อะไรทำให้ เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม ยอมโกหกขาวใส่คนอื่นในซีรีส์ใหม่ทาง Netflix
“คนเรา White Lie ใส่กันอยู่แล้ว” เจเจบอก แต่อย่างไม่สบายใจนัก “อยู่ที่เจตนา”
เจเจเป็น 1 ใน 4 ครอบครัวตัวปลอมที่ไป White Lie ใส่ครอบครัวตัวจริง ด้วยเจตนาที่ยังฟันธงไม่ได้ว่าเพื่อถนอมน้ำใจคนอื่นหรือตนเอง
เรื่องจะไม่วุ่นขนาดนี้ หากว่าเกิดในยุคที่เราเป็นนักสืบโซเชียลกันได้ง่ายดาย แต่เรื่องเกิดในยุค 90 ซึ่งกว่าเจเจจะเกิดก็ล่วงเข้าปี 1996 เข้าไปแล้ว NSYNC ที่ดังกระฉูดในยุคนั้นคือใคร เจเจไม่รู้จัก แต่เขากลับต้องมารับบทเป็นพนักงานบริษัทเพจเจอร์
โกหกขาวในยุค 90 เพจเจอร์และครอบครัวตัวปลอม – เกี่ยวข้องกันอย่างไร เจเจบอกให้ดูเฉลยกันใน ‘Analog Squad ทีมรักนักหลอก’ ได้ตั้งแต่วันนี้
“โกหกเพื่อให้สบายใจกับพูดความเป็นจริงอันเจ็บปวดมันคือเส้นบางๆ”
LIPS: ถ้าเจเจรับงานแสดง แปลว่าบทต้องท้าทาย คาแรกเตอร์ ‘เก๊ก’ หนุ่มลูกชายเกสต์เฮาส์ย่านข้าวสาร พนักงานเพจเจอร์ ที่สวมรอยเป็น ‘ม่อน’ นักศึกษาแพทย์ตัวปลอมไปหลอกคุณปู่ใกล้ตาย…ฟังดูก็ท้าทายอยู่นะ
เจเจ: ก่อนจะได้อ่านบท พี่ต้น (ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร ผู้กำกับจาก Season Change, หนีตามกาลิเอโล, คิดถึงวิทยา) สนใจผม อยากให้ลองมาคุย ผมก็ไปแคสต์ ปกติเวลาผมจะรับเล่นเรื่องไหน ผมอยากแคสต์ก่อน เราจะได้เห็นบทด้วย และเราจะได้รู้ว่าเราเข้ากับบทไหม ทีมก็จะได้เห็นด้วยว่าเราเหมาะกับบทจริงหรือเปล่า เราอยากเมกชัวร์เพื่อให้ทุกฝ่ายไม่ต้องเสียเวลา ทีนี้พอได้อ่านบทก็ชอบเลย ด้วยคอนเซ็ปต์ของเรื่องค่อนข้างใหม่และน่าสนใจ เราจะไม่ค่อยเห็นพลอตของไทยที่เป็นเรื่องราวแบบนี้ พอเป็นเรื่องครอบครัวที่ผมอินอยู่แล้วด้วยก็เลยอยากเล่น
LIPS: แต่ไม่ใช่ครอบครัวแบบที่คนดูจะคาดหวังได้
เจเจ: (กลัวหลุดสปอยล์) ก็…ต้องไปรอดูกัน ตัวละครทุกตัวมีความเป็นมนุษย์สูงมาก มีปมขัดแย้งในตัวเอง ทำให้คาแรกเตอร์พิเศษในความเป็นมนุษย์ธรรมดาของแต่ละตัว
LIPS: อันนี้ไม่ได้สปอยล์นะ แต่เป็นพลอตของซีรีส์ คือตอนแรกเปิดมาด้วยครอบครัวตัวปลอมที่ไปหลอกครอบครัวตัวจริง แล้วค่อยๆย้อนกลับไปเล่าที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัว ที่มาที่ไปของเก๊กเป็นอย่างไร
เจเจ: เขาเป็นคนที่พยายามจะทำความเข้าใจชีวิตของตัวเอง แต่เขาก็ค่อยๆเดินออกจากชีวิตนั้นด้วย มันเลยมีปมขัดแย้งที่แน่นมาก
LIPS: เรารักครอบครัว แต่ไม่ได้ชอบไปเสียทุกอย่าง
เจเจ: ใช่ครับ และเก๊กก็เลือกจะไม่พูดออกไปตรงๆ แต่เลือกจะเดินออกมาเอง เพราะว่าเขาแคร์แม่ ไม่อยากทำให้เสียน้ำใจ ผมเจอกับพี่โยโกะ (ทาคาโน่) ที่เล่นเป็นแม่ และพี่กษาปณ์ (จำปาดิบ) ที่เล่นเป็นเพื่อนที่ทำงานที่สนิทกันมาก เราจะเอาบทมาซ้อมและพี่ต้น ผู้กำกับจะมาดูว่าควรจะไปทิศทางไหนก่อนจะถึงวันออกกองจริง
LIPS: เจเจทันยุคพี่โยโกะเฟื่องฟูไหม
เจเจ: ไม่ทันครับ
LIPS: ยุคทัดทรวง มณีจันทร์, มรกต มณีฉาย หนังสือพิมพ์ลงรูปนู้ดของพวกเธอครึ่งหน้าทุกวันอาทิตย์
เจเจ: โอ้ หรือครับ ผมไม่ทันยุคนั้น
LIPS: ในเรื่องพี่โยโกะรับบทเป็นนางแบบขาลง มันสะท้อนกับเราไหมในเรื่องความสำเร็จที่มีขาขึ้น-ขาลง
เจเจ: ผมว่าความขึ้นลงเป็นเรื่องปกติ แต่ละคนจะมองเรื่องความสำเร็จเป็นเรื่องของแต่ละคนเลย แล้วแต่ว่าใครจะนิยามความสำเร็จของตัวเองด้วยอะไร สำหรับบางคนความสำเร็จอาจเป็นเรื่องมีเงิน 1 ล้าน หรือ 10 ล้าน หรือบางคนอาจรู้สึกว่าประสบความสำเร็จแล้วกับการอยู่สบายๆ สำหรับผม…ยังไม่รู้ครับ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะหาคำตอบ ทุกวันนี้สำหรับผมเป็นเรื่องของการทดลองทำหลายๆอย่างไปก่อน และลองใช้ชีวิตและทำงานไปก่อน สักวันผมน่าจะรู้เองว่าผมอยากจะไปทางไหน ไม่อยากฟิกซ์ทุกอย่างตายตัว อะไรเข้ามาเราเปิดรับไว้ก่อน
“เราเป็นแฟนหนังของจีดีเอช การได้มาเป็นนักแสดงให้พี่ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร เป็นหนึ่งใน Bucket List ของผม”
LIPS: เหมือนการตั้ง QOW บริษัทของเจเจกับต้าเหนิง ก็ไม่ได้เกิดจากการตั้งเป้าหมายว่าจะทำงานแสดงไป 5 ปีนะแล้วมีบริษัทตัวเอง
เจเจ: ใช่เลยครับ เราไม่ได้คิดไว้ก่อน มันเป็นไปตามครรลองของมัน
LIPS: แล้วซีรีส์เรื่องนี้ที่เข้ามาแบบไม่คาดคิดไว้ก่อน นำเซอร์ไพรส์อะไรมาให้เจเจบ้าง
เจเจ: เป็นเรื่องแรกที่ผมได้ร่วมงานกับพี่ต้นซึ่งผมอยากทำงานด้วยอยู่แล้ว เราเป็นแฟนหนังของจีดีเอช และได้ดูหนังพี่ต้นมาตั้งแต่เด็ก หนังของเขาแต่ละเรื่องมีเสน่ห์ การได้มาเป็นนักแสดงให้พี่ต้นเป็นหนึ่งใน Bucket List ของผม และพอได้มาร่วมงานจริงๆก็ไม่ผิดหวังเลย รู้สึกว่าคิดถูกที่เล่นเรื่องนี้
คาแรกเตอร์เก๊กมีวิธีการเล่นที่หลากหลายมาก และพี่ต้นก็ปล่อยให้ผมทดลองได้เยอะ ด้วยการที่เก๊กอยู่ในวัยทำงาน ต้องอยู่กับเพื่อนที่ทำงาน อยู่กับแก๊งที่เป็นครอบครัวปลอม และอยู่กับครอบครัวจริงของตัวเองไปด้วยในเวลาเดียวกันทำให้เขามีความสัมพันธ์หลายมิติมาก เหมือนตัวเขาต้องอยู่หลายเวิร์ส อยู่ที่ทำงานเขาก็เป็นคนอีกแบบ มีเพื่อนสนิทในที่ทำงานเป็นคนวัยลุง เป็นเรื่องปกติที่ในชีวิตคนเราอาจมีเพื่อนในวัยโตกว่าได้
พี่ต้นบอกเสมอว่าในความเป็นมนุษย์ เราไม่ได้มีด้านเดียวอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหันด้านไหนไปให้ใครเห็นในเวลาไหน หรือเราจะเปิดบางด้านกับใคร อย่างเวลาเก๊กอยู่กับเพื่อนสนิทวัยพ่อ เขาก็ทำกิจกรรมวัยรุ่นกันนะ ไปดูรถแข่งของเล่นกัน จนผมคิดว่าเส้นแบ่งวัยไม่มีหรอก คนเราแบ่งกันได้รสนิยมมากกว่า หรือแม้ว่าลึกๆเก๊กจะอยากเดินออกไปจากชีวิตของครอบครัวตัวเอง เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรในใจและดูแลแม่เป็นอย่างดี
“ผมคิดว่าคนเรา White Lie กันในครอบครัวมากที่สุดด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากทำให้ครอบครัวเป็นห่วง”
LIPS: นั่นก็เป็น White Lie อย่างหนึ่งที่เก๊กเลือกทำกับแม่ซึ่งเป็นครอบครัวจริงๆของเขา ในชีวิตจริงเจเจโกหกขาวบ้างไหม
เจเจ: มีอยู่แล้วครับ โกหกเพื่อให้สบายใจกับพูดความเป็นจริงอันเจ็บปวดมันคือเส้นบางๆ การโกหกขาวหรือ White Lie ผมคิดว่าอยู่ที่เจตนาของเราด้วยว่าเราต้องการโกหกเพื่อให้เขาสบายใจ หรือเราโกหกเพื่อจะปกป้องตัวเอง เราอาจจะคิดว่า เราโกหกเพื่อให้คนคนนี้สบายใจ แต่จริงๆแล้ว เรากำลังปกป้องตัวเราเองหรือทำเพื่อให้เราสบายใจหรือเปล่า เพราะถ้าเราบอกความจริงกับเขาไปตรงๆ มันอาจจะเกิดผลกระทบอะไรต่อตัวเราได้บ้าง
LIPS: แง่หนึ่งมันอาจเป็นกลไกป้องกันตัวเองของเราก็เป็นได้
เจเจ: ใช่ครับ มันเลยมีเส้นบางๆนะกับการโกหกขาว
LIPS: เจเจรับมือกับแบบไหนได้ดีกว่า โกหกเพื่อให้สบายใจหรือเผชิญหน้ากับความจริงอันเจ็บปวด
เจเจ: ถ้าเป็นตัวผมเองนะ ผมเลือก White Lie กับคนที่ผมรู้สึกว่าถ้าผมบอกไปแล้วเขาจะเป็นห่วงผม อย่างเราเลือกจะโกหกกับคนคนนี้ แล้วเราจะไปจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง เขาจะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วงเรา ฉะนั้น ผมอาจจะโกหกขาวกับแม่ในเรื่องง่ายๆ อย่างเวลาแม่ถามว่าเหนื่อยไหม ผมจะตอบว่าไม่เหนื่อย แต่จริงๆเหนื่อยจะตายแล้ว นี่ก็คือว่าเป็น White Lie เราไม่อยากให้คนที่รักเราต้องมาเจ็บปวดหรือเป็นทุกข์เพราะเรา ผมคิดว่าคนเรา White Lie กันในครอบครัวมากที่สุดด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากทำให้ครอบครัวเป็นห่วง ไม่อยากให้ไม่สบายใจ
LIPS: ในเรื่อง เจเจเป็นครอบครัวตัวปลอม สวมรอยเป็นม่อน นักศึกษาแพทย์น้องชายของแม็ก หรือจริงๆคือบุ้ง ที่รับบทโดยปริมมี่ (ปริมมี่-วิพาวีร์ พัทธ์ณศิริ จากหนัง Fast & Feel Love ของเต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์) โอ๊ย การเป็นตัวปลอมนี่ซับซ้อนนะ
เจเจ: ทำงานด้วยกันครั้งแรกในเรื่องนี้เลย สนุกมาก จริงๆเคยเจอกันผ่านเพื่อนของเพื่อน พอเวิร์กชอปด้วยกันเป็นม่อนกับแม็กก็สนิทกันเร็วมาก ตอนอยู่ในกอง ผมกับปริมอายุเท่ากัน ผู้จัดการผมที่ไปกองก็อายุไล่เลี่ย เลยเหมือนเป็นแก๊งเดียวกัน
ปริมมีเอนเนอร์จีล้นหลาม เขาจะสร้างความสนุกสนานและพลังงานบวกให้กับทุกคน ซึ่งเอนเนอร์จีผมก็ประมาณนี้ (เสียงเรื่อยๆ เรียบๆ โมโนโทน) ด้วยวัยและสถานการณ์บังคับด้วยเลยทำให้สนิทกันเร็ว เพราอย่างพี่น้ำฝน บางวันลูกเขามาก็จะอยู่กับลูก และพี่ปีเตอร์ช่วงนั้นเขาทำอีกโปรเจกต์หนึ่งด้วย พอถ่ายเรื่องนี้เสร็จ เขาก็ไปอีกกอง วัยเราก็ไม่รู้จะอยู่กับใครนอกจากเพื่อน
(ทำปากพรึมเหมือนคันปากอยากเมาธ์) จริงๆแล้วเขานอยด์มากเลยนะครับ เขาชอบโดนพี่ๆในทีมบ่น ปริมชอบไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา เช่น ไปอยู่ในจังหวะที่ตากล้องหันมาพอดี ก็จะโดนติ หรือมีช็อตที่ปริมยืนล้ำหน้าพี่ปีเตอร์ บังมิดเลย พี่ปีเตอร์อารมณ์กำลังได้เลย คัททันที แต่ไม่แปลกหรอก ตอนเด็กๆผมก็โดนว่าบ่อย ตอนนี้ปริมโปรแล้ว
LIPS: พ่อแม่จอมปลอมในเรื่องล่ะ ปีเตอร์-นพชัย ชัยนามกับน้ำฝน กุลณัฐ ฟังชื่อพ่อแม่ก็หนาวแล้ว
เจเจ: ตอนได้ยินว่าจะเล่นเป็นลูกปลอมๆของพี่ปีเตอร์ก็กดดันเลย เราได้เห็นผลงานเรื่องก่อนหน้านี้ของเขามาเยอะ และเคยร่วมงานด้วยแบบแฉลบๆ ก็พอจะรู้ฝีมือของพี่ปีเตอร์อยู่บ้าง แต่กับพี่น้ำฝนนี่ห่างไกลกันมาก ไม่เคยเจอกันเลย ผมอาจจะเคยดูละครพี่น้ำฝนตอนเด็กมากๆ แต่โชคดีตอนอยู่ด้วยกัน 4 คนตอนเวิร์กชอปเหมือนมีเคมีบางอย่างที่ไปด้วยกันได้ พี่น้ำฝนเป็นคนโอเพนมากๆ พี่ปีเตอร์จะยิ้มๆ นั่งฟัง นิ่งๆ ดูไม่น่ากลัวอย่างที่ใครคิด
LIPS: เรื่องราวครึ่งหนึ่งเกิดที่พังงา ไปถ่ายทำที่พังงานนานไหม
เจเจ: ประมาณหนึ่งเดือนครับ ตั้งแต่ทำงานในวงการมา ผมไม่เคยทำโปรเจกต์อะไรที่ต้องไปอยู่กินกับทีมงานนานๆเลยนะ ปกติจะแค่ไปเช้าเย็นกลับ ไม่เคยต้องไปค้างคืนกับทีมงาน ตื่นเช้ามาก็เจอทีมงาน ผมว่ามันชิลดีครับ
LIPS: บรรยากาศเมืองเก่าเงียบสงบของพังงามีบทบาทหรือส่งผลต่อการแสดงอย่างไรบ้าง
เจเจ: เราไปถ่ายทำกันที่ตะกั่วป่า ที่นั่นเหมือนเมืองเก่าภูเก็ต แต่มีความคลาสสิกกว่า สำหรับเก๊กเหมือนได้ไปเที่ยว ในเรื่องเราเป็นเด็กข้าวสารไง แม่มีเกสต์เฮาส์ที่ข้าวสาร พอได้ไปทำงานกับครอบครัวปลอมที่พังงาก็ไม่คิดอะไรนอกจากดีใจจัง เย้ ได้ไปทะเล การรับจ๊อบนี้เลยเหมือนเป็นของขวัญมากๆ ได้ไปเที่ยวและได้เงินด้วย
LIPS: ตอนต้นที่เจเจบอกว่าอินเรื่องครอบครัว แล้วเราเชื่อมโยงกับพาร์ตครอบครัวในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
เจเจ: จริงๆแล้วเก๊กไม่ได้อยากจะมีปัญหากับใครเลยในเรื่อง เอาจริงแล้วไม่ได้ไม่อยากด้วย เพียงแต่ว่าจริงๆแล้วไม่มีปัญหากับใครเลย เขาจะทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาก็ได้ ทำไมแม่ต้องถ่ายนู้ด หรือเวลาโดนหัวหน้าด่า เขาก็แค่ครับๆ แล้วก็จบ เป็นคนลื่นไหลไปเรื่อย บางสถานการณ์ผมว่าความลื่นไหลก็ดีกับการใช้ชีวิตนะ แต่ก็ไม่ควรจะปล่อยเลยตามเลยเกินไป
(นิ่งคิด) ผมว่าผมคล้ายๆลุงปอนด์ (ปีเตอร์ นพชัย รับบทพ่อตัวปลอมในเรื่อง ซึ่งจ้างคนไปเล่นเป็นครอบครัวไปหลอกพ่อแม่ตัวเอง) แต่ไม่แย่ขนาดนั้นนะ มันมีความพยายามจะพิสูจน์ตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ว่าเราก็ไม่แน่ชัดว่าเราจะพิสูจน์เรื่องนั้นไปทำไมนะ…มันมีอารมณ์แบบนี้อยู่ ผมพูดออกมาเป็นคำพูดยากมาก
“ในความเป็นมนุษย์ เราไม่ได้มีด้านเดียวอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหันด้านไหนไปให้ใครเห็นในเวลาไหน”
LIPS: และเรื่องราวเกิดขึ้นในยุค 90…เจเจเกิดปีอะไรน่ะ
เจเจ: 1996 ครับ
LIPS: คนดังในวัยเด็กของเราคือใคร ยุคเราคือหนูหอก บริตนีย์ สเปียร์
เจเจ: ของผมคือพี่ศรราม ผมเคยดูละครที่เขาเล่นกับกบ สุวนันท์ เหมือนเขาเล่นละครคู่กับพี่กบบ่อยมาก
LIPS: คนดังฝั่งฝรั่งล่ะ NSYNC รู้จักไหม
เจเจ: (ทำหน้างง) ฮะ? เขาคือ…?
ตัวอย่าง Analog Squad ทีมรักนักหลอก ทาง Netflix
Analog Squad ทีมรักนักหลอก รับชมได้ทาง Netflix ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป
Words: Suphakdipa Poolsap
Photos: Somkiat Kangsdalwirun