ความสวยที่มาพร้อมความสามารถของสามสาวบ้านบาเล็นซิเอก้า เรียกได้ว่าเป็นยีนเด่นที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นก็ว่าได้ ไล่เรียงมาจากคุณแม่ อรศรี ฮอนโนลด์ (บาเล็นซิเอก้า) หรือที่คนในวงการเรียกว่าพี่เหน่ง หรือคุณแม่เหน่ง ก็ครองตำแหน่งงามบนเวทีดัง และเป็นนางแบบชื่อก้องในยุค 80s-90s มาจนถึงลูกสาวคนโต มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ นั้นก็ขึ้นแท่นเป็นนางเอกเบอร์ต้นของช่องน้อยสี และโดยเฉพาะลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน มารีน่า-ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า ก็เป็นสาวน้อยความสามารถรอบด้าน ทั้งการเดินแบบ ร้องเพลง รวมถึงการเป็นนักแสดงดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการ
มาทำความรู้จักสองพี่น้องดีกรีนางเอกแพ็คคู่ให้ดียิ่งขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์บางส่วนในคอลัมน์ Cover Story ในลิปส์ฉบับมีนาคม2563กันค่ะ
ห่างหายไปจากวงการบันเทิงสักพักใหญ่ สำหรับมาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ พี่ใหญ่ของบ้านที่ในวันนี้เปลี่ยนบทบาทจากนางเอกสาวหน้าหวานมาเป็นคุณแม่ของลูกฝาแฝดชายหญิง มีก้า และมีญ่าและถึงแม้มาร์กี้จะไม่ได้มีผลงานละครออกมาให้เห็น เพราะต้องทุ่มเทเวลาให้กับลูกน้อย แต่แฟนๆ ก็สามารถติดตามมาร์กี้ในรายการต่างๆ โดยการสร้างสรรค์ของบริษัท Pok 9 Entertainment และ Mindset TV ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ได้ พอให้หายคิดถึง
“ชีวิตเปลี่ยนไปมากไหมในตอนนี้ มันก็เปลี่ยนไปนะคะ ความรับผิดชอบก็เพิ่มขึ้นในอีกบทบาทหนึ่ง แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะจัดสรรเวลาได้ดีหรือไม่ ซึ่งการเลี้ยงลูกแฝดเหมือนเราเลี้ยงเขาแบบไปไหนมาไหนด้วยกันได้ก็จะง่ายกว่า อย่าง มีก้า เขาจะขี้อ้อน ต้องให้คนอยู่ด้วยตลอดเวลา จะค่อนข้างจะติดคน ติดพ่อ ติดแม่ ติดพี่เลี้ยง อยากให้คนอยู่ด้วยตลอดเวลา เล่นคนเดียวไม่ได้ ขี้เหงา
…ตอนกลางคืนมีก้าชอบนอนสะดุ้ง กลัวว่าจะไม่มีคนอยู่ด้วย เป็นตั้งแต่เด็กเลยค่ะ ต้องเอามือแตะตัว ต้องให้รู้ว่ามีใครอยู่ข้างๆ จะต้องเอามือแตะให้รู้ว่าเราอยู่ใกล้ๆ ส่วนมีญ่าจะมีความสันโดษ เล่นคนเดียวได้ ทำอะไรเองคนเดียวได้ นอนคนเดียวได้ แต่ระดับความซนสูสีกันมากค่ะ แต่ว่ามีก้าเขาจะลุยกว่า เขาจะไม่กลัวเจ็บ ล้มก็ไม่เป็นไร แต่มีญ่าจะค่อนข้างระมัดระวัง ทำอะไรเขาก็จะระวังว่าจะเจ็บหรือเปล่า
…มีก้ากับมีญ่าอายุได้ 9 เดือน มีพัฒนาการที่ดี และเติบโตรวดเร็วมาก เริ่มเรียนรู้ เริ่มสื่อสาร เราก็ใช้วิธีสังเกตเอา ส่วนคุณยายก็มาช่วยดูแลทำกับข้าว แนะนำเราว่าต้องทำอย่างไร ส่วนคุณพ่อป๊อกก็เสมอต้นเสมอปลาย คือเล่นกับลูก เอาลูกเข้านอน ทุกวันทำอย่างไรเขาก็ทำเป็นประจำอยู่อย่างนั้น อย่างเวลาไปเที่ยว หรือถ่ายรายการเราก็เอาเขาไปด้วย พยายามไม่ห่างลูกอยู่ด้วยกันตลอดเวลาค่ะ”
“ตัวกี้เองรับหน้าที่เป็นคุณแม่ฟูลไทม์ ควบคู่กับการทำแบรนด์เครื่องประดับ I’M BRAND (ไอแอม แบรนด์) ซึ่งเราขายผ่านทางอินสตาแกรมค่ะ ก็เป็นการทำงานร่วมกับคุณไอซ์-พิชพงศ์ โสมกุล ช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบ ทำมานาน ก็น่าจะ 5 ปีแล้วค่ะ เป็นงานอดิเรกที่ทำแบบสนุกๆ พอให้แฟนคลับได้มีอะไรเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย แล้วของเราก็ไม่ได้มีราคาแพงอะไร ซื้อไปใส่กันได้ทุกคนเลย
…ตอนนี้กี้ทำรายการออนไลน์ในยูทูบกับคุณ ‘ป๊อก Mindset’ ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ สามีค่ะ (หัวเราะ) ก็จะมี Mindset TV ที่มีรายการหลายๆ รายการ เรียกว่าต้องทำงานกันอย่างหนักในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการคิดครีเอทสร้างสรรค์คอนเท็นต์ใหม่ๆ ออกมานำเสนอ อย่าง ป๊อกกี้ On the run รวมถึงรายอื่นๆ ที่เราค่อยๆ ทำไป ขยายไป เริ่มต้นจากอะไรที่เล็กๆ จากกล้องตัวหนึ่ง มีน้องตัดต่อคนเดียว ทำโปรดักส์ชั่นง่ายๆ แต่ทุกวันนี้เราทำรายการเพิ่มขึ้น มีพนักงานแบบครบวงจร เราก็ขยับขยายไปเรื่อยๆ ค่ะ
…เราตั้งใจให้มีรายการที่กี้ไม่ได้เป็นพิธีกรด้วย อย่าง แม่ยาย MINDSET หรือจะเป็นป๊อกกี้ The Challenge ศึกสายเลือด ดวลเดือดแม่ยาย นำโดยแม่เหน่งสุดฮาประจำช่องของเราเองค่ะ ทั้งหมดก็เพื่อขยายฐานคนดูให้กว้างขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นวัยรุ่น หรือเป็นเด็กอะไรอย่างเดียว คือสามารถดูได้ทุกเพศทุกวัยทั้งครอบครัว เราก็ค่อนข้างที่เปิดกว้าง มีโอกาสอะไรที่เราทำได้ เรามีความสุขเราก็ทำ”
มารีน่า-ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า หญิงสาวเจ้าของผมซอยสั้นลุคเฟียร์ซ เริ่มต้นเข้าวงการตามรอยพี่สาวตั้งแต่เด็ก ด้วยเริ่มต้นเดินแบบตอนอายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น และก้าวสู่การเป็นดารา นักแสดง กับผลงานละครเรื่องแรก น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ในบท “มารีน่า” และล่าสุดกับบทฝาแฝดชายหญิง “ขวัญเอย” และ “ขวัญมา” ในละครแนวโรแมนติก-ดราม่าเรื่อง “ซ่อนเงารัก” นอกจากงานแสดงมารีน่ายังสวมหมวกอีกหนึ่งใบในฐานะศิลปิน-นักร้อง ในสังกัดค่าย Holy Fox ภายใต้การดูแลของเลิฟอิส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
“จริงๆ ทุกๆ อย่างที่หนูได้ทำล้วนเป็นการแสดงศักยภาพที่เรามี เหมือนเป็นการแสดง Performance Arts คือเราเป็นศิลปินเราต้องสื่อสารกับผู้คน อย่างการเดินแบบ จริงอยู่ที่ทุกอย่างมันถูกเซ็ตมาแล้ว เราเป็นแค่นางแบบที่จะต้องใส่ชุดแล้วเดินบนรันเวย์ไปตามนั้น แต่เรามีหน้าที่สำคัญในการพรีเซ้นส์เสื้อผ้าผ่านทางท่วงท่า แววตา และความรู้สึก ให้คนดูเข้าใจว่าสิ่งที่เราต้องการจะนำเสนอนั้นคืออะไรให้ได้มากที่สุด
…ต้องบอกว่าที่จริงแล้วหนูเป็นคนกลัวเวที ไม่ชอบการขึ้นเวที ตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ อย่างการประกวดนางงาม นางนพมาศ หรืออะไรคล้ายๆ แบบนี้ หนูรู้สึกไม่ชอบเวลามีคนมาจับจ้องมองเรา รู้สึกว่ามันกดดันค่ะ แต่หนูชอบการเดินแบบ เพราะได้แต่งตัวได้เปลี่ยนลุคใหม่ๆ แฟชั่นมันเป็นเรื่องของศิลปะ การดีไซน์ มันเป็นอะไรที่สนุก มันเป็นเรื่องราวครีเอทิวิตี้ทั้งหลาย แล้วเราชอบตรงนั้น ก็เลยทำมันได้
…แต่ในตอนนี้สิ่งที่หนูรู้สึกดีมากที่สุด และโฟกัสมากที่สุดคือการทำเพลงค่ะ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราต้องถ่ายทอด ต้องทำให้คนฟังเขารู้สึก สมมุติเป็นเพลงอกหัก เราก็ต้องเจ็บเหมือนกับเนื้อหาเพลง แบบทำให้คนฟังจะต้องร้องไห้จากเพลงนี้หรือเศร้าอะไรอย่างนั้น หรือถ้าเกิดเป็นเพลงไหนที่เหมือนเป็นการให้กำลังใจในการ Move on ต่อ เราก็ต้องมีอินเนอร์ที่ สตรอง เพื่อที่เราจะได้ส่งพลังไปถึงคนฟังได้”
“การเล่นละคร บทละครทุกอย่างอาจถูกเขียนมาหมดแล้ว แต่เราต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวนั้นให้ได้ ต้องทำให้คนเชื่อ หนูเล่นละครมาเรื่องนี้น่าจะประมาณเรื่องที่ 4 แล้วนะคะ ก็มีการปรับพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ค่ะ สำหรับละครเรื่องนี้หนูเล่นเป็นตัวเอกเรื่องแรกเลย ดีใจมากค่ะ ซึ่งบทบาทที่ได้รับก็อย่างที่ได้รับชมกันไปแล้ว คือ ดราม่ามาก บทสนุก และท้าทายความสามารถมากๆ ค่ะ เพราะมันเป็นตัวละครที่มีทั้งด้านดีด้านร้าย และมีความน่าสงสาร คือเหมือนมนุษย์เราเลยค่ะ ที่โดนกระทำมากๆ มันก็ไม่ไหว
…กับบทบาทของการเป็นนักแสดง หนูว่าหนูเปลี่ยนไปเยอะมากเลยค่ะ ตอนที่เล่นเรื่องน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ตอนนั้นก็ยังอยู่ในวัยใส เหมือนมันคือตัวเรา เราเจอเพื่อน เราสนิท วิธีการพูดทุกอย่างเป็นตัวเราหมดเลย แต่พอมารับบทฝาแฝดในละครเรื่องซ่อนเงารักมันไกลตัวเราพอสมควร ก็ต้องใช้เทคนิค และความสามารถในการแสดงมากขึ้น
…ต้องมีสมาธิมากๆ ช่วงแรกๆ นอนไม่หลับเลย กลับบ้านมาคือฝันเป็นตัวละครตัวนั้นเลยค่ะ เพราะเนื้อเรื่องมันดราม่ามาก แล้วชีวิตหนูหนูไม่ได้เป็นคนที่คิดมาก ไม่ได้เป็นคนที่ร้องไห้ได้ง่ายๆ แต่ตัวละครตัวนี้เสียใจก็จะแสดงออกมา ทำให้เราต้องฝึก ต้องเรียนแอคติ้งโค้ช เพื่อที่จะได้ปลดล็อคตัวเองค่ะ”
│Photography : Nucha Jaitip
│Styling : Torrinee
│Special Thanks : Louis Vuitton
