Breitling (ไบร์ทลิ่ง) ผลิตและทำตลาดนาฬิกาดำน้ำรุ่น Superocean มาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเปิดตัวรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมแบบเพิ่มตัวเลือกทั้งด้านดีไซน์ การใช้วัสดุ และขนาดที่หลากหลายมากขึ้นในปีนี้ แม้จะดูเหมือนว่าแบรนด์พยายามกลับสู่สามัญโดยอาศัยหลักปรัชญาแห่งความเรียบง่าย ที่นำความคลาสสิกของสไตล์การออกแบบในยุคเริ่มแรกของนาฬิกาดำน้ำรุ่น Superocean Slow Motion กลับมาใช้ก็ตาม
รูปโฉมใหม่ของรุ่น Superocean ได้นำเอาดีไซน์ที่โด่งดังของนาฬิกาดำน้ำ ที่เคยเปิดตัวในทศวรรษที่ 1960-1970 กลับมาอีกครั้ง ชุดเข็มนาทีที่มาพร้อมกับปลายที่มีสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่นี้จะทำงานสัมพันธ์กับขอบตัวเรือนสำหรับการจับเวลา ด้วยขนาดตัวเรือนที่มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ไซส์เล็ก 36 มม. ไล่ไป 42, 44 และ 46 มม. ก็ดูจะเหมาะกับทุกขนาดข้อมือทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ย้อนความหลังนาฬิกา Superocean Slow Motion (ซูเปอร์โอเชี่ยน สโลว์ โมชั่น) ในยุคแรก ๆ กันสักนิด กล่าวคือนักออกแบบของ Breitling ได้ถอดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นต่อการใช้งานออกไป แต่ก็มีการพัฒนาเรื่องของดีไซน์ควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้เพื่อซัพพอร์ตบรรดานักดำน้ำอย่างเต็มที่ สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดเจน คือ การใช้วงแหวนบนหน้าปัดที่มีความเปรียบต่างสูง ถูกนำมาใช้งานร่วมกับสเกลนาทีบนขอบหน้าปัด หลักชั่วโมง และเข็มนาทีทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มีการเคลือบสารเรืองแสงทำให้ง่ายต่อการมองเห็นใต้น้ำนั่นเอง
การสนับสนุนฟังก์ชันอ่านค่าเวลาเป็นรายนาที เพราะนักดำน้ำส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการใช้งานในส่วนเข็มวินาทีมากนัก ทำให้การจับเวลาของนาฬิการุ่นนี้จะโฟกัสไปที่การจับเวลาแบบรายนาที นี่เลยเป็นที่มาที่ไปที่เราเรียกฟังก์ชันแบบนี้ว่า ‘Slow Motion’ เพราะการจับเวลาเต็มรอบหน้าปัด 1 รอบ จะใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง ทำให้ชื่อ Slow Motion ถูกนำมาใช้ในการเรียกขานนาฬิการุ่นนี้นั่นเอง
นาฬิกา Superocean คอลเลกชั่นใหม่นี้เปิดตัวครั้งแรกในงานเทศกาล ‘Wheels & Waves’ ณ เมือง Biarritz (บิอาร์ริตซ์) ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นการย้อนกลับไปสู่การออกแบบนาฬิกาบนพื้นฐานหลักปรัชญาแห่งความเรียบง่ายของนาฬิกา ‘Slow Motion’ ซึ่งได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายขึ้นของผู้สวมใส่ในปัจจุบัน และไฮไลต์ที่ต้องพูดถึงก็คือ การเพิ่มเติม ‘เข็มวินาที’ เข้ามาในฟังก์ชันการใช้งานนั่นเอง
Superocean รุ่นใหม่นี้ถูกปรับปรุงมาเพื่อการใช้งานในท้องทะเลอย่างแท้จริง ด้วยประสิทธิภาพการกันน้ำลึกถึง 300 เมตร (1,000 ฟุต) มาพร้อมกลไกการขับเคลื่อนแบบ Calibre Breitling 17 สามารถสำรองกำลังได้ 38 ชั่วโมง (พร้อมการรับประกันยาวนาน 2 ปี) เราสามารถมองเห็นเข็มนาฬิกา และหลักชั่วโมงได้เด่นชัดด้วยขนาดที่กว้างขึ้น มีการเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® ทำให้การดูเวลาใต้น้ำชัดเจน ขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ทิศทางเดียวทำจาก Ceramic ทนทานต่อรอยขีดข่วน และช่วยให้สีคงทน ไม่ซีดจาง และเป็นเหมือนเกราะกันกระแทกนาฬิกาทุกขนาดตัวเรือน (ขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ 2 ทิศทาง มีเฉพาะในรุ่น 46 มม. ซึ่งที่มีการจดสิทธิบัตรไว้)
ดีไซน์หน้าปัดหลากสีถูกจับคู่กับตัวเรือนโลหะ 3 แบบแตกต่างกัน ทั้งสตีล, สตีล-ทองคำ และบรอนซ์ พร้อมขนาดหน้าปัดที่มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ไซส์ 36, 42, 44 และ 46 มม. โดยแต่ละไซส์ก็มีสีสันหน้าปัดที่แตกต่างกันไป (ใครที่ชอบวัสดุเรียบหรูอย่าง บรอนซ์ จะมีขายเฉพาะขนาดตัวเรือน 42 และ 44 มม.) สายนาฬิกาให้เลือก 2 แบบ คือ สายยางแบบสปอร์ต และสายโลหะแบบสามแถว มาพร้อมตัวล็อกสายแบบบานพับที่สามารถปรับได้อย่างละเอียดสูงสุด 15 มม. เพื่อสวมใส่ง่ายทั้งในชีวิตประจำวันหรือต้องคาดทับอยู่บนชุดดำน้ำ
สำหรับคนที่สนใจ Breitling Superocean รุ่นใหม่ และอยากเป็นส่วนหนึ่งในงานออกแบบที่ผสมผสานอดีตกับฟังก์ชันการใช้งานสำหรับท้องทะเลอย่างแท้จริงนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ไบร์ทลิ่ง บูติก และเคาน์เตอร์ไบร์ลิ่งทุกสาขา รวมถึงในเว็ปไซด์ และออนไลน์สโตร์
#TECHNOLOGY
#BREITLING
#LIPSMAGAZINE