ย้อนดูดีไซน์ Gucci ที่ปรับโฉมมา 7 ครั้ง จากจุดพีคสุดในยุค Tom Ford และ Alessandro Michele จนถึง Sabato De Sarno ครีเอทีเฟไดเร็กเตอร์คนล่าสุดที่แบกความกดดันของแบรนด์ยอดขาย 10,000 ล้าน ไปสู่แฟชั่นสายมินิมัลเป็นครั้งแรก
LIPS พาย้อนชมดีไซน์ 7 ยุคของหนึ่งในแบรนด์ใหญ่ที่สุดในโลก ว่าทำไม Gucci จึงมาถึงจุดนี้ได้
ยุคที่ 1 ร้านเครื่องหนังของ Guccio Gucci
ในปี 1921 กุชโช กุชชี ช่างทำเครื่องหนังจากฟลอเรนซ์เปิดกิจการในบ้านเกิด และตั้งชื่อว่า Gucci ซึ่งสร้างชื่อจากกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ และเครื่องหนังระดับไฮเอนด์ กิจการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนชื่อ Gucci ฮิตติดปากระดับโลกในยุค 1950 – 1960
ยุคที่ 2 เจนสองเข้ามารับช่วงต่อ
ลูกหลานของกุชชีรับช่วงกิจการสืบต่อมาหลังจากตัวผู้ก่อตั้งเสียชีวิตในปี 1953 กิจการของกุชชีเป็นไปได้ดีมาก เสียจน Bamboo Bag กระเป๋าหูหิ้วไม้ไผ่ของแบรนด์กลายเป็นชิ้นสุดเลิฟของแฟชั่นไอคอนยุคนั้นอย่างแจ็กเกอลีน เคนเนดี
ทว่าความขัดแย้งในทิศทางบริหารธุรกิจครอบครัว ลงเอยด้วยความตายของมอริโซ กุชชี หลานชาย ซึ่งโดนปลิดชีวิตตามใบสั่งฆ่าที่มิลานในปี 1995 และเป็นจุดจบของตระกูลกุชชีที่สูญเสียสิทธิในการบริหารกิจการของบิดาไปจนหมดสิ้น
ยุคที่ 3 Dawn Mello: 1989 – 1995
ด้วยพื้นหลังที่เคยเป็นแฟชั่นไดเร็กเตอร์ ผู้ปลุกชีพให้กับห้าง Bergdorf Goodman หลังจากฝึกสกิลตาเหยี่ยว รู้ว่าผู้หญิงต้องการอะไรที่ห้างหรูชื่อดังในนิวยอร์กมาถึง 20 ปี นักบริหารหญิงชาวอเมริกันจึงถูกจ้างไปปฏิวัติดีไซน์และภาพลักษณ์ล้าหลังของกุชชี
มรดกสำคัญที่ดอว์น เมลโล ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของกุชชีก็คือ การปรับโฉมกระเป๋า Bamboo ริเริ่มลายโมโนแกรม GG และทำให้ฮอร์สบิตกลายเป็นโมทีฟสำคัญของกุชชี ผลสัมฤทธิ์ของดอว์นคือ เธอทำได้ตรงตามเป้าหมายตามที่ถูกว่าจ้างมาทุกประการ กุชชีไม่ใช่แค่แบรนด์เครื่องหนังคุณภาพดี แต่กลายเป็นลักชัวรีแบรนด์ระดับโลก
ยุคที่ 4 Tom Ford: 1994 – 2004
ยุคทองที่แท้ทรูของกุชชีมาถึง เมื่อทอม ฟอร์ด แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอเมริกัน เข้ามารีแบรนด์ขนานใหญ่ เขาทำให้กุชชีเท่ากับ ‘ยั่วยวนและเซ็กซ์’ แอดแคมเปญของกุชชีในยุคนี้สร้างชื่อกระฉ่อนและหมิ่นเหม่ ไม่ว่าจะเป็นภาพขนบริเวณอวัยเพศของคาร์เมน คาส ซูเปอร์โมเดลชาวเอสโตเนีย ถูกโกนเป็นรูปตัว G ภาพชาย-หญิง หรือหญิง-หญิงในท่าทางคล้ายสังวาสกัน วงการแฟชั่นในยุคนั้นท้วงว่าทอมชักจะทำเกินไปแล้ว แต่ก็หยุดมองภาพเหล่านี้ไม่ได้!
ดีไซน์เรียบ เส้นสายสะอ้านหมดจด แต่แหวกสูงเกินไป เว้าต่ำไปหน่อยของทอมในยุคนี้ ได้กลายเป็นชิ้นวินเทจที่คนดังยุคนี้ไล่ล่าตามหา ซึ่งน่าแปลกใจว่าแม้เวลาผ่านไป ดีไซน์ของทอม ฟอร์ดกลับไม่เคยล้าสมัยเลย
ยุคที่ 5 Frida Giannini: 2002 – 2014
เริ่มจากเป็นดีไซเนอร์ออกแบบแอ็กเซสเซอรีส์อินเฮาส์ ต่อมาได้โปรโมตเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์หญิงและเป็นชาวอิตาเลียนคนแรกของกุชชี ที่เปลี่ยนความยั่วในยุคทอม ฟอร์ด ด้วยกลิ่นอายโบโฮ วินเทจ สปอร์ตแวร์และสีสันจิวเวลรีจัดจ้าน แต่ไม่ปฏิเสธว่าจานนินีทำให้แอ็กเซสเซอรีส์ของกุชชียุคนี้แข็งแรงมาก กระเป๋าที่ยังเป็นไอคอนิกจนบัดนาวล้วนเป็นฝีมือเธอ ไม่ว่าจะเป็น Jackie และ Joy รวมทั้งดึงฮอร์สบิตกลับมาใช้อย่างหนัก และเปิดไลน์ใหม่ๆ ทั้ง Gucci Menswear ของแต่งบ้าน จนถึงเสื้อผ้าเด็ก
ยุคที่ 6 Alessandro Michele: 2015 – 2022
ในยุคที่แบรนด์ดังไล่ล่าหาซูเปอร์สตาร์ดีไซเนอร์ แต่กุชชีแต่งตั้งคนในขึ้นมาอีกครั้ง มิเคเลอยู่กับกุชชีมาตั้งแต่ปี 2002 และเมื่อได้สิทธิในการควบคุมทิศทางของแบรนด์ พ่อก็งัดเอาของดีที่เก็บไว้มาปล่อยแบบไม่บันยะบันยัง
ลายเซ็นของมิเคเลคือ งานยำใหญ่สารพัดสไตล์ เหมือนหลุดเข้าไปในงานปาร์ตี้ที่ไม่มีเดรสโค้ด ใครจะแต่งอะไร ใคร่แต่ง บางนางลากแม็กซีเดรส บ้างใส่เฟอร์ บ้างคนเหมือนหลุดออกมาจากหนังของเวส แอนเดอร์สัน รูปร่างหน้าตาของนายและนางแบบหลากหลาย ที่สำคัญมิเคเลออร่า ‘นี่-ไม่ใช่-ที่-ของ-เธอ!’ แล้วทำแฟชั่นที่เป็นมิตร กล้าบ้าบอและส่งสารออกไปว่า ‘เธอมานั่งกับเราได้นะ เราไม่กัด’ แต่ยอดขายในยุคมิเคเลกลับเติบโตลดลงเรื่อยๆ และบรรดานายใหญ่ที่ Kering ก็รับรู้ถึงสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาที่กุชชีต้องเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง และทิศทางใหม่นี้จะไม่มีมิเคเล
ยุคที่ 7 Sabato De Sarno: 2023 – …?
ซาบาโต เด ซาร์โน ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนที่ผ่านการทำงานกับแบรนด์ดังอย่าง Prada, Dolce & Gabbana และ Valentino ที่อยู่มาเกือบ 14 ปี ก่อนจะฉลองวัย 40 ในตำแหน่งใหม่ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ทั้งเครื่องแต่งกายสตรีและบุรุษที่กุชชี ตำแหน่งที่น่าปรารถนา ที่มาพร้อมความกดดันแบบมัน-ใหญ่-มาก
ในปี 2022 Kering บริษัทแม่ของกุชชีมีรายได้รวม 20,350 ล้านยูโร และกุชชี หนึ่งในแบรนด์ในเครือมียอดขาย 10,409 ล้านยูโร นั่นแปลว่ากุชชีหาเงินเข้าองค์กรถึง 50.6% ซาบาโตเองยังบอกว่าเขาจินตนาการไม่ออกว่ากุชชีใหญ่โตเพียงไร จนเข้ามาทำงานได้สองอาทิตย์แล้วยังประชุมกับทุกทีมไม่หมด
22 กันยายน 2023 ซาบาโตส่งคอลเล็กชั่นแรกประจำฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูร้อน 2024 ในชื่อ ‘Ancora’ คำในภาษาอิตาเลียนที่แปลว่า ‘อีกครั้ง’ ที่ใช้ในบริบทเมื่อยังรู้สึกว่าได้มายังไม่พอ ต้องขออีก ซาบาโตอยากจะให้กุชชีเป็นที่ปรารถนาอีกอย่างไม่รู้จักพอ แล้วเขาทำได้ตามนั้นหรือไม่?
ความเยอะยุ่บยั่บเกินขีดแม็กซิมัลในยุคมิเคเลไม่เหลือให้เห็นเลยในยุคซาบาโต ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับแบรนด์แฟชั่นทั้งหลายที่มุ่งเข้าหาการเป็น Quiet Luxury และจริตแฟชั่นของสายแฟในเวลานี้ เหมือนซาบาโตกลับไปหากุชชียุคทอม ฟอร์ด แล้วกลับออกมาพร้อมแฟชั่นเรียบ สะอ้านและเยาว์วัยลง ตอกย้ำผ่านคีย์พีซไมโครเดรสสั้นเกินกว่าจะนั่ง รองเท้าโลเฟอร์ส้นอภิมหาตึกที่นางแบบเองยังแทบข้อเท้าเคล็ด เสื้อกล้ามเปล่า เบลเซอร์คมกริบ รวมๆแล้วคือลุคเวิร์กแวร์เรียบโก้ในทิศทางที่ Prada ได้นำทางไว้แล้ว และได้ผล
คอลเล็กชั่นแรกของเขาเห็นแล้วอยากจะ ‘Ancora’ หรือไม่ อาจเป็นเช่นนั้นหลังจากคอลเล็กชั่นนี้ อยู่ที่ว่านายใหญ่ที่ Kering จะให้เวลานานพอที่เขาจะได้วัดฝีมือหรือเปล่า
Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก: