ครั้งแรกในประเทศไทยกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ 2 แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายของ Pandulum ประเทศไทย
เริ่มต้นที่แบรนด์ Gorilla (กอริลลา) ก่อตั้งเมื่อปี 2015 โดย Octavio Garcia และ Lukas Gopp ผู้บริหารด้านการออกแบบในอุตสหากรรมนาฬิกาของสวิส ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลิตนาฬิกาสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งด้านดีไซน์ และวัสดุที่ใช้ การนำเอาแรงบันดาลใจจากยนตกรรมปรับแต่งที่ถ่ายทอดส่วนผสมเทคนิคทางวิศวกรรมผสมผสานกับสุนทรียศาสตร์แห่งศิลปะ ทำให้นาฬิกาแบรนด์นี้ ซึ่งแม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ แต่ก็คว้าคะแนนความนิยมจากเหล่าคอลเลกเตอร์นาฬิกาสายอินดี้ได้ไม่ยาก
คอลเลกชัน Fastback Montreux ของ Gorilla หน้าปัดและตัวเรือนทำจาก Forged Carbon (คาร์บอนไฟเบอร์มีลวดลาย) ทรงสี่เหลี่ยม ขนาด 44 มิลลิเมตร หนา 13 มิลลิเมตร ด้วยแรงบันดาลใจจากทิวทัศน์ระหว่างทะเลสาปเจนีวากับเทือกเขาแอลปส์ในเมือง Montreux ซึ่งเป็นฉากหลังของการแข่งขันรายการ One-Off Grand Prix โดยเลือกใช้ขอบหน้าปัดด้านในสีฟ้า และเข็มนาทีสีส้มที่สื่อถึงกีฬามอเตอร์สปอร์ต และมีการเคลือบสารเรืองแสง Super Luminova ที่ชุดเข็มกับหลักชั่วโมงตัวเลขอารบิก ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire เคลือบตัดแสงสะท้อนทั้งสองด้าน
ส่วนฝาหลังทำจากไทเทเนียมแบบปิดทึบ พร้อมสลักโลโก้แบรนด์ และชื่อรุ่น Fastback ผนึกตัวเรือนด้วยสกรู 4 ตัว ความสามารถการกันน้ำลึก 100 เมตร และขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic Miyota Cal.8215 ความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 42 ชั่วโมง มาพร้อมสายยาง Bi-color Viton™ สีดำสลับฟ้ากับ Pin Buckle Titanium
อีกแบรนด์ที่เปิดตัวพร้อมกัน คือ Nivada (นิวาดา) ก่อตั้งขึ้นในปี 1926 โดย Otto Wüllimann, Hermann Schindler และ Jack Schneider ณ เมือง Grenchen (เกรนเชน) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แบรนด์เก่าแก่ที่สร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาอเนกประสงค์ ที่มาพร้อมเทคนิคกลไกเฉพาะทาง แต่ Nivada เองก็เคยประสบปัญหาเหมือนแบรนด์นาฬิกาวินเทจหลาย ๆ แบรนด์ ในช่วงยุคของการปฏิวัติกลไกควอตซ์เมื่อปี 1970 จนกระทั่งในปี 2020 ที่แบรนด์มีแผนจะนำบริษัทกลับมาสู่ความรุ่งโรจน์ในตลาดผู้ผลิตนาฬิกาสวิสอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
นาฬิกาตระกูล Chronomaster ของ Nivada มาพร้อมคุณสมบัติอันโดดเด่นของกลไกที่มีความแม่นยำสูง ด้วยรูปลักษณ์ที่ถูกออกแบบมาเป็นนาฬิกาที่พร้อมใช้งานแบบอเนกประสงค์ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย และผ่านทดสอบที่เข้มงวดด้านความแม่นยำก่อนจะถูกส่งต่อให้ผู้สวมใส่
เหตุผลที่นาฬิกา Chronomaster ถูกตั้งชื่อว่า Super Chronograph เกิดจากไอเดียที่ต้องการแสดงคุณสมบัติการทำงานของฟังก์ชันจับเวลาแบบโครโนกราฟ ซึ่งนอกจะสามารถกันน้ำได้ลึก 200 เมตร ยังมีมาตรวัดความเร็วรอบ กับขอบ Bezel แบบหมุนได้สำหรับการใช้งานใต้น้ำ หรือการแสดงเขตเวลาที่สอง และการนับเวลาถอยหลังสำหรับการแข่งขันด้านความเร็ว ด้วยเหตุนี้ Chronomaster จึงกลายเป็นนาฬิกาอเนกประสงค์สำหรับทุกวงการตามที่กล่าวอ้างอย่างปฏิเสธได้ยากนั่นเอง
การออกแบบของ Nivada Chronomaster สอดคล้องกับสไตล์ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งถ่ายทอดได้อย่างโดดเด่นบนฟังก์ชันการใช้งานบนหน้าปัดและขอบหน้าปัด นาฬิกา Chronomaster ถูกนำเสนอครั้งแรกในปี 1961 และผลิตออกมาหลายรุ่นย่อยจนถึงต้นทศวรรษ 1970 ซึ่งทุกรุ่นล้วนติดตั้งกลไกโครโนกราฟแบบไขลานที่เปี่ยมคุณภาพในแบบ Nivada ทั้งสิ้น
Nivada Chronomaster ตัวเรือนทำจากสแตนเลสสตีล และติดตั้งขอบหน้าปัด Bezel ทำจากไทเทเนียมแบบหมุนได้สองทิศทาง ซึ่งแสดงผลในแบบ 12 ชม. และ 60 นาที หน้าปัดส่วนใหญ่เป็นสีดำทั้งหมด มีฟังก์ชันมาตรวัดความเร็ว และระบบจับเวลาในหน้าปัดย่อยแบบแยกสองคอมแพกซ์ เคาน์เตอร์ย่อยกับเข็มหลักชั่วโมงรูปลูกศรขนาดใหญ่ และเข็มนาทีทรงกระบองเคลือบสารเรืองแสง มาพร้อมตัวเลือกสายนาฬิกาแบบโลหะ และสายหนัง
สำหรับรุ่น Chronoking ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน คือ อีกหนึ่งเรือนเวลาที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของ Nivada มีการเพิ่มหน้าต่างแสดงวันที่ตรงบริเวณ 12 นาฬิกา เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับนาฬิกาในตระกูล Chronomaster โดยที่ยังรักษารายละเอียดเชิงเทคนิค และสะท้อนสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกา Chronomaster ไว้อย่างครบถ้วน
สัมผัสและเป็นเจ้าของ Gorilla และ Nivada จาก Pendulum ประเทศไทย ได้ก่อนใครที่งาน Central International Watch Fair 2022 ที่ Central Chidlom (ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565)