DELETE ซีรีส์ไทยเรื่องใหม่ที่จะได้ออกสู่สายตาผู้ชมกว่า 190 ประเทศทั่วโลก นำทัพโดย 4 นักแสดง ผู้เป็นโฉมหน้าของคอนเทนต์ Made in Thailand ที่มีดีทั้งความสามารถและความทุ่มเทเกินร้อย
ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ ในบท ทู เจ้าของไร่กับครอบครัวที่เต็มไปด้วยความหลังที่เป็นความลับ
ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา กับบท ลิลลี่ ภรรยาของทูที่ใช้พลังชีวิตไปกับการคิดหาทางหายตัวไปจากชีวิตของสามี
นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต แสดงเป็น เอม บรรณาธิการเว็บสื่อออนไลน์และนักจัดพอดแคสต์ผู้ดูเหมือนประสบความสำเร็จ
ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง รับบทเป็น อร คนรักของเอมที่ใช้ชีวิตโคจรรอบชีวิตของชายคนรัก โดยที่เขารักเธออยู่หรือ…ก็เปล่า
ดูเผินๆแล้ว DELETE คือเรื่องราว 2 คู่ชื่นชุลมุน ถ้าไม่มีมือถือกับฟังก์ชั่นประหลาดที่ทำให้ความคิดที่ว่า “อยากให้คนๆนี้หายไปจากชีวิตจังเล้ย” ไม่ใช่แค่ความคิด
ผลงานของสองทีมเจ้าคอนเทนต์ GDH – NETFLIX และงานกำกับนานๆทีของ โอ๋-ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ผู้เคยฝากผลงานที่พัวพันกับกล้องเก็บความทรงจำในหนังเรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ แต่ครั้งนี้กลับมากับ DELETE ซีรีส์ที่จะทำให้คุณกดปุ่ม Next Episode แบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง
*** บทสัมภาษณ์นี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน
LIPS: เข้ามาสู่โลกของซีรีส์ DELETE กันได้อย่างไร
ออกแบบ: ผู้กำกับส่งบทอรมาให้ ซึ่งบทสนุกมากๆ อ่านแล้ววางไม่ลง แค่เราอ่านแล้วเรายังไหลไปกับคำในบทได้ แปลว่าคนดูก็น่าจะสนุกมากเช่นกัน
ฟ้า: ตอนอ่านบทลิลลี่ เรารู้สึกว่าทำไมเขาเป็นคนแบบนี้ คบซ้อน ทำไมทำแบบนี้ มีคำถามมากมายในหัว เราไม่เข้าใจตัวละครนี้เลย แต่ด้วยความที่ผู้กำกับเป็นพี่โอ๋ และซีรีส์เป็นแนวทริลเลอร์ เราเริ่มสนุกว่าตัวละครแบบนี้อยู่ในแนวทริลเลอร์ แล้วจะออกมาเป็นยังไง มันน่าจะสนุกนะ เราไม่ค่อยเห็นแนวนี้ในสื่อบันเทิงไทย แถมยังมีมือถือที่ลบคนได้อีก ดูวุ่นวายไปหมด แต่ก็เพราะลิลลี่คือต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมด
นัท: ผมไปแคสต์ 2 รอบ รอบแรกโดนพี่โอ๋ไล่กลับบ้าน ตอนนั้นจังหวะเวลายังไม่ห่างจากงานที่ผมเพิ่งถ่ายเสร็จไปมากนัก เรายังติดวิธีการบางอย่างของตัวละครเดิมมาซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับตัวละครเอมใน DELETE ก็เลยโดนไล่กลับบ้าน เราก็กลับไปทำการบ้าน ได้ข้อมูลของตัวละครเอมมากขึ้น เริ่มเห็นความวุ่นวายซับซ้อนของเรื่องราว เราเตรียมตัวใหม่ไปตามบท ผมไม่แน่ใจว่าทำไมเขาให้กลับไปแคสต์อีกครั้ง พี่โอ๋หาใครมาเล่นไม่ได้หรือเปล่า (หัวเราะ)
ไอซ์: พี่โอ๋โทรมาชวนให้เล่นบททู เล่าเรื่องราวให้ฟัง ตั้งแต่เริ่มจนจบ เราถามตลอดว่าคนนี้เป็นยังไง เรื่องเป็นยังไงต่อ เราสนใจมือถือที่ค่อยๆเฉลยตัวตนออกมาในแต่ละตอน มันน่าสนใจมาก แค่ฟังผู้กำกับเล่าเรื่องก็ตอบตกลงเลย ยังไม่ได้อ่านบทด้วยซ้ำ พอได้บทมาจริงๆ ผมอ่านแบบวางไม่ลงเลย ไปเข้าห้องน้ำก็ถือบทไปด้วย มันสนุกมาก ตอนนี้จบ เราก็เปิดตอนใหม่อ่านทันที
LIPS: เราเล่นเป็นตัวละครโดยมีภาพอะไรในหัว คือทูทำให้เรานึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา แม้ว่าตัวทูจะไม่ได้อยู่ในฉากนั้นก็ตาม แค่คนพูดชื่อเขา เรารู้สึกถึงเงาดำทะมึน ส่วนเอมกับลิลลี่ทำให้เรานึกถึงกระจกสั่นๆที่พร้อมจะแตกตลอดเวลา ขณะที่อร ภาพลูกข่างในฉากสุดท้ายของหนัง Inception วาบเข้าในหัว เขาอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่าจะได้ไปต่อหรือล้มครืน
ไอซ์: ผมมองตัวละครจากมุมของตัวเองก่อน และเราอยากได้ Input จากทีมงานฝ่ายอื่นๆเพิ่มว่าเขามองเห็นตัวละครทูอย่างไร ก็ไปคุยกับทีมเขียนบท ผู้กำกับและทีมครีเอเตอร์ ผู้อำนวยการสร้าง เอาความคิด 3 ฝ่ายนี้มารวมกันแล้วสร้างเป็นตัวละครทูขึ้นมา เราใส่สิ่งที่เราไปวิเคราะห์และทำการบ้านมาด้วย
LIPS: ทูเหมือนเซารอนใน LORD OF THE RINGS มีรังสีอำมหิตดำข้นแผ่ออกมาจากตัว แค่ทูนั่งบนหลังม้าริมทะเลสาบ ทุกอย่างนิ่งสงบ ทูนั่งหลังค่อมหน่อยๆ กำลังขบคิดอะไรบางอย่าง เห็นแค่นี้ก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว กลัวสิ่งที่ทูคิดและกำลังจะทำ ยากไหมกับการซึมซับพลังความเป็นทู
ไอซ์: เราทำการบ้านกับบทมาประมาณหนึ่ง แล้วไปลงโลเกชั่นจริง ซึ่งทีมงานหาสถานที่เก่งมาก บวกกับทีมโปรดักชั่นที่ออกแบบฉาก อย่างในบ้านของทู การจัดวางข้าวของต่างๆทำให้เราอินกับความเป็นทูได้ดีขึ้น เราเข้าไปซึบซับกับสถานที่ว่านี่คือบ้านของทูนะ เขาใช้ชีวิตอย่างไร แล้วผมกับฟ้าได้ไปถ่ายรูปพร็อพเพื่อใช้ประกอบฉาก ตอนนั้นแหละที่เราได้เจอกับตัวละครในสถานที่จริง บวกกับผู้กำกับภาพที่ทำให้ทูกับลิลลี่ได้มาอยู่ในเฟรมเดียวกัน ความน่ากลัวของทูเกิดจากหลายๆทีมทำงานร่วมกัน
LIPS: บ้านก็คือตัวละครหนึ่ง อย่างบ้านของทูกับลิลลี่ดูน่าอึดอัด ไม่อบอุ่นเลย ส่วนบ้านของเอมกับอรที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และแก็ดเจ็ดเก๋ไก๋ในบ้านสไตล์โมเดิร์น แต่เหมือนไม่เคยมีมนุษย์อยู่ มันอ้างว้างแห้งแล้งเหมือนบ้านตัวอย่าง
นัท: มันคือแก่นจริงๆของเอมเลยครับ เขาเดินมาเจอทางแยกระหว่างเอมกับอร ถ้าพูดในมุมที่เห็นแก่ตัวที่สุดของเอมคือ ลิลลี่กับอรให้ในสิ่งที่แตกต่างกันกับเอม ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เขาก็เลือกอร แต่พอถึง ณ จุดหนึ่ง เขารู้สึกอย่างจริงใจว่าไม่ได้เลือกอรแล้ว เขาเลือกลิลลี่ แต่ตัดสินใจเลยไม่ได้ เพราะมีบรรทัดฐานความถูกต้องทางจริยธรรมค้ำคอ การมาของแก็ดเจ็ท DELETE มันเอื้อให้เขาข้ามเส้นศีลธรรมนั้น ผมรู้สึกว่าความน่าสนใจของตัวละครเอมคือ เขามีความอยากจะข้ามเส้นในตัวอยู่แล้ว เหมือนเราอาจจะแค้นใครบางคนมากๆจนอยากจะฆ่า แต่เราทำไม่ได้เพราะมีเส้นศีลธรรมกั้นไว้ แต่แล้ววันหนึ่งมีเครื่องมือชิ้นนี้มาทำให้เราก้าวข้ามเส้นนั้นไปได้โดยไม่ผิด มันคือคำถามที่น่าสนใจสำหรับ ในความไม่แน่ใจของตัวละครว่าจะก้าวไปทางซ้ายหรือขวา หรือจะไปทางไหนดี แล้วเขาก็มาเจอกับตัวละครลิลลี่ที่ทั้งสองจับมือกันจะไปทำเรื่องยากๆด้วยกัน มันเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อความรักครั้งใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะนำไปสู่อะไร มันดูเยอะไปหมด จัดการอะไรไม่ได้สักเรื่อง คุยกับอรก็ยังไม่เสร็จ จะไปต่อกับลิลลี่ยังไง
LIPS: นัทแสดงความไม่แน่ใจเหล่านั้นออกมาได้หมดเลยนะ โดยใช้แค่สายตาอย่างเดียวเลย เอมพยายามประคับประคองใช้ชีวิตไปให้เหมือนเดิม ไปทำงานเป็นบก. จัดพอดแคสต์เก๋ๆคูลๆ แต่สายตาหวั่นไหว ไม่แน่ใจและใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา
ไอซ์: จริงนะครับ เวลาผมเข้าฉากด้วย สายตานัทจะเปลี่ยนไปเลย ต่างจากนัทนอกฉาก แววตาเขาบอกทุกอย่าง
LIPS: ฟ้าล่ะ มองตัวละครลิลลี่อย่างไร
ฟ้า: เขามีความกลัว กดดัน ถูกควบคุม อยากมีอิสระ แต่ไม่ได้เลือกวิธีที่ดีที่สุด ลิลลี่ตัดสินใจทำอะไรเฉพาะหน้าไปก่อนจริงๆ โดยที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง เพราะถูกกดดันไปหมดทุกทาง จากสภาพแวดล้อมรอบตัวและความกดดันจากสังคมด้วย เขาเลยตัดสินใจทำหลายๆอย่างไป ณ ตอนนั้น แล้วเดี๋ยวจะเกิดอะไรตามมาก็ค่อยไปแก้เอา ซึ่งมันไม่เมกเซนส์เลย แต่พอเราแสดงเป็นเขาไปเรื่อย เราเริ่มเข้าใจว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น กับการที่คนๆหนึ่งจะตัดสินใจทำอะไรคงไม่ใช่เพราะถูกกดดันจากสถานการณ์ตรงหน้าหรอก แต่สะสมมาเรื่อยๆ ถูกเก็บมานานแล้ว แล้วมันระเบิดออกมาในจังหวะเวลาที่ถูกบ้าง ผิดบ้าง
LIPS: อรคือคนที่ซวยสุดในเรื่องนี้ คือฉันรักเอม ดีกับเอม ใช้ชีวิตไปตามครรลอง สุดท้าย อ้าว เขาไปรักคนอื่น
ออกแบบ: ตัวละครอรไม่มีใคร ชีวิตมีแค่แม่กับเอม แล้วเอมมาก็ขอเลิกอีก อรเป็นคนที่อยู่ได้เพราะความรัก นี่คือสิ่งเดียวที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ ต่อให้คนรักจะทำผิด 99 เปอร์เซ็นต์ แต่อรยังหวังว่า 1 เปอร์เซ็นต์นั้น เอมจะกลับมารักอร เราทนเขาได้ทุกอย่าง ต่อให้เขาเป็นคนที่หลอกลวงคนทั้งโลก เขาจะแย่แค่ไหนก็ตาม อรให้อภัยทันที รัก หวง ไม่อยากให้ไปไหน เหมือนความรักคือศาสนา
นัท: ฟังแล้วรู้สึกตัวเองแย่มากเลย
LIPS: แต่ละคนมีประสบการณ์อะไรบ้างที่เกี่ยวกับคำว่า DELETE
ไอซ์: ลบรูปในมือถือครับ โดยตั้งใจว่ารูปนี้เป็น 1 ใน 30 รูปที่ถ่ายมา เราจะเลือกแค่รูปเดียวและลบอีก 29 รูปที่เหลือ
LIPS: แต่ไอซ์ก็ได้ลบบัญชีไอจีไปแล้ว และตอนนี้ก็ไม่เล่นไอจีด้วย
ไอซ์: แต่ผมถ่ายรูปเก็บไว้ดูเอง ที่ผมลบไอจีมีหลายคำตอบมากเลย (คิดนาน) เอาเป็นว่าการไม่เล่นจะดีต่อตัวผมเองมากกว่า และไม่แน่ใจว่าจะกลับไปอีกเมื่อไร
นัท: ลบไฟล์งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะบางทีเราเอามาใช้งานได้ แต่ผมโรคจิต ผมลบไฟล์ เคลียร์ทิ้ง ทำให้พอจะใช้งาน มันก็ถูกลบไปแล้ว เราแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างบนเดสท์ท็อปเครื่องแม็กแล้วค่อยลบ
ฟ้า: ลบรูป ลบแอปในมือถือ โดยเฉพาะตอนที่ไปไหนแล้วไม่มีไว-ไฟก็จะนั่งลบรูปในมือถือ รู้สึกว่าไม่ควรมีเยอะเกิน 3,000 รูป (ไอซ์ผู้ไม่มีไอจีร้องอู้หู)
ออกแบบ: อะไร! เรามีตั้ง 20,000 รูป ลบยังไงดี
ฟ้า: ชอบให้มีรูปน้อยๆ เราจะได้ย้อนกลับไปดูรูปเก่าๆได้เร็วขึ้น
ออกแบบ: รูปเก่านี่ลบยากนะ หลายคนซื้อมือถือใหม่ไปเลย ออกแบบก็ไม่ลบรูป ตอนเล่นหนังฮาวทูทิ้งก็ตรงกับตัวเองนะที่เป็นคนไม่ทิ้งอะไร นานๆที 3-4 ปีจะทิ้งสักครั้ง แต่ทิ้งทีก็กวาดหมดเลย อะไรที่เราไม่ได้แตะเลย 2-3 ปีก็แปลว่าเราไม่ได้มันแล้วละ ถึงเวลาส่งต่อให้คนอื่น
LIPS: ลบ ลืม เลือน แอ็กชั่นใดที่เกิดขึ้นกับคุณบ่อยครั้งที่สุด
ฟ้า: ลบคือทางเลือกสุดท้าย ต้องไปสุดทางแล้วจริงๆถึงเลือกทางนี้ ตัวละครลิลลี่ผ่านทุกสเตจ ทำเป็นลืม ทำเป็นเลือนๆ มาตลอด มีแวะหยุดคิด อยู่ในภาวะไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี สุดท้ายเขาโดนผลักไปสุดทางจนต้องกดปุ่มลบ
นัท: ผมเชื่อว่าคนเราคิดแฉลบออกอยู่แล้ว เดี๋ยวเตะเลย เดี๋ยวทำนั่นทำนี่ใส่เลย แต่เราไม่ทำ เพราะมีเส้นศีลธรรมที่เราไม่กล้าข้าม แต่ถ้ามีเครื่องมือบางอย่าง เช่น มือถือเครื่องหนึ่งที่แค่กดปุ่ม คุณลบคนที่คุณอยากให้หายไปเลยได้ คำถามคือ คุณจะทำหรือเปล่า การลบต่างจากการที่คนหนึ่งๆหายตัวไปเลย มันมีผลที่ตามมาอีกเยอะ มันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะไม่มีเชื่อมโยงกับใครอื่น แม้แต่คนที่เลวที่สุดก็ยังมีพ่อแม่ หรือในเรื่อง เอมก็ไม่ได้เป็นคนดี แต่เขายังมีอร ผมเชื่อว่าในหน่วยที่เล็กที่สุด เราก็ยังมีคอนเน็กชั่นกับอะไรบางอย่าง ซึ่งมันทำให้เราลบใครไม่ได้หรอก เพราะจะเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาแน่นอน
ออกแบบ: ลบเหมือนหนี ถ้าเรากด Pause มันก็แค่จังหวะให้หยุดพักหายใจ เลือนคือภาวะสับสน จะ YES หรือ NO จะเดินหน้าไปลบหรือจะกลับไปแก้ปัญหา
ไอซ์: ผมคิดว่าการทำให้คนๆหนึ่งหายไปน่ากลัวกว่าการไปฆ่าเขาเสียอีก เพราะถ้าเราทำให้คนๆหนึ่งหายไป มันไม่มีหลักฐาน แต่ความรู้สึกที่เราไปทำสิ่งนั้นกับคนอื่นยังอยู่กับเรา มันไม่มีการชดใช้ด้วย เราต้องแบกความรู้สึกนั้นไป แล้วถ้าเกิดมีคนมาตามหาคนที่เราทำให้หายไปอีก มันมีหลายความรู้สึกมาก ต่างจากถ้าเราไปฆ่าใครตาย มีหลักฐานคือศพ มีตำรวจ มีการรับผิดชอบความผิด
นัท: ตัวละครในโลก DELETE ก็ตั้งคำถามถึงการมีอยู่จริงของเครื่องมือลบคนให้หายไป ตอนแรกไม่มีใครเชื่อหรอกว่ามันจะมือถือ DELETE อยู่จริง มันใช่เหรอ มันทำได้หรือ ถ้าเราได้ยินเรื่องนี้ในชีวิตจริง เราคงถามเหมือนกันว่า บ้าป่าว ไปกินอะไรมา ส่วนตัวผมชอบไฮคอนเซปต์ของเจ้ามือถือ DELETE ที่มันดูเหนือจริง แต่มันเข้ามาอยู่ในโลกจริง ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีปฏิกิริยาต่อเครื่องมือชิ้นนี้แตกต่างกันไปต่างๆนานา อย่างคนที่มีประสบการณ์ลบมาแล้ว ก็จะรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นจริงได้ ส่วนเอมก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ จะเกิดขึ้นได้ยังไง ตัวละครอื่นๆที่มาหยิบมือถือเครื่องนี้ก็น่าสนใจว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร และจะทำอะไรกับมันต่อไป
LIPS: อรน่าสนใจตรงที่อยู่กับแม่ที่เป็นอัลไซเมอร์ ซึ่งความทรงจำโดนลบไปเรื่อยๆ เหลือแต่ร่างกายที่ไร้ความทรงจำ
ออกแบบ: ถามว่าเขายังเป็นแม่เราคนเดิมอยู่ไหม เรายังรู้สึกว่าเขาคือแม่ แต่ต้องรับรู้ในความเป็นจริงว่าแม่จำเราไม่ได้ มันเศร้ามากๆ เราไปคุยกับคนที่อยู่กับผู้ป่วยอัลไซเมอร์มาเยอะมาก (ถอนใจ) ชีวิตเขาเศร้ามากนะ บางคนมีแม่ที่ลืมลูกไปแล้ว แต่ว่าลูกอยู่ตรงหน้า เหมือนตัวละครที่เราเล่น ในเรื่องแม่จะถามหาลูกตลอดว่า อรไปไหน เมื่อไรอรจะมาเยี่ยม แต่อรมาหาแม่ตลอด อรก็นั่งอยู่ตรงนั้น เรารู้ว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ในความมีชีวิตของเขา ไม่มีเราแล้ว
ไอซ์: สลับกับคนที่ถูกลบในเรื่อง ตัวเขาถูกลบไป แต่เขายังมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของคนอื่น
LIPS: คอนเซปต์ซับซ้อนมาก ซีรีส์ไทยทำได้ และเราเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์แบบนี้ด้วย
ไอซ์: ผมรู้สึกดีและดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้ เป็นการร่วมมือกันของ GDH กับ NETFLIX ที่ช่วยซัพพอร์ตในทุกด้าน และเป็นแพลตฟอร์มที่จะส่งเรื่องราวที่พวกเราทำออกไปให้คนทั่วโลกได้ดูกัน ผมดีใจมากๆ เพราะเรารู้ว่าทีมงานทุกคนช่วยกันเข็นโปรเจกต์นี้แบบสุดตัวจริงๆ หวังว่าคนจะได้เห็นฝีมือคนไทย
นัท: ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้สึกเพิ่มขึ้นไปพร้อมกันก็คือภาระ แต่ไม่ใช่ทางไม่ดีนะ เป็นภาระความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่แสดงให้ดี เราก็ทำเต็มที่ในหน้าที่ที่อาจจะมีประโยชน์ในภาพกว้าง มันอาจจะถึงเวลาแล้วที่เราจะทำคอนเทนต์ดีๆ ช่วยกันหันสปอตไลต์ไปหาบุคลากรในอุตสาหกรรมบันเทิงที่ไม่ใช่แค่นักแสดง ยังมีคนเบื้องหลังเราอีกมากมายมหาศาลที่เราพูดกันในเรื่องนี้ได้อย่างภูมิใจ อย่างที่เราพูดถึงทีมเซตดีไซน์ และทุกๆทีมที่ทำงานกันมาอย่างหนักมาก เพื่อให้เราเดินเข้าไปแล้วรู้สึกปลอดภัย เพื่อจะให้เราทำงานแสดงออกมาได้ดีที่สุด แน่นอนว่าผมดีใจ ภูมิใจและยินดีจะรับหน้าที่ความรับผิดชอบนี้
ผมไม่เคยอยากให้ DELETE เป็นซีรีส์ที่ดีที่สุด ผมอยากให้มันเป็นจุดเริ่มต้น และหลังจากนี้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยจะยิ่งแข็งแรง ทำให้คนอยากจะมีผลงานดีๆอย่าง DELETE ออกมาอีกเยอะๆ ทำให้ระบบนิเวศน์นี้อุดมสมบูรณ์ ผมคิดว่าน่าจะใกล้เวลานั้นแล้ว ตอนนี้กำลังสุกงอมเลย
ออกแบบ: มันคือ ‘ทีของไทย’ ที่จะได้ส่งคอนเทนต์ดีๆออกไปสู่สายตาชาวโลกกว่า 190 ประเทศ เราเล่นโปรเจกต์กับเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ต่อจาก HUNGER เราภูมิใจกับทุกโปรเจกต์ที่เราเป็นส่วนเล็กๆ ซึ่งทุกงาน ทีมงานทำงานกันอย่างพิถีพิถันมากจริงๆ เขาคิดทุกอย่างและเขาเคารพคนทำงานสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่นักแสดงต้องทำสมาธิก่อนเข้าฉาก ทีมงานก็ย่องเข้ามาในห้องแบบเงียบที่สุด เพราะอยากให้นักแสดงมีสมาธิที่สุด น่ารักมากๆ
ไอซ์: คือเวลานักแสดงเล่นซีนอารมณ์ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้นักแสดงเล่นไป แล้วกล้องก็ถ่ายไป จบ แต่มันมีกระบวนการมากมาย ซึ่งพอกระบวนการได้รับความเคารพจากทีมงานทำให้เรามีพื้นที่ที่ค่อยๆหาอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งทีมกล้อง ทีมไฟและทีมอื่นๆก็ต้องไปเซตฉากอื่นต่อเหมือนกัน ผมคิดว่าการทำงานโปรเจกต์นี้ สิ่งที่ทุกคนได้มาคือเวลาและความเคารพในอาชีพของกันและกัน
ออกแบบ: มันคือซีรีส์ที่คราฟต์มากๆ เราอยากให้ทุกคนได้ชม เพราะเราภูมิใจในสิ่งที่เราทำ เราถึงได้พูดว่านี่คือทีไทย
ฟ้า: เราว่าเป็นความตื่นเต้นด้วยที่จะได้เห็นผลงานของเรา เป็นงานของคนไทย เราแบกรับความตั้งใจของทีมงานทุกคนและทั้งอุตสาหกรรมบันเทิงไทย เพื่อจะพาผลงานของคนไทยออกไปให้คนอื่นเห็นบ้าง เพื่อจะมองผ่านสายตา ผ่านแว่นอื่นๆ ให้คนอีกหลายๆวัฒนธรรมได้เห็นว่าคนไทยทำได้ ฟ้าตื่นเต้นมากว่าเขาคิดจะอย่างไร จะชอบหรือเปล่าหรือเขาไม่ชอบตรงไหน เราดีพอหรือยังที่เขาจะเปิดรับ เป็นความท้าทายด้วย และในมุมหนึ่งก็เป็นความรับผิดชอบ เหมือนเราเป็นตัวแทนหมู่บ้าน เราอาจจะเป็นโปรเจกต์แรกๆที่เริ่มก้าวไป ฟ้าคิดว่าเป็นเรื่องดีนะกับการก้าวไปข้างหน้า อาจจะไม่ต้องเป็นซีรีส์ที่ดีที่สุด แต่เราได้พาซีรีส์ไทยดีๆอีกเรื่องให้คนได้ดูกัน
ไอซ์: ผมตื่นเต้นมากเลยนะ เพราะผลงานเรื่องสุดท้ายก็น่าจะเมื่อ 3 ปีก่อน
นัท: ตอนนี้ผมก็ยังทำงานสถาปนิกควบคู่ไปกับงานแสดง เหมือนคบซ้อนอรกับลิลลี่ งานสองอย่างนี้ให้สิ่งที่เราต้องการกันคนละอย่าง เลยเลือกไม่ได้ เหนื่อยมาก แต่ก็ชอบ งานแสดงมาเรื่อยๆเลยด้วย อั้นมาช่วงโควิดด้วย หลังโควิดเลยได้เห็นงานกันต่อเนื่อง เรื่องต่อไปต่อจาก DELETE เป็นแนวรอมคอม ผมไม่เคยรับบทตลกเลย ตอนนี้เลยดูตลกคาเฟ่ตลอด
ฟ้า: ฟ้าเองมีช่วงที่หยุดทำยูทูบไป อยากให้ตัวเองว่างบ้าง เราทำงานมาตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นยูทูเบอร์ก่อนคนอื่น เราเลยอยู่ตัวนะตอนที่ยังทำยูทูบอยู่ พอลองว่างแล้วก็ได้รู้ตัวว่าไม่ชอบว่าง (หัวเราะ) ตอนที่ทำช่องยูทูบก็สนุกกับงานมากๆ ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย เราไม่ได้แข่งขันกับคนอื่นด้วย เพราะเราทำอย่างที่เราชอบ ซึ่งก็ทำมาเยอะมากๆแล้ว อยากหาว่าตัวเองชอบอะไรอื่นอีกไหม ก็มาเจองานแสดง ซึ่งชอบนะ เป็นก้าวใหม่ของเรา
Words: Suphakdipa Poolsap
Photos: Somkiat Kangsdalwirun