Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Culture / Dining

Eating Out : The Allium Bangkok

ฉลองสถานการณ์คลี่คลายด้วย French Fine Dining สุดละเมียดละไมที่ The Allium
Culture / Dining

ในที่สุดรัฐบาลก็ประกาศให้ร้านอาหารเปิดบริการได้ตามปกติ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หลังจากอัดอั้นอุดอู้สั่งแต่อาหาร Delivery มานานนับเดือนเราก็ได้ฤกษ์เปิดตัวมื้อแรกนอกบ้านอย่างหรูหราสมฐานะที่ The Allium Bangkok ชั้น 3 โรงแรม The Athenee ร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย นำทีมโดยเชฟร็อกซานแลงจ์เชฟสาวไฟแรงจากเนเธอร์แลนด์ผู้สั่งสมประสบการณ์จากร้านอาหารระดับมิชลินหลายแห่งในยุโรปรวมทั้งยังเคยเป็นผู้ช่วยเชฟมิชลินเชฟเฮงก์ซาเวลเบิร์กผู้โด่งดัง

     เราก้าวผ่านประตูสีแดงสดบานสูงใหญ่เข้าไปพบกับร้านหน้าตาทันสมัย ที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของยุค Art Deco ที่ตัดทอนความเว่อร์วังอลังการจนเหลือไว้เพียงความหรูหราที่กำลังพอดิบพอดี พื้นที่ภายในกว้างขวาง มีบาร์เครื่องดื่มที่มี selection ดริ๊งก์ต่างๆ เรียงรายเต็ม shelf ด้านหลัง ครัวแบบโอเพ่นเปิดโล่งให้เห็นการทำงานของเชฟสาวและทีม ซึ่งเราเลือกนั่งโต๊ะไม้ยาวขนาดใหญ่ที่มองเห็นการทำงานภายในครัวได้สะดวก หากใครต้องการความเป็นส่วนตัวสามารถจองห้องไพรเวทที่ให้บรรยากาศเหมือนห้องรับแขกที่ทั้งหรูหราและอบอุ่นด้วย ถ้าหากอยากจัดปาร์ตี้สเกลใหญ่หน่อยบริเวณชั้นสองของร้านก็สามารถเป็นที่รับรองแขกราวๆ 30 ที่ได้สบายๆ

Garden

     เราเริ่มต้นเปิดคอร์ส Memories (สนนราคา 3,280 บาทต่อคน) ด้วย Amuse Bouch ที่มีชื่อว่า Garden เมนูเรียกน้ำย่อยจานน้อยๆ ที่เขียวชอุ่มราวกับสวนหย่อมเล็กๆ รายล้อมด้วยพื้นหิน ภายในสวนหย่อมแห่งนี้ประกอบไปด้วยถั่วลันเตาหวาน บล็อกโคลี่ ปรุงรสด้วยครีมถั่วหวาน เลมอนเจล ซอสเพสโต้ เพิ่มเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบจากพาเมซาน คริสปี้ หอมมัน ไม่เพียงแต่จะเป็นสวนที่เต็มไปด้วยไม้ใบสีเขียวสบายตา แต่ยังมีดอกไม้ดอกน้อยๆ ตกแต่งไว้เพื่อเพิ่มสีสันให้ชวนมอง

 Sea

     Sea เมนูถัดไปที่จำลองรูปลักษณ์ของเปลือกหอยอันน้อยๆ มาได้อย่างแนบเนียน แถมรสสัมผัสยังนุ่มนว พอนซึรสสดชื่น เสิร์ฟมากับค็อกเทลซอส โรยหน้าด้วยไข่แซลมอนสีส้มอร่ามตา ทั้งหมดที่ว่านี้ซ่อนตัวอยู่ในแป้งบางอบกรอบรูปเปลือกหอยที่ลอกเลียนแบบธรรมชาติได้แนบเนียน และยังช่วยเสริมเท็กซ์เจอร์ให้อาหารจากท้องทะเลจานนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Land

     ขึ้นบกมาเข้าป่าไปกับ Land เมนูที่มาในภาชนะไม้ และเสิร์ฟมาพร้อมกันเป็นคู่ เราเริ่มทานตัวที่หน้าตาคล้ายไอศกรีมโคนอันจิ๋วเสิร์ฟมาในกล่องไม้รายล้อมด้วยลูกสน เปลือกไม้หลากชนิดที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ ภายในโคนอันเล็กๆ พอดีคำบรรจุไอศกรีมตับไก่ออร์แกนิกเนื้อเนียนปราศจากกลิ่นคาว มีบีทรูทชิ้นเล็กๆ และ  Balsamic Caviar ท็อปไว้ด้านบนให้รสชาติที่เป็นธรรมชาติเหมือนได้สูดกลิ่นอายดินในป่าที่ชุ่มฝน ก่อนจะเดินทอดน่องไปยังล็อกเคบินในป่าใหญ่ที่เสิร์ฟเมนูแก้มหมูซอส Piccalilli ตกแต่งด้วย เบคอน และ Iberico Ham คำเล็กๆ เสิร์ฟมาบนขอนไม้อันพอเหมาะ

Cocollos Oyster & Osciestra Caviar

     วกกลับไปดำดึ่งสู่ท้องทะเลลึกกับเมนูที่ “ว้าว!” จนต้องรีบหยิบสมาร์ทโฟนออกมาถ่ายคลิปลงสตอรี่ นั่นก็คือ Cocollos Oyster & Osciestra Caviar ซึ่งเชฟร็อกซานเลือกใช้นางเอกของจานเป็นหอยนางรมสายพันธุ์จากไอร์แลนด์ที่มีเท็กซ์เจอร์ละมุนลิ้น รสไม่เค็มโดด เปรียบเสมือนดวงจันทร์อันงดงามบนท้องฟ้ายามราตรี ปรุงรสด้วยน้ำแอปเปิ้ลเขียว ตกแต่งด้วย Daikon, Fennel, Shallot Pickle และ Sour Cream Terrine ท็อปด้วย Crispy Pearl และ  Oscietra Caviar เวลาเสิร์ฟบริกรจะค่อยๆ เทน้ำซุปจากเหยือกแก้วใสลงบนกรวดที่รองเปลือกหอยไว้ทำให้เกิดไอเย็นสีขาวจากน้ำแข็งแห้ง ที่ทำให้เมนูนี้ดูราวกับมีชีวิต

Chiang Mai Tomato Salad

     ต่อด้วยเมนูสลัดรสสดชื่นอย่าง Chiang Mai Tomato Salad ที่เชฟได้แรงบันดาลใจจากความทรงจำสมัยวัยเยาว์ที่คุณแม่ของเธอมักจะปรุงซุปมะเขือเทศให้ทานเป็นประจำ เมื่อมาพำนักอยู่ในเมืองไทยเธอจึงหวนรำลึกถึงเมนู Nostalgic นี้ผ่านการเดินทางไปเสาะหาวัตถุดิบที่เชียงใหม่จนได้มะเขือเทศออร์แกนิกตามที่ต้องการ และนำมาตีความใหม่ผ่านหลากหลายเท็กซ์เจอร์ และเลเยอร์ของรสอูมามิธรรมชาติที่อยู่ในตัวของมะเขือเทศ กลายเป็นเมนูสุดสดชื่นที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้ในทุกๆ คำ

Hokkaido Scallop & Pumpkin

     จานนี้เชฟได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางไปยังแดนอาทิตย์อุทัย ครั้งนั้นเชฟมีโอกาสได้ไปทานอาหารที่ร้านเทมปุระดีกรีมิชลิน 1 ดาว และติดใจในเมนูฟักทองเทมปุระ และ หอยเชลล์ เป็นพิเศษ จึงนำมาครีเอทในเวอร์ชั่นของเธอเองโดยเชฟจะนำหอยเชลล์ มาแช่ในน้ำเกลือ ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รสชาติ จากนั้นนำไปปรุงแบบ Confit ท็อปด้วยครีมฟักทอง ฟักทองอบ  เจลฟักทองรสเปรี้ยว และผงกะหรี่ เพิ่มความกรุบกรอบด้วย เมล็ดฟักทองอบ แคร็กเกอร์รสนมเสิร์ฟคู่กับ Dashi Stock  ที่ทำมากจากสาหร่ายคอมบุ และฟักทอง ทำให้ได้ลิ้มรสหอยเชลล์สดหวานที่โอบล้อมด้วยรสชาติของฟักทองในหลากหลายรสสัมผัส

Red Snapper & Sun Choke

     เชฟเลือกใช้ปลากระพงแดงออร์แกนิกปลอดสารพิษ ที่จับโดยชาวบ้านที่ทำประมงเอง โดยเชฟจะนำเนื้อปลามาแช่ในน้ำเกลือ ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มรสชาติ และใช้วิธีการอบไอน้ำตั้งอุณหภูมิไว้ 65 องศาฯ เป็นเวลาประมาณ 10 นาทีเพื่อให้เนื้อปลานุ่ม ตกแต่งบนเนื้อปลาด้วย ครีมพริกหยวกแดง แก่นตะวันทอดกรอบ มันหวานทอดกรอบ รองพื้นใต้เนื้อปลาด้วย Ratatouille ที่เชฟดัดแปลงสูตรโดยการนำซูกินี่ พริกหยวกแดงมา Sous Vide และ ทำการดอง ทำให้ได้รสสัมผัสที่แปลกใหม่ เติมความเผ็ดร้อนด้วย Chorizo เสิร์ฟพร้อมซอส Miso Beurre Blanc ซอสเนยแบบฝั่งเศสที่ให้รสชาตินุ่มนวล

Korat Beef, Short Ribs & Truffle

     แต่ถ้าเป็นสายเนื้อเมนูเนื้อที่นี่ก็เด็ดดวงเลยทีเดียว อย่างเมนูโปรดของเรา Korat Beef, Short Ribs & Truffle เชฟเลือกใช้เนื้อโลคัลจากโคราชนี่เอง เลือกส่วนเนื้อซี่โครงที่มีไขมันแทรกกำลังดี มาทำสเต็กแบบ medium rare ท็อปด้วยทรัฟเฟิลหอมฉุย เสริมเท็กซ์เจอร์ให้กรุบกรอบด้วยชิปส์ที่ทำหน้าตาเลียนแบบแผ่นทรัฟเฟิลฝานบางๆ ได้แนบเนียน แถมยังเคี้ยวสนุกอีกต่างหาก

Chiang Mai Goat Cheese

     เมนูเนื้อแดงยังมาติดๆ กันมีทั้ง Duck Liver & Apple และ Iberico Lamb & Green Asparagus ก่อนที่เชฟจะเริ่มผ่อนความหนักด้วยเมนูเรียบง่ายแต่อร่อยมากมาย แถมยังหน้าตาสะสวยอย่าง Chiang Mai Goat Cheese ชีสนมแพะออร์แกนิกที่เชฟนำมาผสมกับชีสมาสคาโปน ปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทย แล้วนำมาทาบน Spice Bread ที่มีส่วนผสมของ Cinnamon, Clove, Coriander Seed  และ Star Anise เพิ่มความสดชื่นด้วย องุ่นเขียวและแดง สไลด์บางๆ ทานคู่กับ น้ำซอสองุ่นสด เป็นเมนูของคาวเบาๆ วอร์มกระเพาะก่อนจะไปเจอกับของหวาน

Strawberry & Yogurt

     เมนูของหวานเชฟก็จัดมา 2 เมนูรวด เริ่มจาก Strawberry & Yogurt เมนูของหวานหน้าตาสวยราวสวนดอกไม้ที่เชฟตีความสตอรว์เบอร์รี่จากเชียงใหม่ได้อย่างงดงาม ปิดท้ายด้วย Milk & Organic Honey เมนูจากความทรงจำวัยเด็กของเชฟ ถ่ายทอดผ่านไอศกรีมนมสดและน้ำผึ้งออร์แกนิก โรยหน้าด้วย Milk and Honey Crispy Foam  ตกแต่งด้วย Caramel Crispy, Hazelnut Crispy, Chocolate Crispy และ Honey Lime Gel ปิดท้ายด้วย Honey Tuille เพิ่มเท็กซ์เจอร์ให้น่าสนใจ 

     กลายเป็นความทรงจำแสนประทับใจในมื้อที่ได้ละเลียดไปกับรสชาติหลากมิติที่แสนละเมียดละไมในทุกสัมผัส

The Allium Bangkok
ชั้น 3 The Athenee Hotel
โทร. 02 650 8800


┃Photography : Somkiat K.

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม