ไม่ว่าสถานการณ์แฟชั่นจะพลิกผันไปเพียงใดในช่วงเวลานี้ แต่วลีที่ว่า “The show must go on” ก็ยังคงเกิดขึ้นจริงให้เราได้เห็น ดังเช่นปารีสกูตูร์วีคประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2021 ที่จัดขึ้นและจบลงแล้วอย่างงดงามแม้จะเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบเหงาก็ตามที ส่วนจะมีแบรนด์ใดที่ทำผลงานได้สุดปังอลังการงานสร้างกันบ้าง Lips ได้สรุปรวมไฮไลต์มาให้เหล่าคนรักแฟชั่นได้อัปเดตไปพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว
VALENTINO
“น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ภายใต้ส่วนผสมของความหรูหราและความทันสมัยที่กลมกล่อมลงตัว” คือบทสรุปที่สะท้อนภาพความงามทั้ง 71 ลุคของโชว์จากห้องเสื้อระดับตำนานแห่งนี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด ทั้งหมดคือฝีมือจาก Pierpaolo Piccioli ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนผู้รั้งตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์ โดยเขาต้องการนำเสนองานตัดเย็บชั้นสูงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดสุดประณีต อาทิ งานปักและเทคนิคการทอลูกปัดสุดอลังการ ในรูปแบบที่เข้าถึงง่ายและสอดแทรกด้วยสีสันสดใสของฤดูใบไม้ผลิ รวมถึงจุดเด่นของเสื้อผ้าชั้นสูงสำหรับสุภาพบุรุษที่มาพร้อมโทนสีทอง แดง และขาว
FENDI
อีกหนึ่งโชว์ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีกับโอตกูตูร์แรกในชีวิตของดีไซเนอร์มือฉมังอย่าง Kim Jones ภายใต้เมซงสัญชาติอิตาเลียนผู้เกรียงไกรในโลกแฟชั่นอย่าง Fendi โดยคอลเลกชั่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่อง “Orlando” ซึ่งเป็นผลงานของนักประพันธ์หญิงชื่อดัง Virginia Woolf ก่อนจะผสมผสานเข้ากับประวัติศาสต์อันรุ่งโรจน์ของแบรนด์ และคลี่คลายไปสู่ผลลัพธ์ของงานดีไซน์ที่มีทั้งความร่วมสมัย ความโรแมนติก และเส้นสายคลาสสิกในสไตล์มัสคิวลีน
CHANEL
บรรยากาศของซุ้มดอกไม้สวยที่ประดับประดาราวกับอยู่ในงานวิวาห์เล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นชื่นมื่น ได้กลายเป็นฉากหลังที่สะท้อนภาพแห่งความสุขและรอยยิ้มละไมซึ่งเกิดขึ้นในโชว์ อีกทั้งยังบอกเล่าถึงแรงบันดาลใจของดีไซเนอร์ Virginie Viard ในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นนี้ที่ยังคงนำเสนอความเรียบง่ายแต่มากด้วยรายละเอียดในแบบฉบับงานกูตูร์ที่สวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน อาทิ ชุดเดรสที่ตกแต่งด้วยระบายซ้อนทับสลับเป็นชั้น กระโปรงพลิ้วไหวในโทนสีพาสเทลละมุนตา และแจ็กเก็ตผ้าทวีดที่ปรับโฉมจากเสื้อคลุมทักซิโดของผู้ชาย
DIOR
เมื่อดีไซเนอร์สาวขวัญใจเหล่าเฟมินีนอย่าง Maria Grazia Chiuri พาเราออกเดินทางสู่โลกเทพนิยายอีกครั้ง ด้วยแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์โอตกูตูร์คอลเลกชั่นที่มาจากสัญลักษณ์ไพ่ยิปซีและมนต์เสน่ห์ของศาสตร์แห่งการทำนาย แน่นอนว่าความโดดเด่นของเสื้อผ้าก็คือซิลูเอตแบบเฟมินีนซึ่งเป็นดีเอ็นเอประจำตัวของดีไซเนอร์ผู้นี้ เรื่อยไปจนถึงคีย์พีซที่ละลานตาด้วยอัตลักษณ์ของแบรนด์อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นบาร์แจ็กเก็ต เทคนิคการจับจีบผ้าระบายสุดเนี้ยบ รวมไปถึงผ้าปักลายด้วยมือที่งามวิจิตรตระการตาในทุกดีเทล
GIAMBATTISTA VALLI
หากต้องนึกถึงห้องเสื้อผู้ช่ำชองในด้านเทคนิคการจับระบายและการไล่เลเยอร์ทูลระดับชั้นครู Giambattista Valli ก็คือหนึ่งในลิสต์ลำดับต้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับคอลเลกชั่นโอตกูตูร์ของแบรนด์ในซีซั่นนี้ที่มาพร้อมแรงบันดาลใจจากการเต้นรำในเมืองเซบียา ประเทศสเปน รวมถึงคอนเซ็ปต์ที่เข้ากับสถานการณ์โลกในช่วงนี่อย่างพอดิบพอดีนั่นคือ “Go big and stay home” ซึ่งเปรียบได้กับสารเล็กๆ จากผู้หญิงที่ไม่ว่าโลกจะวิกฤติเพียงใด แต่ผู้หญิงก็ยังคงต้องการที่จะอยู่ชุดที่ดูดีและสวยเสมอ (แม้ว่าจะต้องอยู่บ้านและไม่ได้ออกไปไหนก็ตาม)
SCHIAPARELLI
เปรี้ยวเก๋สุดพลังจนใครเห็นก็ต้องหันหลังกลับมามอง สำหรับคอลเลกชั่นโอตกูตูร์จากแบรนด์ Schiaparelli โดยฝีมือครีเอทีฟไดเร็กเตอร์อย่าง Daniel Roseberry ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Magic” เราจึงได้เห็นแฟชั่นไอเท็มสุดครีเอตที่ดูสวยแปลกตาไม่ซ้ำใคร รวมถึงไอเท็มชิ้นเบสิคที่ดูเหมือนจะไม่สามารถอยู่ในคอลเลกชั่นเสื้อผ้าชั้นสูงได้อย่างบอมเบอร์แจ็กเก็ต กางเกงแบ็กกี้ หรือแม้แต่กางเกงผ้าเดนิม และที่โดดเด่นสะดุดตาไม่แพ้เสื้อผ้าก็เห็นจะเป็นบรรดาจิวเวลรี่ดีไซน์สุดเปรี้ยวในแบบโอเวอร์ไซส์ที่ได้ลุคเก๋และฉีกกรอบนิยามคำว่าโอตกูตูร์ในแบบเดิมๆ ไปอย่างสิ้นเชิง
ARMANI PRIVÉ
ยังคงรักษามาตรฐานระดับท็อปฟอร์มไว้อย่างเหนียวแน่นดังเดิมสำหรับคอลเลกชั่นโอตกูตูร์จาก Armani Privéโดย Giorgio Armani ด้วยรายละเอียดงดงามหรูหราสไตล์อิตาเลียนที่เน้นย้ำทุกดีเทลได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ซิลูเอตเบสิคที่เคยคุ้นตา มาคราวนี้มีการปรับเปลี่ยนใหม่และแต่งแต้มด้วยกลิ่นอายของยุค 40s ในขณะเดียวกันก็ยังคงความร่วมสมัย ความสง่างาม และความเย้ายวนใจในแบบฉบับของผู้หญิงโมเดิร์น ที่น่าทึ่งก็คืองานปักประดับชุดแบบละเอียดยิบที่ตอกย้ำความงามของงานฝีมือระดับมาสเตอร์พีซได้อย่างดีเยี่ยม