เป็นดีไซเนอร์ที่เรียนจบโดยตรงทางสายเครื่องแต่งกายบุรุษ แต่ ฟ้า จักษุเวช กลับทำให้ผู้หญิงใจเต้นแรงเมื่อลุกขึ้นมาทำแบรนด์ Fah Chak WO+MAN เสื้อผ้าสไตล์คลาสสิค-สปอร์ตในคู่สีและดีเทลที่คนใส่ไม่เคยเบื่อ คนเห็นต้องหันจนเหลียวหลัง ใครๆต้องอุทานดังๆว่านี่แบรนด์ดีไซเนอร์ไทยหรือนี่!!
The Girl with all the Gifts
ฟ้าโตมากับงานศิลปะและของแต่งบ้านด้วยมารดาเป็นอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ เธอมักคุ้นกับลวดลายบนผืนผ้าของของ William Morris นักออกแบบเท็กซ์ไทล์ชาวอังกฤษ และผ้าไหมสุดวิจิตรของ Jim Thompson ก่อนจะจากเมืองไทยไปเข้าโรงเรียนประจำที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 16 ในสถาบันที่ติวให้นักเรียนเข้า Oxford และ Cambridge
สุดท้ายฟ้าพบตัวเองไปนั่งถีบจักรและวุ่นวายกับกองผ้าในชั้นเรียนแฟชั่นดีไซน์เครื่องแต่งกายชายที่ Royal College of Arts (RCA) “เสื้อผ้าทำเสร็จจบในตัวได้ด้วยตัวเราคนเดียว แฟชั่นมันทันใจเราที่เป็นคนใจร้อน” ฟ้าให้เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกสายแฟ แทนสายสถาปัตย์ที่รักเท่ากันทั้งสองทาง “เราเรียนแฟชั่นทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่เท็กซ์ไทล์ไปถึงแมกกาซีน แต่ชอบสุดคือเสื้อผ้าผู้ชาย ด้วยความที่มันเห็นขอบเขตชัดเจน ในขณะที่เสื้อผ้าผู้หญิงหลากหลาย ใครทำอะไรก็ได้ เราเลยทำ Menswear ตั้งแต่ปี 2 จนถึงเรียนจบปริญญาโท”
Menswear เป็น 1 ใน 20 แผนกการเรียนสายแฟชั่นที่ RCA และทุกปีจะมีการประกวดฝีมือการออกแบบเพื่อชิงรางวัล The Conran Foundation Awards ของ Sir Terence Conran นักออกแบบชื่อดังชาวอังกฤษ
หนึ่งวันก่อนงานนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการ ฟ้าซึ่งในเวลานั้นเรียนปี 2 เพิ่งรู้ตัวว่าอาจารย์เลือกให้เป็นตัวแทนจากแผนก Menswear ทั้งหมดให้ไปแข่งกับตัวแทนอีก 19 แผนก “เพิ่งรู้ตัวหนึ่งวันก่อนไปพรีเซนต์และก็ชนะมาด้วย” ฟ้าเล่างงๆ และงงต่อเนื่องเมื่อถูกส่งตัวไปแข่งขันต่อในรางวัล The International Talent Support ครั้ง 10 ที่สนับสนุนโดย Only The Brave “บริษัทเจ้าของแบรนด์ DIESEL กางเกงยีนส์ที่เราไม่ชอบทรงเอาเสียเลยสมัยวัยรุ่น” ฟ้าหัวเราะขื่นๆ แต่ได้หัวเราะดังๆ ตอนท้ายเมื่อจากผู้สมัคร 800 คนที่โดนคัดเลือกเหลือ 11 คน ฟ้า จักษุเวชเป็น 1 ใน 11 คนนั้น
หนึ่งในรางวัลของงานนี้คือ Martin Margiela Prize ซึ่งทันทีที่ทีมงานของแบรนด์ Margiela เห็นผลงานของฟ้าแล้วก็ให้รางวัล และให้ตำแหน่งงานเป็นดีไซเนอร์ที่แบรนด์ต่อทันที “สไตล์ของเรากับ Margiela ดูเผินๆแล้วอาจไม่ใช่สไตล์เดียวกัน แต่จริงๆแล้ว งานของเรามีความเป็น Deconstruction ในแนวคิดอยู่เยอะมาก ซึ่งก็ไปปรากฏในชิ้นงานที่จะเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ย้อนแย้งกัน มันจะไปเวย์เดียวกันหมดไม่ได้ น่าเบื่อไป เช่น ถ้าเราทำแนวสปอร์ตี้ ก็ต้องผสมกับสไตล์อื่นอีกอย่าง หรือใช้สีคู่ตรงข้าม ถ้าใช้ผ้าแข็งก็จะมีลายเส้นเข้าไปตัด เป็นความย้อนแย้งที่ลงตัว” ฟ้าอธิบาย
ในขณะที่เธอโลดแล่นในวงการแฟชั่นในต่างแดน มีแบรนด์น้อยใหญ่ตามตัวไปสัมภาษณ์อยู่นั่น ครั้นแล้วเหตุฉุกเฉินที่เมืองไทยก็ทำให้ฟ้าโบกมือลายุโรปกลับบ้าน
WomenMade
ฟ้าเริ่มเป็นฟรีแลนซ์ด้านแฟชั่น เริ่มทำความรู้จักการทำงานแฟชั่นในเมืองไทย และเริ่มทำเสื้อผ้าใส่เอง “เวลาไปออกงานก็มีคนเข้ามาถาม แสดงความประสงค์ว่าอยากได้ชุดแบบนี้บ้าง ขอให้เราทำชุดให้” เมื่อเสียงเรียกร้องและออร์เดอร์เยอะเข้า แบรนด์ Fah Chak WO+MAN จึงประกอบร่างขึ้นมาในปี 2016 “Fah Chak เป็นชื่อที่เพื่อนฝรั่งเรียกเรา เพราะนามสกุล ‘จักษุเวช’ เขาออกเสียงยาก ทุกคนเลยเรียกเราว่า ‘ฟ้าจัก’ ซึ่งพอเขียนเป็นภาษาอังกฤษไม่มีใครอ่านชื่อออกเลย (หัวเราะ) แต่ก็ดีที่มีแบรนด์เดียวชื่อนี้” ฟ้าบอกขำๆ
แบรนด์ Fah Chak WO+MAN แตกต่างด้วยคู่สีที่บ้างก็กลืนกัน บ้างก็ตรงข้าม เทคนิคการเดรปแบบ Geometric Draping อันเป็นเอกลักษณ์ที่ฟ้าจะตัดฟ้าเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติ แล้วหาวิธีปรับอย่างไรก็ได้ที่ไม่ต้องตัดผ้าแล้วทำออกมาเป็นเดรสสามมิติ
รวมทั้งจุดเด่นแพทเทิร์นแบบ Architectural ที่เห็นรายละเอียดน่ามองทั้ง 360 องศาและทุกอากัปกิริยา ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดินหรือหันมุมไหน และต้องเป็นผู้หญิงที่ใฝ่ใจสถาปัตย์อย่างฟ้ามาทำแฟชั่นเท่านั้นจึงจะได้ความสตรองแต่ไม่ทื่อ พลิ้วไหวแต่ไม่ฟรุ้งฟริ้ง บางชุดปิดมาถึงข้อเท้าลามไปถึงข้อเท้า แต่เป็นผ้าลูกไม้ทั้งตัว เห็นผิววับแวม “เป็นความเซ็กซี่แบบที่ผู้หญิงด้วยกันเองเห็นแล้วรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เท่จัด ไม่เน้นโชว์นม ชา ก้นให้ผู้ชายมาสนใจ เราสวยเพื่อเราและสวยในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน” ฟ้ากล่าว
Ride My Lane
“เราเป็นคนไม่อธิบายงาน ลงรูปในไอจีอย่างเดียว เพราะเราสื่อสารไม่เก่ง ถ้าใครเก็ตงานเราก็เก็ต เราเน้นดีไซน์ ไม่ต้องเห็นโลโก้หรือป้ายยี่ห้อ แต่ดีไซน์ต้องเด่นแบบเห็นแล้วเตะตาทันทีและต้องไปมองอีกที นี่คือดีไซน์ที่เราชอบ ดีไซน์ต้องพูดด้วยตัวมันเอง” ฟ้ากล่าวถึงหลักคิดในการออกแบบ
แน่ละที่งานของฟ้าพูดด้วยตัวเอง เมื่อลูกค้าบางรายกลับมาบอกเธอว่าใส่ชุดของเธอไปเข้าเฝ้าฯราชวงศ์อังกฤษแล้วมีคนชมว่าชุดสวย หรือเมื่อส่งสเก็ตช์ยูนิฟอร์มที่ออกแบบให้กับโรงแรม The Standard, Bangkok Mahanakorn แล้วเฮดของโรงแรมที่นิวยอร์กถึงกับร้องไห้ เพราะปลื้มจัดกับไอเดียที่ฟ้ากลับตาลปัตรทุกอย่าง เช่น เอวกลายเป็นคอเสื้อ หรือด้านหลังกางเกงกลายมาเป็นด้านหน้า ไปจนถึงคอลเล็กชั่นวาเลนไทน์ที่ไม่มีสีชมพู สีแดงหรือหัวใจ แต่ทำเป็นกางเกงยีนส์มีรูปมือจับบั้นท้าย ส่วนซิปตรงเป้าเปิดออกมาเป็นรูปรอยจูบ
“ทุกวันนี้เวลาพูดถึงงานตัวเองแล้วเรากล้าพูดได้เต็มปากด้วยความภูมิใจ ฉะนั้นเวลาเราพูดก็จะมีเอนเนอร์จี้ส่งออกมาจากภายในจริงๆ และคนสัมผัสได้ เราจะไม่เฟคบอกใครว่าชิ้นนี้ดีมาก ใส่กันเถอะ แล้วหยิบออกมาเป็นเสื้อยืดพิมพ์ลายที่ให้เด็กฝึกงานวาด…นึกออกไหม ทั้งที่ตัวเราไม่เสื้อยืด เราพูดได้ไม่เต็มปากหรอก” ฟ้าพูดถึงจุดยืน
“เราทำอะไรที่ตัวเราชอบและจะใส่เองด้วย อะไรที่เราไม่ใส่หรือไม่ชอบก็ไม่ทำ นี่คือหลักในการทำงาน เวลาใครถาม เรามีคำตอบให้เสมอว่า เราไม่ใช่แฟชั่นดีไซเนอร์ แต่เราเป็นคนทำเสื้อผ้า เพราะเราไม่ได้ทำแฟชั่น แต่เราทำของใช้ได้จริงที่สวยงาม ไม่ได้ทำของเล่น”
Words: Suphakdipa Poolsap
Photos: Fah Chak WO+Man
