
“ชีวิตคนสั้นมากๆ เราไม่มีทางรู้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ถ้ามีโอกาสต้องทำเลย”
LIPS: สิ่งที่คนมักจะถามเบ็คกี้ เมื่อรู้ว่านามสกุล ‘อาร์มสตรอง’
เบ็คกี้: ถามเหมือนกันหมดค่ะว่าเป็นอะไรกับ ‘นีล อาร์มสตรอง’ ที่เหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตอนเด็กๆ หนูก็คิดว่าตัวเองเป็นญาติกับนีลแน่นอน (หัวเราะ) โตมาถึงรู้ว่าไม่ใช่ เมืองนอกมีคนนามสกุลนี้เยอะค่ะ แต่ในเมืองไทย หนูยังไม่เจอนะคะ
LIPS: ก่อนหน้านี้มีภาพของตัวเองในวงการบันเทิงอย่างไร
เบ็คกี้: วงการบันเทิงเป็นความฝันหนึ่งตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ เริ่มจากอยากเป็นนักร้องเลยประกวดหลายเวทีมากๆ ทั้ง Thailand’s Got Talent, The Trainer, The Voice ฯลฯ ถึงไม่เคยเข้ารอบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกยอมแพ้นะคะ แค่อาจจะยังไม่ใช่เวย์ของเราในเวลานั้น แต่พอกลับจากเมืองนอก หนูแคสต์เรื่อง TharnType The Series ซีซั่น 2 ผ่าน จนได้เล่นละครเรื่องแรกในชีวิต ทำให้รู้สึกเหมือนเราถูกค้นพบแล้ว
LIPS: อะไรจุดประกายให้สนใจเส้นทางของการเป็นนักแสดง
เบ็คกี้: หนูชอบดูละครไทยอยู่แล้วค่ะ โรลโมเดลของหนูคือพี่ญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) หนูชอบเขามาก รู้สึกว่าเขาเก่ง มีความพยายามสูงสุดๆ ถึงยังไม่เคยได้เจอตัวจริง แต่เวลาพี่ญาญ่ามีผลงานอะไร หนูติดตามดูหมด นี่พี่ญาญ่าจะแต่งงาน หนูก็กรี๊ดเลย
LIPS: ได้เริ่มงานแสดงก้าวแรกใน TharnType The Series ซีซั่น 2 ได้อย่างไร
เบ็คกี้: หนูได้ดูซีซั่น 1 แล้วรู้สึกว่าเด็กที่เล่นเป็นน้องสาวของ ‘ธร’ หน้าตาคล้ายหนูมาก แต่ปัญหาตอนนั้นคือหนูอ่านภาษาไทยไม่ออก พูดก็ไม่ได้ เรื่องแอ็กติ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง (หัวเราะ) แต่พี่ชายหนูกับครอบครัวบอกว่าลองดูเถอะ เลยส่งรูปถ่ายพร้อมแนะนำตัวเองเข้าไป พี่ๆ เขาสนใจก็เลยติดต่อกลับมา ทำให้ความหวังของหนูเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลดลงเรื่อยๆ เพราะก่อนหน้านั้นหนูแคสต์งานมาค่อนข้างเยอะ เจอแคสติ้งปลอมก็มี
พอได้บท หนูเอามาเขียนเป็นภาษาคาราโอเกะแล้วนั่งอ่านกับพี่ชาย เพราะเขาก็อ่านภาษาไทยไม่ออกเหมือนกัน พยายามฝึกกันมากแต่ก็ยังไม่เป๊ะ จนวันแคสต์ได้ลองเข้าบทกับพี่ต๋อง (ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา รับบทธร) และพี่เมย์ (อรวรรณ วิชญวรรณกุล เจ้าของเรื่อง ผู้อำนวยการสร้าง และนักเขียนบท) ตอนนั้นหนูรู้สึกถึงเคมีความเป็นพี่น้องกันที่ค่อนข้างชัดเจน พี่เมย์ยังบอกว่าหนูเหมือนเด็กน้อยในซีซั่น 1 มาก พอสรุปว่าได้เล่นจริงๆ หนูก็สู้ค่ะ ตั้งใจทำการบ้านหนักมาก อัดคลิปท่อง ก – ฮ ไปจนถึงอ่านนิยายให้พี่ๆ เขาได้ฟังกันทุกวัน
“หนูชอบดูละครไทย โรลโมเดลของหนูคือพี่ญาญ่า นี่พี่ญาญ่าจะแต่งงาน หนูก็กรี๊ดเลย”
LIPS: ว่ากันว่า ‘ทฤษฎีสีชมพู (GAP)’ เป็นซีรีส์เกิร์ลเลิฟเรื่องแรกของไทย เบ็คกี้มีเทคนิคอย่างไรในการสวมบทบาทในแนวละครที่ค่อนข้างใหม่สำหรับบ้านเรา
เบ็คกี้: หนูอยากให้มองเป็นซีรีส์ทั่วไปที่คนสองคนมีความรักกัน และจริงๆแล้ว หนูเชื่อว่า Love is Love ค่ะ ไม่ได้แยกเป็นบอยเลิฟ เกิร์ลเลิฟ หรือชาย – หญิง แต่ถ้าในแง่ของเรฟเฟอเรนซ์ หนูอาศัยการดูเกิร์ลเลิฟของเมืองนอกร่วมด้วย ซึ่งมีเยอะค่ะ เช่น Dickinson, First Kill ฯลฯ หนูดูหมด ทั้งการแสดง สีหน้า ท่าทาง ฉากไหนชอบก็เซฟไว้ และพยายามทำความเข้าใจกับบทมากๆ ด้วยความที่คาแรกเตอร์ ‘ม่อน’ เป็นอะไรที่ยาก พูดเยอะ บทหนาเท่านี้ (ทำมือประกอบ) แถมอารมณ์ขึ้น-ลงสุดๆ จนผู้ชมบอกว่าเวลาดู GAP รู้สึกเหมือนอยู่บนโรลเลอร์โคสเตอร์ (หัวเราะ)
LIPS: ความรักในชีวิตจริงของเบ็คกี้เคยมาในรูปแบบ Girl Love หรือไม่
เบ็คกี้: มีทุกรูปแบบเลยค่ะ เพราะหนูเป็นคนที่เปิดใจกว้างมากๆ เลยไม่มีสเป๊กเจาะจง หนูรู้สึกว่าใครเข้ามาแล้วทำให้เรามีความสุข ทำให้เราอยากอยู่กับเขานานๆ แค่นี้ก็พอแล้ว ขอแค่ไปด้วยกันได้ เข้าใจกัน เคารพและให้เกียรติกันค่ะ
LIPS: มีความท้าทายหรือเวลาเตรียมตัวขนาดไหนสำหรับบทนำในละครเรื่องแรก
เบ็คกี้: เตรียมตัวครึ่งปีได้ค่ะ แล้วก็ใช้เวลาในการถ่ายทำอีกประมาณหนึ่งปี เพราะอุปสรรคเยอะมาก เช่น หนูตกบันไดทำให้ข้อเท้าหักจนใส่เฝือกอยู่เกือบเดือน ป่วยโควิดด้วย ต่อมาก็ต้องตัดผม เพราะระหว่างถ่าย GAP หนูแคสต์ Long Live Love ผ่าน พี่เขาถามว่าหนูตัดผมสั้นได้หรือเปล่า หนูคิดนานสุดๆ เพราะสิ่งหนึ่งที่หนูรักมากๆ คือผม แต่เพื่องานหนูก็เลยยอมตัด ปัญหาคือเวลาถ่าย GAP เป็นลุคผมยาว หนูเลยต้องติดแฮร์พีซเข้าฉากหลังจากนั้น แถมคาแรกเตอร์ 2 เรื่องก็ต่างกันแบบหน้ามือหลังมือ หนูต้องมีสติมากๆ เวลาถ่าย GAP ตอนเช้า แล้วไปเข้าเวิร์กช็อป Long Live Love ช่วงบ่าย
LIPS: Uranus 2324 มาพร้อมคู่จิ้น ‘ฟรีน & เบ็คกี้’ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ…
เบ็คกี้: ความซับซ้อนค่ะ ความรักใน GAP ว่าซับซ้อนแล้วใช่มั้ยคะ? แต่ Uranus 2324 จะซับซ้อนเข้าไปอีก แต่เป็นคนละหมวดหมู่ หนูเชื่อว่าทุกคนที่ได้ดูจะมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และน้ำตา…น้ำตา…น้ำตา พล็อตเรื่องน่าติดตามมากๆ รับรองว่าครบรสค่ะ
LIPS: Uranus 2324 มีคำโปรยในเพจว่า “ความรักนั้นลึกกว่ามหาสมุทร และยิ่งใหญ่กว่าจักรวาล” โดยส่วนตัวเบ็คกี้มีความเชื่อเกี่ยวกับความรักอย่างไรบ้าง
เบ็คกี้: อย่างความเชื่อในโซลเมต หรือคนที่จักรวาลส่งมาให้ก็เชื่อในระดับหนึ่งนะคะ เบื้องต้นเขาอาจจะส่งมาให้ แต่หลังจากนั้นเราต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักกันต่อไป ดูว่าเราเข้ากันได้จริงๆ หรือเปล่า ไม่ได้เชื่อว่าฟ้าส่งมาให้แล้วโอเคจบแค่นั้น
“หนูไม่มีสเป๊กเจาะจง ใครเข้ามาแล้วทำให้เรามีความสุข เราอยากอยู่กับเขานานๆ แค่นี้ก็พอแล้ว”
LIPS: สิ่งที่ประทับใจหรือคาดไม่ถึงในตัวนักแสดงนำที่เคยร่วมงานกันคืออะไร
เบ็คกี้: พี่ฟรีน (สโรชา จันทร์กิมฮะ) เป็นคนเก่งที่ไม่คิดว่าตัวเองเก่งค่ะ เหมือนไม่รู้ตัวว่ามีความสามารถอะไรบ้าง ทั้งที่จริงๆ มีความสามารถเยอะในทุกๆ เรื่อง ยกตัวอย่างการเต้น ตอนแรกเขาบอกว่าทำไม่ได้ แต่จริงๆ เขาทำได้ดีมากเลย ในขณะที่หนูไม่ถนัดเต้นเลย
ส่วนพี่ชมกับพี่ซัน (ชมพู่ – อารยา เอ ฮาร์เก็ต และซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ พระนางในภาพยนตร์ Long Live Love) อินโทรเวิร์ตเหมือนหนู วันแรกที่เจอกันในห้องในเวิร์กช็อป เรานั่งกันคนละมุม จนพี่มุก (ปิยะกานต์ บุตรประเสิรฐ – ผู้กำกับ) ต้องบอกให้เราคุยกันหน่อย ตอนเข้าฉากก็คุยกันปกตินะคะ แต่พอเบรกปุ๊บ ทุกคนจะกลับเข้าโลกของตัวเอง แม่ชมอาจจะเลี้ยงลูก พี่ซันอาจจะนอน คือเตียงในบ้านที่ถ่ายทำจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนสำหรับหนู พี่ซัน แล้วก็แมวในกองค่ะ พี่ชมกับพี่ซันน่ารักมากๆ ยินดีช่วยแนะนำหนูตลอดค่ะ อย่างพี่ซันถ้ามาเวย์ตลกคือตลกเลย แต่ถ้าเงียบคือกริบจริงๆ
LIPS: รางวัลด้านการแสดง รวมถึงตัวเลขผู้ติดตามโซเชียลกว่า 2.3 ล้านบัญชี มีความหมายอย่างไร หากเลือกได้แค่อย่างเดียว จะเก็บอะไรไว้ และสละอะไรออก
เบ็คกี้: มีความหมายในเชิงของการค่อยๆ เติบโตค่ะ ก่อนเข้าวงการหนูมีผู้ติดตามไอจีประมาณหนึ่งพันคน วันนี้กลายเป็นสองล้านแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนติดตามเราเยอะขนาดนี้ เอาจริงๆ รู้สึกว่าเขาคือคนในครอบครัว กิจวัตรแรกของหนูหลังตื่นนอนคือการอ่านทวิตเตอร์ค่ะ เราเจอกันทุกเช้าผ่านข้อความ เช่น กู๊ดมอร์นิ่ง น้องเบ็ค วันนี้สู้ๆ นะ เป็นกำลังใจให้ ฯลฯ ถือเป็นความสุขแรกในทุกๆ วันสำหรับหนูเลยค่ะ เราอ่านไปยิ้มไป บางคนก็แท็กมีมตลกๆ ให้ดู หนูจะคอยเข้าไปเช็กว่าวันนี้เขาจะคุยอะไรกับหนูนะ
รางวัลดาวรุ่งหญิง KAZZ AWARDS 2023 อันนี้เกินคาดสุดๆ ค่ะ หนูบอกแฟนคลับที่ช่วยกันโหวตว่าเอาเท่าที่ไหวนะคะ ไม่ได้ไม่เป็นไร แค่มีชื่อเข้าชิงรอบสุดท้ายหนูก็ใจฟูสุดๆ แล้ว ตอนขึ้นเวทีไปรับรางวัลเลยเกร็งมากค่ะ เพราะไม่รู้มาก่อนว่าเราจะได้ ถ้าจำไม่ผิด หนูพูดภาษาอังกฤษด้วย เพราะเรามีอินเตอร์แฟนที่ต้องขอบคุณ หนูอยากชื่นชมเขาที่ติดตามเราทั้งที่ไม่เข้าใจภาษาไทย แต่พยายามแปลด้วยกูเกิลทรานสเลตหรือกระทั่งบินมาหา หนูรู้สึกว่าเขาต้องรักเรามากขนาดไหนถึงทำแบบนี้ได้
ถ้าเก็บไว้ได้แค่อย่างเดียว หนูเลือกผู้ติดตามค่ะ เพราะเขาเป็นครอบครัวของหนูไปแล้ว คนที่สู้เพื่อนำรางวัลมาให้หนูก็คือคนกลุ่มนี้ที่เติบโตมาด้วยกัน พวกเขาเป็นคนที่หนูอยากอยู่เคียงข้างไปเรื่อยๆ ค่ะ
“พี่ฟรีนเป็นคนเก่งที่ไม่คิดว่าตัวเองเก่ง ทั้งที่จริงๆ มีความสามารถเยอะในทุกๆ เรื่อง”
LIPS: การเรียนกฎหมายในเชิงจิตวิทยาและอาชญวิทยาที่มหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ทำให้เราเปลี่ยนไปหรือไม่ เช่น สังเกตพฤติกรรมผู้คน ขี้สงสัย สนใจข่าวอาชญากรรม มองโลกแง่ร้ายขึ้น
เบ็คกี้: หนูสังเกตคนมากขึ้น ถึงหนูจะเป็นอินโทรเวิร์ต แต่เดี๋ยวนี้เวลาเจอใคร หนูจะสแกนหน่อยๆ ว่าเขาเป็นคนยังไง โอเคกับเรามั้ย มันได้รึเปล่าที่เราจะสนิทกับเขา หรือเวลาเราเจอสถานการณ์อะไร ข้อกฎหมายต่างๆ จะขึ้นมาในหัวละ เอ๊ะ…นั่นผิดกฎหมาย อ้อ…แบบนี้ถูกต้อง เริ่มเป็น ‘ทนายเบ็ค’ แบบออโตเมติกเลยค่ะ (หัวเราะ)
เวลาเรียนแต่ละหัวข้อ อาจารย์จะให้ case study ประกบมาด้วยค่ะ ต้องอ่านและวิเคราะห์หลายหน้าอยู่ หนูเลยไม่หาข่าวอาชญากรรมอ่านเพิ่ม แต่หนูขี้สงสัยขึ้นมาก ถามว่าทำให้เคร่งเครียดหรือมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นไหม หนูมองว่าต้องหาจุดตรงกลางที่มันพอดีๆ ค่ะ ไม่ใช่ว่าต้องตีความทุกอย่างด้วยกฎหมาย มันเลยไม่กระทบกับหนูในเชิงทัศนคติหรือการมองโลก หนูมีแต่เครียดกับเนื้อหาและการจำข้อกฎหมายมากกว่า
LIPS: อะไรทำให้รู้สึกว่าชีวิตต้องรีบเร่งถึงขนาดทำงานเหนื่อยแล้วทั้งวัน แต่กลับถึงบ้านยังต้องเปิดคอมพ์ตอนตี 1 เพื่อเข้าเรียนปริญญาตรีออนไลน์
เบ็คกี้: บางวันก็ตี 3 ค่ะ หนูรู้สึกว่าทิ้งไม่ได้อ่า…า (ลากเสียง) เป็นแพสชั่นทั้งคู่ หนูเป็นคนที่อยากทำอะไรต้องทำเลย รอไม่ได้ รู้สึกว่าชีวิตคนสั้นมากๆ เราไม่มีทางรู้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ถ้ามีโอกาสต้องทำเลยค่ะ หนูจะไม่มานั่งเสียใจทีหลัง พ่อเคยเล่าว่าตอนเด็กๆ เขาอยากทำนู่นทำนี่ แต่คิดว่าโตขึ้นเดี๋ยวค่อยทำ ปรากฏว่าโตขึ้นก็ไม่มีโอกาสนั้นอีก หนูเลยรู้สึกว่าต้องทำทันที เพราะพรุ่งนี้อาจมาไม่ถึง อีกอย่างหนูเชื่อว่าถ้าเราอยากสื่อสารอะไรกับใครให้พูดออกมาเลย อยากบอกรักใครก็บอกเขาเลยค่ะ เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในเสี้ยววินาที
LIPS: ไปได้ดีกับความเป็น ‘เพอร์เฟกต์ชันนิสต์’ ในตัวเองมากน้อยแค่ไหน หรือมีด้านใดในตอนนี้ที่เรียนรู้แล้วว่าลดๆ ลงหน่อยบ้างก็ได้
เบ็คกี้: ก่อนหน้านี้หนูคร่ำเคร่งกับตารางเวลามาก (เน้นเสียง) เราต้องมีวินัยสุดๆ ในการทำงานและเข้าคลาสเรียน ฉะนั้นถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาใดๆ ระหว่างวัน หนูจะไม่แฮปปี้มากๆ เพราะรู้สึกว่าต้องแพลนชีวิตใหม่หมด รู้สึกเครียดว่าจะต้องทำยังไงต่อ แต่ตอนนี้หนูเปลี่ยนความคิดแล้วค่ะว่าอะไรก็แทรกเข้ามาได้ เราต้องจัดการได้นะ หนูว่าตอนนี้หนูรับมือได้ดีกว่าเมื่อก่อนแล้วนะ (หัวเราะเสียงอ่อน)
LIPS: ความฝันที่นอกเหนือไปจากการเป็นนักแสดง นักร้อง และนักกฎหมาย
เบ็คกี้: ว่ายน้ำกับฉลามค่ะ ที่ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ หรือที่ไหนก็ได้ ปลาฉลามเป็นความสุขของหนู หนูชอบฉลามมากไม่รู้ทำไม ชอบดู ชอบศึกษา หนูสามารถนั่งดูสารคดีเกี่ยวกับฉลามได้ 4 – 5 ชั่วโมง โดยไม่เบื่อเลย ชอบที่สุดคือพันธุ์ Great White สวยแต่อันตรายที่สุด ตอนเด็กๆ หนูชอบไปดูฉลามที่อะควาเรียมนะ แต่โตขึ้นไม่ค่อยไปดูแล้ว สงสารเขา หนูอยากให้ฉลามมีพื้นที่ว่ายน้ำเยอะๆ อยากให้เขาได้อยู่ในธรรมชาติ
“ความท้าทายในวัยนี้คือ หนูอายุแค่ 20 ปี แต่ต้องเจอการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์และไม่สร้างสรรค์ ถึงทำให้เราโตขึ้น แต่ก็เจ็บนะ”
LIPS: ถ้ามีโอกาสได้เป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัว อยากให้เพลงแรกในชีวิตมีเนื้อหาอย่างไร
เบ็คกี้: หนูชอบผลงานของศิลปินที่เขียนเพลงจากความรู้สึก ฟังแล้วมีความรู้สึกร่วม เราร้องไห้กับเขาได้ เราสนุกกับเขาได้ อย่างเทย์เลอร์ สวิฟต์, โอลิเวีย โรดริโก เนื้อหาเกี่ยวกับอะไรยังไม่รู้ แต่ขอเป็นแนวเศร้าหน่อยๆ ฟังแล้วแบบ…หืมม (ทำหน้าเจ็บจี๊ด)
เพลงเก่งที่หนูชอบใช้ประกวดหรือคะ? เพลง Stay ของริฮานน่าค่ะ หนูชอบมาตั้งแต่เด็ก ร้องทุกเวทีแต่ก็ไม่เคยผ่านเข้ารอบ หนูเลยมีปมกับเพลงนี้ จนวันหนึ่งได้จัดงานแฟนมีตติ้งครั้งแรก FREENBECKY FABULOUS FANBOOM 2023 หนูตัดสินใจร้องเพลงนี้ เพราะในอดีตหนูอาจจะถูกปฏิเสธจากเวทีประกวด แต่ตอนนี้หนูอยากให้พี่ๆ หม่ามี้ ฮันนี่ฮันใจได้ฟัง เขาบอกไม่ต้องกลัว หนูทำได้แล้วนะ ตอนนี้หนูเลยสบายใจมากๆ กับการร้องเพลงนี้ เหมือนเราได้ปลดปล่อยความรู้สึก จากที่ตอนแรกในวันนั้นหนูกลัวหน่อยๆ แน่นอนว่าต่อไปหนูจะร้องเพลงนี้อีกค่ะ หนูรักเพลงนี้มากๆ
LIPS: ความท้าทายของผู้หญิงที่ชื่อ ‘เบ็คกี้’ ในช่วงวัยนี้
เบ็คกี้: การหาบาลานซ์ให้ได้ค่ะ เป็นความท้าทายสำหรับหนูในทุกๆ วันเลย บางวันไม่ได้นอนแต่ยังต้องไฟต์ไปทำงาน บางวันทำงานเหนื่อยก็ต้องเข้าเรียน เพราะถ้าไม่เข้าเรียน งานจะเพิ่มขึ้นประมาณนี้ (ทำมือเท่าตึกสูง) ถามว่าเหนื่อยมั้ย…เหนื่อย แต่รักมั้ย…รักค่ะ
และถ้าให้เล่าแบบเรียลๆ เลย หนูรู้สึกว่าความท้าทายในวัยนี้คือ หนูอายุแค่ 20 ปี แต่ต้องเจอความคิดเห็นทั้งที่ดีและไม่ดี ทั้งการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์และไม่สร้างสรรค์ ถึงทำให้เราโตขึ้น แต่ช่วงแรกๆ ก็เจ็บนะ (เสียงอ่อย) มันหนักค่ะ เห็นยิ้มแย้มแต่จริงๆ ร้องไห้มานะ
หนูเคยให้คำแนะนำคนอื่นว่าไม่ต้องสนใจหรอก ทำตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว แต่พอเราโดนเองก็รู้สึกว่า ‘อื้ม…ม มันไม่ง่ายขนาดนั้น’ ในการที่จะบล็อกเอาต์สิ่งลบๆ แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เลยพยายามมองให้เป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับและทำใจให้ได้ แล้วโฟกัสกับคนที่หวังดีกับเราและรักเราจริงๆ ค่ะ
Words: Sasi Akkomee
Photos: Tara Patumnakul
Style: Chris Kanisorn
Nails: In The Garden Nail Spa
MakeUp: Kwankhao Sumalee, Praeskow Sangchai
Hair: GUIDE, Worawalan Permkitpaisarn