แต่ไหนแต่ไรมาเราเคยมองว่า “คาเวียร์” หรือไข่ปลาสเตอร์เจียนราคาแพงลิบนั้นเหมาะกับอาหารมื้อพิเศษที่เราจะขอสปอยล์ตัวเองในโอกาสเฉลิมฉลองโมเม้นต์สำคัญในชีวิตแต่เมื่อได้ทำความรู้จักกับคาเฟ่ในเรือนกระจกเล็กๆที่แวดแวดล้อมด้วยสวนเขียวชอุ่มรอบบริเวณ Nai Lert Park Heritage Home ที่เล็ก-ณพาภรณ์โพธิรัตนังกูรสร้างสรรค์ขึ้นจากความหลงใหลในไข่ปลาราคาดั่งทองคำอย่างล้ำลึกและอยากให้ทุกคนเข้าถึงคาเวียร์ได้ในทุกๆวันไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบบรันช์ลันช์หรือดินเนอร์เราจึงได้ทำความรู้จักคาเวียร์ในมุมที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นและไม่ได้สงวนสิทธิ์ไว้เฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น
คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดจำนวน 8 ที่นั่งในรูปแบบเคาน์เตอร์บาร์ล้อมสเตชั่นการทำงานของเชฟแห่งนี้จัดมาเพื่อคาเวียร์ เลิฟเว่อร์ โดยเฉพาะ ไฮไลต์ของร้านอยู่ที่การได้นั่งชมเชฟแสดงฝีมือปรุงอาหารอย่างใกล้ชิดในทุกๆ จาน ในด้านการตกแต่งนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ยังดูหรูหรา เติมความรู้สึกอบอุ่นด้วยตุ๊กตา Matryoshka อันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสัญชาติของวัตถุดิบหลักที่นำมาเป็นตัวชูโรงในทุกเมนู
“คอนเซ็ปต์ของทุกๆ ร้านอาหารในเครือนายเลิศเกิดมาเพราะความชอบค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Ma Maison, Lady L และ Caviar Cafe Cafe สไตล์ของร้านอาหารทุกร้านจะเป็นสไตล์อาหารแบบที่ครอบครัวเล็กชอบทานกัน อย่าง Ma Maison จะเป็นเมนูโบราณที่ทานกันมาตั้งแต่สมัยคุณทวด ส่วน Caviar Cafe ที่เกิดขึ้นมาก็เพราะความชอบเช่นกัน และยังไม่เคยเห็นว่า ที่อื่นเขาทำกัน เราไม่ชอบแข่งกับคนอื่นค่ะ ชอบแข่งกับตัวเอง และชอบที่จะเติมเต็มในสิ่งที่เรายังขาดหายอยู่มากกว่า
…ซึ่ง Caviar Cafe ไม่ใช่ร้านอาหารที่เฉพาะเจาะจงว่า เป็นอาหารสัญชาติไหน แต่เป็นอาหารที่ถูกปาก ทานง่าย มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่ง
“ทุกจานจะมีส่วนผสมของคาเวียร์ “โปะ” อยู่บนจานนั้นๆ ต้องขอใช้คำว่า “โปะ” เพราะว่าเราไม่ได้ให้คาเวียร์แค่เม็ดสองเม็ด แต่เราให้อย่างจริงจัง กัดเข้าไปหนึ่งคำแล้วได้รสชาติของคาเวียร์จริงๆ โดยที่ไม่ได้มีรสชาติของอาหารอื่นๆ มากลบ”
…เรามีเมนู 15 เมนูด้วยกัน แต่ละเมนูเป็นเมนูที่เล็กคัดเลือกร่วมกับเชฟ ผ่านการชิมมาแล้วหลายครั้ง เราใส่ใจในเรื่องนี้มาก ภายในลิสต์มีเมนูมีความหลากหลายให้เลือก รสชาติยังคงความเป็นปาร์คนายเลิศ อาจจะไม่มีรสชาติแบบอาหารฝรั่งระดับมิชลิน แต่เป็นสไตล์ Home Cooked ที่ตกแต่งสวยหน่อย แต่อิ่มจริงจัง ให้ portion แบบที่ใจดี บ้านเราจริงจังกับเรื่องอาหารการกินอยู่แล้วค่ะ
…ร้านเราเป็นเหมือน Private Chef’s Table มีที่นั่ง 8 ที่นั่ง ส่วนใหญ่แล้วคนที่มาจะมากันเป็นครอบครัว หรือไม่ก็มา Business Meeting หรือจะมาจัด Private Party ฉลองวันพิเศษ เหมาจองทั้งร้านจัดปาร์ตี้ในกลุ่มเพื่อนก็ยังได้ แต่ถ้ามานั่งทานคนเดียวก็ไม่เขินนะคะ ด้วยความที่เป็นเคาน์เตอร์เรานั่งทานไปแล้วก็สามารถมี Interaction กับเชฟได้ เป็นประสบการณ์ที่ไพรเวท แต่ไม่มีอะไรน่าเกรงขาม มาแฮงก์เอาท์คนเดียวได้โดยไม่ต้องเกร็งค่ะ”
หลังได้รับฟังความเป็นมาของร้านจากเจ้าของที่ลงแรงทำทุกอย่างด้วยความรักและใส่ใจ เราย้ายมานั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ส่วนเมนูของที่ร้านนั้นอย่างที่แจ้งไว้ตั้งแต่ต้นว่า มีคาเวียร์เป็นส่วนผสมในทุกๆ จาน ซึ่งเท่าที่สอบถามจากเชฟแล้ว ข้อจำกัดในการจัดสรรคาเวียร์ไว้กับวัตถุดิบปรุงอาหารนั้นไม่มีแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า คู่แท้ที่มิกซ์แอนด์แม็ตช์กับคาเวียร์แล้วรอดเสมอย่อมเป็นอาหารทะเลทุกประเภท เพราะมีความเค็มอยู่ในตัว แต่ก็ถึงจะนำไปจับคู่กับอาหารประเภทอื่นๆ นั้นก็ไม่ได้ผิดกฎเพียงแต่ต้องทราบกรรมวิธีการปรุงที่ถูกต้องถึงจะสามารถดึงรสชาติให้ส่งเสริมกันได้ดี
เมนูแรกที่เราจะลองทานกันในวันนี้ คือ Marinated Foie Gras with Simmered Daikon เมนูฟัวกราส์ที่เพิ่งคิดมาสดๆ ร้อนๆ จัดวางมาอย่างสวยงามราวงานประติมากรรมแนวเซนที่ตั้งไว้ในสวนแบบญี่ปุ่น ตัวฟัวกราส์ถูกนำไปต้มกับน้ำซุปซีอิ๊วแบบญี่ปุ่นจนเข้าเนื้อ เสิร์ฟมาบนหัวไชเท้าสีทองที่นำไปต้มกับน้ำซุปสูตรเฉพาะนานราว 2 ชั่วโมง รองพื้นด้วยสาหร่ายเนื้อเด้ง ท็อปด้วยคาเวียร์พูนๆ เชฟแนะนำให้ยกฟัวกราส์ลงจากแท่นหัวไชเท้าสีทองก่อน แล้วค่อยละเลียดทานฟัวกราส์ก่อน แล้วจึงเฉือนหัวไชเท้าตามไป เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างย้ายเข้าไปอยู่ในปากเราบอกได้เลยว่า ส่วนผสมชั้นเลิศแทบจะละลายในปากแบบไม่ต้องออกแรงเคี้ยวเลยแม้แต่น้อย ตัวฟัวกราส์มีรสหวานในตัวแบบที่คนไม่ทานเครื่องในสัตว์ทุกชนิดก็สามารถทานได้อย่างเอ็นจอย ยิ่งผสมผสานกับความหอมมันของคาเวียร์ยิ่งทำให้เข้าใกล้นิพพานทางรสสัมผัสไปอีกขั้น มั่นใจว่า จานนี้ต้องเป็นเมนูใหม่ที่ต่อไปคงจะกลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่างแน่นอน
ส่วนใครที่แวะมาทานบรันช์ต้องไม่พลาดเมนู Foie Gras Scramble Eggs ท็อปด้วยคาเวียร์ เสิร์ฟมาในเปลือกไข่รองด้วยจานสีเงินวาววับ ตัว Scramble Eggs มีความหอมของฟัวกราส์ที่นำไปผัดเข้ากับตัวไข่ซึ่งไปกันได้ดีกับความหอมมันของคาเวียร์เหมือนกัน นับเป็นเมนูแนะนำที่ใครมาก็ต้องสั่ง แล้วก็ไม่ผิดหวังเสียด้วยสิ
หรือจะเลือกทานเมนูเบาๆ อย่าง Chicken Consomme Champignon Ravioli Toasts ราวิโอลี่ไส้เห็ดแชมปิญองที่เสิร์ฟมาในซุปไก่ โดยมีคาเวียร์เสิร์ฟมาบนแผ่นขนมปังปิ้งแผ่นกลมขนาดน่าเอ็นดูเป็นเครื่องเคียงก็เป็นเมนูอุ่นเครื่องที่ไม่หนักหนาจนเกินไป
ส่วนเมนูคู่แท้ของคาเวียร์อันที่จริงควรจะเป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยวสดชื่น หรืออาหารดิบที่ไม่ผ่านการปรุงใดๆ อย่าง Salted Tsar – Cut Salmon with Baked Peach เมนูแซลมอนสดที่ผ่านการนำไปหมักกับเกลือนาน 15 ชั่วโมง เพื่อให้เก็บรักษาความสดใหม่ได้ยาวนานขึ้น เสิร์ฟแบบเรียบง่าย เพียงแค่ท็อปด้วยคาเวียร์ โรยผิวเลมอนขูดเป็นฝอยเล็กๆ เสิร์ฟคู่กับซอสซาวครีมเฟต้าชีส และฮอร์สแรดิชซอสที่ให้ความเผ็ดขึ้นจมูกนิดๆ คล้ายกับวาซาบิ เชฟแนะนำให้ทานทุกองค์ประกอบพร้อมกันในหนึ่งคำเพื่อซึมซับรสสดชื่นเหมือนนั่งตากอากาศอยู่ริมทะเล รสเค็มของแซลมอนชิ้นหนาน่ากัดถูกตัดให้กลมกลึงด้วยความมันจากคาเวียร์ ซอสซาวครีม และซอสฮอร์สแรดิช เติมความหวานอมเปรี้ยวด้วยเนื้อพีชหอมชุ่มฉ่ำ เป็นอีกจานที่ทานง่ายและน่าจะถูกปากคนที่ชอบทานปลาดิบสดๆ
Seared Buttered Scallops สแคลล็อปฮอกไกโดที่นำไป Sear พอให้ด้านนอกสุก ข้างในยังคงความสดหวานและให้เท็กซ์เจอร์เด้งเคี้ยวเพลินนั้นก็ไปกันได้ดีกับคาเวียร์พระเอกของร้านเช่นกัน แต่ถ้าอยากทานแบบอิ่มจริงจัง แนะนำให้ลองสั่งเมนูจานหลักที่หนักแน่นอย่าง สเต็กเนื้อท็อปด้วยคาเวียร์เสิร์ฟคู่กับมันบด ที่ท้าทายความสามารถของเชฟในการจับคู่กับคู่ที่ดูเหมือนไม่น่าจะเข้ากันได้ แองเจิ้ลแฮร์ทรัพเฟิลครีมซอสที่เสิร์ฟมาในแก้วค็อกเทลสวยเก๋ก็เข้าท่าน่าลิ้มลอง
มาถึงของหวานที่ถึงแม้จะไม่มีส่วนผสมของคาเวียร์แต่ก็ไม่ควรข้าม เราได้ลองเมนูใหม่แกะกล่องที่มีชื่อเรียกว่า Homemade Matcha Nama Chocolate แต่เท่าที่ได้ชิมนั้นบอกได้ว่า เป็นเมนูมัจฉะช็อกโกแลตบาร์ที่ให้รสชาเขียวเข้มข้นถึงใจ มาพร้อมกับฐานที่เป็นครัสต์กรุบกรอบเติมเท็กซ์เจอร์ให้เคี้ยวสนุกยิ่งขึ้น เสิร์ฟมาใน portion ที่แชร์กับเพื่อนได้พออิ่มกันถ้วนหน้า เพราะมาแบบ 3 บาร์ในหนึ่งจานแบ่งกันทานง่ายๆ ไม่ต้องแย่งกันให้วุ่นวาย
จบมื้ออาหารแล้วหากอยากไปเดินเล่นชมสวนสวยๆ เลือกจิบน้ำชากาแฟต่อในร้านข้างเคียงอย่าง Lady L หรือจะเดินลึกเข้าไปด้านในริมสระน้ำใกล้ตัวบ้านโบราณ Nai Lert Park Heritage Home แวะดื่มกาแฟโบราณใส่เนยรสหอมมันสูตรเฉพาะของร้านสมันเตา กาแฟโบราณ ที่เสิร์ฟเมนูอาหารเช้าแบบไทยดั้งเดิมตลอดทั้งวัน ก็จัดว่าเป็นไอเดียที่ดีทีเดียว
Caviar Cafe
ซอยสมคิด ถนนเพลินจิต, กรุงเทพฯ
โทร. 09 7146 2847
┃ Photography : Somkiat K.