Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Fashion

Fashion Designer Who ‘Remaster’ DNA of Iconic Brands

ดีไซเนอร์ผู้ชุบชีวิตแบรนด์ไอคอนิคด้วยรากเหง้าและมรดกของแบรนด์
Fashion

การที่แบรนด์แฟชั่นน้อยใหญ่ทั่วโลกนั้นจะมีอายุยืนค้ำฟ้าได้ แบรนด์นั้นๆ จำเป็นต้องเป็นที่การของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งแบรนด์เหล่านั้นจำเป็นต้องพึ่งแสงสปอตไลต์และพื้นที่ในหน้าสื่ออยู่เสมอเพื่อสร้างความต้องการและ ‘Wow Factor’ ให้กับผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด เพราะการคำนึงเรื่องยอดขายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับเหล่าแบรนด์แฟชั่นที่ว่ายเวียนอยู่ในระบบทุนนิยมของโลกใบนี้ 

ไม่ว่าแบรนด์แฟชั่นเหล่านั้นจะมีภาพลักษณ์ดีแค่ไหน แต่ถ้าขายไม่ได้ก็แปลว่าแบรนด์เหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่ายอดขายคือตัวแปรที่จะทำให้แบรนด์นั้นอยู่หรือไปในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงมาก เมื่อ Wow Factor เริ่มเสื่อมลงการปรับเปลี่ยนจึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อสร้างความแปลกใหม่และกระตุ้นกราฟยอดขายพุ่งขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งบุคคลสำคัญที่จะเข้ามาสร้างความว้าวเหล่านั้นก็คือเหล่า       ‘แฟชั่นดีไซเนอร์’ หรือครีเอทีฟไดเรกเตอร์นั่นเอง 

ตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนแกนกลางสองฝั่งระหว่างงานครีเอทีฟด้านดีไซน์และการปรับภาพลักษณ์ทั้งหมดของแบรนด์ ไม่ว่าแบรนด์จะมีประวัติศาสตร์ยาวนานแค่ไหน แบรนด์แฟชั่นจำเป็นจะต้องได้รับการอัปเดตเพื่อวิ่งให้ทันกับกระแสใหม่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งในบางครั้งการดึงตัวดีไซเนอร์หน้าใหม่ไฟแรงมาล้างภาพเดิมๆ ก็สามารถชุบชีวิตแบรนด์เก่าแก่เหล่านั้นให้กลับมามีชีวิตและเป็นกระแสอีกครั้งได้ วันนี้ LIPS เลยจะพาทุกคนไปรู้จักเหล่าแฟชั่นดีไซเนอร์หน้าใหม่ที่ทำให้แบรนด์ไอคอนิคกลายมาเป็นกระแสและอยู่ใน Wish List ของสายแฟอีกครั้งหนึ่ง! 

Daniel Roseberry for Schiaparelli

เริ่มกันที่แบรนด์แฟชั่นสุดเก่าแก่แบรนด์แรกอย่าง ‘Schiaparelli’ ที่กลับมาเป็นกระแสและสร้างความว้าวให้กับโลกแฟชั่นได้อีกครั้ง ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ของ Schiaparelli นั้นต้องยกเครดิตให้กับ ‘Daneil Roseberry’ แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอเมริกันที่เข้ามาพลิกโฉมแบรนด์แฟชั่นแห่งลัทธิ Surrealism ให้กลับมาผงาดกลายเป็นแบรนด์แฟชั่นเบอร์ต้นๆ ได้อีกครั้งหนึ่ง

ซึ่ง DNA ของแบรนด์เก่าแก่นี้ก็คือความเหนือจริง ความสนุก และลูกบ้าที่ Elsa Schiaparelli ได้เคยสร้างไว้ให้กับแบรนด์ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ ในวงการแฟชั่น สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้แบรนด์อยู่คู่กับวงการแฟชั่นมาร่วมร้อยปีแม้แบรนด์จะปิดตัวลงไปตั้งแต่ปี 1954 และการกลับมาในครั้งนี้ Daniel ได้หยิบเอา DNA เหล่านั้นบวกกับมรดกของแบรนด์มาปรับให้ร่วมสมัยมากขึ้น 

ซึ่งมรดกที่ Daniel หยิบมาทำใหม่ให้ร่วมสมัยก็เป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์และเขาเองกลายเป็นที่จับตามองเช่น ซิลูเอ็ตต์เสื้อผ้าสุดแปลกตา, สีชมพู Schoking Pink และเหล่าเครื่องประดับสไตล์เหนือจริงเลียนแบบอวัยวะมนุษย์ แต่ไม่ใช่ดีไซเนอร์ทุกคนที่หยิบมรดกของ Schiaparelli มาทำใหม่แล้วจะประสบความสำเร็จนะ แต่ Daniel ทำได้เพราะเขาเข้าใจในความต้องการผู้บริโภคในยุคดิจิตอลจึงหยิบเอาชิ้นงานเหล่านั้นมาตีความใหม่ให้สมกับคำว่า Remaster จริงๆ

Pieter Mulier for Alaïa

info@imaxtree.com

อีกแบรนด์แฟชั่นที่กลับมาเป็นกระแสเงียบๆ อีกครั้งคงจะหนีไม่พ้นแบรนด์แฟชั่นสุดไอคอนิคยุค 80s อย่าง ‘Alaïa’ แบรนด์ที่คว้าใจสาวๆ สายแฟสุดด้วยเดรสรัดรูปสุดไอคอนิคในรูปแบบต่างๆ ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ของ Alaïa ได้แฟชั่นดีไซเนอร์อย่าง ‘Pieter Mulier’ อดีตมือขวาคนสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังหลายๆ ผลงานของ Raf Simos เจ้าพ่อลัทธิมินิมอล ที่ในที่สุดเขาก้าวขึ้นมากุมบังเหียนของแบรนด์และสร้างความว้าวให้กับสายแฟอีกครั้งหนึ่ง 

Azzedine Alaïa กูตูริเยร์ชื่อดังผู้ล่วงลับคือผู้ก่อตั้งเมซงแห่งนี้ขึ้นมา เขาได้รับขนานนามว่าเป็น ‘ประติมากรแห่งวงการแฟชั่น’ เพราะชุดของเขาส่วนใหญ่เป็นชุดรัดรูปและพอดีตัวที่เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของผู้หญิงจนกลายเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าแฟชั่นไอคอนหลายๆ คน เช่น Naomi Campbell และ Grace Jones โดยในการ Remaster ครั้งนี้ Pieter นั้นได้หยิบเอาลุคไอคอนิคที่ Azzedine ขึ้นชื่อกลับมาทำใหม่ให้ร่วมสมัยและใส่ได้จริงมากขึ้น

ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าเซเลบริตี้จะคว้าชุดจาก Alaïa โดย Pieter ไปใส่จนได้รางวัล Best Dress จากสื่อมากมาย เช่น Zendaya ในชุดบอดี้คอนสองท่อนสีม่วงพลัม Karlie Kloss ในเสื้อสีขาวพร้อมฮู้ดซิกเนอเจอร์ของแบรนด์ และที่เราว้าวสุดคงจะเป็น Hailey Bieber ในเดรสบอดี้คอนซีทรูสีขาวที่ดูร่วมสมัย แสดงให้เห็นว่างาน Pieter นั้นเข้าข่ายคำว่า Remaster และประสบความสำเร็จสุดๆ 

Casey Cadwallader for Mugler

อีกหนึ่งแบรนด์จาก ยุค 80s ที่เคยโด่งดังเป็นพลุแตกและกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งในตอนนี้ จะไม่มีชื่อแบรนด์ ‘Mugler’ ไม่ได้เลยเพราะว่าตอนนี้แบรนด์ Mugler เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์สุดเซ็กซี่ขวัญใจชาวมิลเลนเนียลที่มีกลิ่นอายแบบ Futuristic สุดๆ สลัดภาพงานโอต์กูตูร์สุดเว่อวังที่ Thierry Mugler เคยทำไว้ ซึ่งดีไซเนอร์คนเก่งผู้อยู่เบื้องหลัง Mugler ในตอนนี้ก็คือ ‘Casey Cadwallader’ 

ไม่ใช่ว่า Casey นั้นไม่เคารพต่อมรดกสุดปังของแบรนด์นะแต่ว่าเขาตีความแบรนด์ต่างจากภาพจำของสายแฟที่มีต่อแบรนด์ Mugler ว่าเป็นงานโอต์กูตูร์สุดแฟนตาซี แต่จริงๆ แบรนด์นี้ไม่ได้มีแค่ความแฟนตาซีเท่านั้นเพราะว่า Casey นั้นดึงงานเก่าๆ ของ Thierry จากช่วงยุค 70s – 80s ที่เน้นในเรื่องของซิลูเอ็ตต์และโครงชุดสุดล้ำมาตีความใหม่ให้เป็นเสื้อผ้าสำหรับผู้คนในยุคนี้ 

ทึ่สำคัญ Casey ยังคงกลิ่นอายความดรามาติกและล้ำสมัยให้อัดแน่นอยู่ภายใต้ชื่อ Mugler อยู่เสมอแม้ว่าภาพที่ออกมาจะดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และอีกอย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ Mugler ยังคงเป็นแบรนด์โปรดสำหรับลุคออกงานของเหล่าเซเลบริตี้สายแฟที่ต้องการเรียกเสียงแฟลชจากเหล่าปาปารัซซีอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น Megan Fox, Chloe Sevigny, Megan Thee Stallion, Kylie Jenner และสุดท้าย Dua Lipa ที่ให้ Casey ออกแบบชุดสำหรับ World Tour ของเธอ

Sarah Burton for Alexander McQueen

Alexander McQueen RTW Spring 2022

กระโดดมาที่แบรนด์สุดปังจากเกาะอังกฤษกันบ้างอย่าง ‘Alexander McQueen’ อีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นชื่อดังของทศวรรษนี้ แบรนด์นี้ต้องเปลี่ยนดีไซเนอร์อย่างกะทันหันหลังจากการจากไป Lee Alexander McQueen แฟชั่นดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่จบชีวิตตัวเองลงเมื่อปี 2010 หลังจากที่เขาจากไป ‘Sarah Burton’ มือขวาของเขาก็ได้ถูกเลื่อนตำแหน่งให้กลายมาเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวสุดดราม่าของแบรนด์ต่อไป 

ในช่วงแรกที่เธอก้าวเท้ามารับตำแหน่งหัวเรือของแบรนด์ Alexander McQueen สายแฟหลายๆ คนต่างมองว่าเธอเป็นแค่คนคั่นเวลาเพื่อรอครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนใหม่มารับช่วงต่อ แต่กลายเป็นว่าเธอค่อยๆ แสดงฝีมือของเธอด้วยการนำเอาประสบการณ์กว่า 10 ปีที่ได้ซึมซับระหว่างการทำงานเคียงข้าง Lee มาถ่ายทอดแบรนด์ McQueen นี้ในมุมมองส่วนตัวของเธอเองจนเธอครองตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์นี้มา 12 ปีแล้ว

ความดราม่าติกที่เคยเอะอะโวยวายพร้อมด้วย DNA สุดขบถหัวชนฝาถูกแทนที่ด้วยความโรแมนติค อีกหนึ่ง DNA ที่แอบซ่อนอยู่ในตัว Lee มาโดยตลอด ซึ่ง Sarah ได้เลือกที่จะหยิบสิ่งนี้มาชูแทนในบริบถที่ยังขบถต่อความงามพิมพ์นิยมเช่นเดิม ใครที่คิดถึงแฟชั่นโชว์สุดอลังการแกมเสียดสีสังคมผ่านเสื้อผ้าแรงๆ คงไม่ได้เห็น McQueen ในเวอร์ชั่นนั้นอีกต่อไป ผู้หญิงของ McQuuen วันนี้ผ่านมุมมองของ Sarah พวกเธอไม่หัวอ่อน ฉลาด และเป็นนักสู้เช่นเดิม แต่แค่เลือกสันติวิธีในการแสดงออกตัวตนและความคิดเห็น ถือเป็นการ Remaster ต่อยอดงานของ Lee ไปอีกขั้นที่ยังคงไว้ด้วยงานฝีมือระดับกูตูร์และแอดทิจูดที่ซอฟลงแต่แน่วแน่เช่นเดิม 

Anthony Vaccarello for Saint Laurent

 

มาต่อกันที่เมซงสุดเก่าแก่จากปารีสอย่าง ‘Siant Laurent’ หรือ ‘Yves Saint Lautent’ ชื่อเก่าที่หลายๆ คนคุ้นหู แบรนด์เก่าแก่แบรนด์นี้ก่อตั้งโดยดีไซเนอร์นักคิดอย่าง Yves Saint Lautent ผู้สร้างสรรค์แนวทางการแต่งกายใหม่ๆ ให้กับผู้หญิง อาทิ Le Smoking ที่ให้ผู้หญิงลุกขึ้นมาสวมทักซิโดแบบผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงยุคหลังสามารถสวมชุดของผู้ชายได้อย่างไร้ข้อกังขา 

ปัจจุบันแบรนด์ได้ ‘Anthony Vaccarello’ ดีไซเนอร์สายยั่วเพศมาเป็นผู้กุมบังเหียนคอย Remaster ผลงานชิ้นโบแดงของแบรนด์ให้เข้าใจง่ายและร่วมสมัยมากขึ้น Siant Laurent ในสายตาของ Anthony ก็คงจะเป็นสาวปารีเซียงที่เซ็กซี่และหรูหราเห็นได้ตั้งแต่คอลเลคชั่นแรกๆ ที่เขาออกแบบ และแบรนด์จะประสบความสำเร็จแบบนี้ไม่ได้เลยถ้า Anthony ไม่ได้เอาตัวตนของเขามาผสมผสานลงไปในตัวแบรนด์ด้วย

เพราะว่าก่อนหน้านี้ Saint Laurent เป็นแบรนด์สุดเท่ขวัญใจวัยรุ่นภายใต้การดูแลของ Hedi Slimane ที่ได้สร้างภาพเหล่านั้นเอาไว้ พอ Anthony เข้ามาสานต่อก็ค่อยๆ หยอดจริตสุดยั่วยวนของตัวเองลงไปในแต่คอลเลคชั่นๆ เพื่อป้องกันอาการปลาน็อคน้ำในหมู่ลูกค้าวัยโจ๋ของแบรนด์ จนตอนนี้ Saint Laurent ได้กลายเป็นแบรนด์สุดแซ่บฉีกภาพสุดเท่เดิมๆ ออกไปหมดคว้าทั้งกลุ่มลูกค้าหน้าเก่าและหน้าใหม่ๆ ให้กับแบรนด์จนแบรนด์มียอดขายเกิน 2 พันล้านยูโรเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 

Demna for Balenciaga

อีกหนึ่งห้องเสื้อชื่อดังจากปารีสอย่าง ‘Balenciaga’ ที่ตอนนี้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์กำลังประสบความสำเร็จและโด่งดังเป็นพลุแตก ภายใต้ชายคาของแบรนด์นี้มีนักออกแบบมากมายที่ล้วนเข้ามาวิ่งเล่นในเมซงชั้นสูงแห่งนี้ และในตอนนี้ ‘Demna’ คือครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนล่าสุดของแบรนด์ที่ผสมผสานความขบถลงไปในทุกๆ DNA ของแบรนด์เสื้อผ้าชั้นสูงแห่งนี้ จนกลายเป็นแบรนด์แฟชั่นที่จับใจสายแฟทุกกลุ่มตั้งแต่สตรีตสุดเท่ไปจนถึงโอต์กูตูร์สุดหรู 

แบรนด์แฟชั่นสุดหรูนี้เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของแฟชั่นดีไซเนอร์ชาวสเปนอย่าง Christobal Balenciaga ผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็น ‘ปรมาจารย์’ แห่งแวดวงโอต์กูตูร์ เพราะเขาสามารถออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงให้เข้ากับผู้หญิงทุกรูปร่าง แถมยังดีไซเนอร์ไม่กี่คนที่ใช้ซิลูเอ็ตต์แปลกตาแต่ล้ำสมัยมาใช้ในการออกแบบจนกลายเป็นที่กล่าวขานของแวดวงแฟชั่นในอดีต เช่น High-Waisted Baby Doll Dress, Double Pouf Balloon Skirt และ Cocoon Coat  

ภายใต้แบรนด์แฟชั่นเก่าแก่แห่งนี้เหล่าแฟชั่นดีไซเนอร์หลายรายที่เข้ามาครองตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ต่างดึงเอามรดกของแบรนด์เหล่านั้นมาทำใหม่อยู่เสมอ แต่ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จแบบ Demna เลยเพราะเขาได้ทำลายกรอบแบบเดิมๆ ใส่ความขบถ วัฒนะธรรมสตรีต ความล้ำสมัย และประเด็นเรื่องของคนชายขอบลงไปแบบที่เขาทำเมื่อสมัย Vetements พางานโอต์กูตูร์สุดหรูและเสื้อผ้าสำเร็จรูปของแบรนด์นั้นนำหน้าแบรนด์อื่นๆ อยู่หนึ่งก้าวเสมอเช่นเดียวกับที่ Christobal เคยทำ 

ในเรื่องของงานดีไซน์ที่ว่าปังแล้วแนวคิดสุดล้ำสมัยของ Demna ในประเด็นในเรื่องคนชายขอบของเขายังสะท้อนไปถึงการตลาดและการประชาสัมพันธ์ของแบรนด์ที่เขาให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม และที่ประสบความสำเร็จและทำให้ Balenciaga เข้าถึงคนทุกกลุ่มในสังคมและดังเป็นพลุแตกคงหนีไม่พ้นการที่เขาดึง Kim Kardashian มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์แฟชั่นไอคอนสาวที่วงการแฟชั่นชั้นสูงเคยมองเธอว่าไม่คู่ควรกับวงการแฟชั่นชั้นสูง แต่ปัจจุบันเธอเปรียบเสมือนแม่เหล็กชั้นดีดึงดูดยอดเอนเกจเมนต์ให้กับ Balenciaga อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

Gaultier Paris

สำหรับแบรนด์อย่าง ‘Gualtier Paris’ สามารถกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหนึ่งหลังจากใช้โมเดลการ        ‘หมุนเวียน’ ดีไซเนอร์ให้เข้ามาสร้างผลงานในแบรนด์เป็นคอลเลคชั่นไป ซึ่งโมเดลการหมุนเวียนดีไซเนอร์นั้นกลายมาเป็นแนวทางใหม่สำหรับแบรนด์แฟชั่นต่างๆ ที่ต้องการจะสร้างยอดขายและ Wow Factor เป็นกลยุทธ์ที่คล้ายๆ กับเหล่าแบรนด์แฟชั่นชื่อดังดึงศิลปิน แบรนด์ เซเลบริตี้มาคอลแลบ 

ซึ่งในบริบทของ Gualtier Paris นั้นเรียกว่าเป็นการ Remaster อย่างแท้จริง เพราะว่าในสมัยที่ Jean Paul Gaultier ยังเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์เขาได้สร้างผลงานโดดเด่นไว้มากมาย เช่น บราทรงกรวย เสื้อลายขวาง ลายพิมพ์รอยสัก และลายพิมพ์ 3 มิติ ที่ถูกเหล่าแฟชั่นดีไซเนอร์หน้าใหม่และหน้าเก่าหมุนเวียนกันมา Remaster ผลงานชิ้นเด่นของเขา 

ในคอลเลคชั่นแรกของ Gaultier Paris ได้ดีไซเนอร์ ‘Chitose Abe’ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์สาวคนเก่งจากแบรนด์ Sacai ที่โดดเด่นในเรื่องของเสื้อผ้าแนวสตรีตและเทคนิคการออกแบบเสื้อผ้าแบบ Deconstruction มารังสรรค์เสื้อผ้าภายใต้ชื่อ Gaultier Paris มาต่อกันที่คอลเลคชั่นที่สองของแบรนด์ได้ ‘Glenn Martens’ ดีไซเนอร์สุดล้ำจากแบรนด์ Y/Project และ Diesel มารังสรรค์เสื้อผ้าล้ำๆ ในสไตล์ของเขาผนวกกับ DNA ของ Gaultier Paris และคนล่าสุดที่เพิ่งเดินแฟชั่นโชว์จบไปอย่าง ‘Olivier Rousteing’ ดีไซเนอร์ผู้พลิกโฉมแบรนด์ Balmain ให้แซ่บถึงทรวงก็ได้หยิบเอามุมมองความแซ่บของ JPG มาตีความใหม่ในแบบของตนเองในคอลเลคชั่นที่สามของแบรนด์นี้ 

#REMASTER

#LIPSERA

#LIPSMAGAZINE

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม