ใครที่เป็นสายเที่ยวต้องไม่พลาดยูทูบแชนเนล Bivoyage ของใบเฟิร์น – อัญชสานักแสดงสาวช่องOne ที่เน้นพาเที่ยวทั้งในไทยและต่างประเทศตามสไตล์นักท่องเที่ยวตัวจริงด้วยการแชร์สาระความรู้แนวเพื่อนสาวเล่าให้ฟังพร้อมกับถ่ายทอดประสบการณ์แบบเรียลๆอย่างไม่ปั้นแต่งทำเอาแฟนๆหลงเสน่ห์ความเป็น ‘ใบเฟิร์น’ กันเป็นแถวทีเดียว
ลิปส์: ทำยูทูบแชนเนลของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่
ใบเฟิร์น: ทำตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ ตอนนั้นทำคลิปเกี่ยวกับบิวตี้ เพราะชอบแต่งหน้ามาก ก็เริ่มจากคลิปแต่งหน้าแนวต่าง ๆ ตั้งกล้องถ่ายเอง ตัดต่อเอง ตอนที่ลงคลิปเฟิร์นลงคอนเท็นต์ใน pantip ด้วย เลยมีคนเข้ามาดูเยอะเกินกว่าที่คิดไว้ จากที่จะทำคลิปเดียวก็ทำต่อไปอีก 2-3 คลิป แต่พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าตัน เพราะเราไม่ใช่อาร์ติสต์ที่จะสร้างสรรค์ลุคใหม่ออกมาได้ตลอด แล้วตอนนั้นทำแบบไม่ได้จริงจังด้วย พอเหนื่อยก็หยุดทำไป
หลังจากนั้นหลายปีเหมือนกัน เกิดจากที่เฟิร์นเริ่มไปเที่ยวตอนใกล้เรียนจบ เที่ยวกลับมาก็เขียนรีวิวทริปใน pantip เหมือนเดิม ตอนนั้นมีคนติดตามค่อนข้างเยอะ เพราะเฟิร์นรีวิวละเอียดมาก เช่น ถ้าจะนั่งรถจากตรงนี้ไปตรงนี้ต้องเลือกนั่งฝั่งซ้ายนะ วิวสวยกว่า หรือค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เป็นเงินเท่าไร เราเล่าละเอียดมาก และเล่าตามความเป็นจริง
จากตรงนั้นทำให้เฟิร์นเริ่มทำเพจเฟซบุ๊กชื่อว่า Bivoyage ก่อน จนกระทั่งช่วงที่คนเริ่มทำคลิปกัน เฟิร์นก็ได้ไปจอยกับ Go Went Go ครั้งนั้นได้รับคอมเม้นต์ว่า เป็นคนพูดน่าฟังนะ น่าจะลองทำคลิปของตัวเองบ้าง พี่บาส Go Went Go ก็เชียร์ให้ทำ แฟนเพจของเราก็คอมเม้นต์กันว่า อยากเห็นเฟิร์นทำคลิป แต่ถึงอย่างนั้นก็อีกสักพักเลยกว่าจะเริ่มทำ
ลิปส์: ทำไมถึงตัดสินใจยากว่าจะทำดีไหม
ใบเฟิร์น: เฟิร์นเป็นคนมีโลกส่วนตัว ถ้าทำเพจมันก็ยังเป็นโลกของเรา อยากถ่ายรูปอะไรก็ถ่าย แต่ถ้าเป็นคลิปวิดีโอ เฟิร์นกลัวว่า จะเสียโลกส่วนตัวของตัวเองไป แทนที่จะได้นั่งดูวิว เราก็ต้องมา on record ทุกอย่างให้ทุกคนได้เห็น เราอาจจะเสียโลกส่วนตัวของเราเวลาไปเที่ยวหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลองทำยูทูบแชนเนล Bivoyage เพื่อเล่าเรื่องท่องเที่ยวในแบบคลิปวิดีโอควบคู่ไปกับเพจ
ลิปส์: ช่วงไหนที่รู้สึกว่าคนติดตามแชนเนลของเราแล้ว
ใบเฟิร์น: พอทำคลิปเที่ยวมาสักพักก็รู้สึกว่าคนติดนะ ทริปแรก ๆ อย่างอิตาลี ที่เฟิร์นตั้งใจอยากให้คนดูได้ข้อมูลความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และศิลปะ จึงเก็บข้อมูลเยอะและละเอียดมาก เพื่อมาเล่าง่าย ๆ แบบเล่าให้เพื่อนฟัง คลิปนั้นมีคนมาคอมเม้นต์เยอะว่า ดูแชนเนลนี้แล้วได้ความรู้แบบไม่น่าเบื่อเลย ได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ที่จำได้ดีคือ มีคนบอกว่า ทำข้อสอบโอเน็ตได้ข้อหนึ่ง เพราะดูคลิปวิดีโอนี้ เฟิร์นก็ดีใจที่คลิปท่องเที่ยวของเรามีประโยชน์เหมือนกันนะ
ลิปส์: พอชาแนลเป็นรูปเป็นร่างจริงจังต้องกลับมาวางคอนเซ็ปต์ให้ชัดเจนขึ้นไหม
ใบเฟิร์น: ต้องเรียกว่าไม่ได้วางคอนเซ็ปต์ แต่ความเป็นตัวของตัวเองของเฟิร์นกลายเป็นคอนเซ็ปต์ไปโดยอัตโนมัติ เช่น คนดูรู้ว่าช่องของเฟิร์นต้องมีเรื่องของกิน เพราะเฟิร์นชอบกินมาก คนดูจะมีความสุขมากเมื่อเห็นเรากินทั้งที่เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น หรือคนจะชอบความ ‘ใบเฟิร์น’ ที่ต้องหลง ตกรถ หกล้ม ซึ่งเราก็ไม่เคยหกล้มเพื่อให้ได้คอนเท็นต์นะ (หัวเราะ) แต่หกล้มจริงก็เอามาใส่ในคอนเท็นต์ให้เรียลตามแบบที่คนดูชอบ แล้วมันจะมีอะไรอย่างนี้ทุกคลิปเลย กลายเป็นว่าคนดูชอบเรา โดยที่เราไม่ได้เปลี่ยนตัวเองตัวเองเลย
ลิปส์: ตอนนี้ยังถ่ายเองตัดต่อเองเหมือนเดิมหรือเปล่า
ใบเฟิร์น: พอเริ่มมีสปอนเซอร์เข้ามา เฟิร์นรู้สึกว่า ต้องจริงจังมากขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพงานให้ดี เพราะฉะนั้นเราตัดต่อเองไม่ได้แล้ว ก็จ้างคนตัดต่อ สักพักก็มีลูกค้าแบรนด์ที่เขาดูดี หรือเขาอยากได้งานอลังการ เราก็เริ่มจ้างตากล้องมาถ่าย แต่พอจ้างตากล้องมาก็มีปัญหาที่คาดไม่ถึงคือ
“วิดีโอที่เราปั้นอย่างสวยงามกลับมีคนดูน้อยกว่าการถ่ายเองแบบบ้านๆ พอไปปรึกษาคนที่ทำยูทูบมาก่อน เขาก็บอกว่า คนดูยูทูบเขาต้องการอะไรที่เรียล เขาต้องการความจริงแบบที่เฟิร์นเคยทำ ถ้าสวยงามมากเขาไปดูทีวีก็ได้ เฟิร์นก็ต้องกลับมาบาลานซ์ใหม่ ให้งานได้ทั้งคุณภาพความสวยงามและความเรียลอย่างที่เคยทำมา”
ลิปส์: คลิปไหนที่เกินความคาดหมาย
ใบเฟิร์น: คลิปล่าสุดเลย เรื่องการเก็บไข่ (egg freezing) เหนือความคาดหมายมากที่สุด เพราะเป็นคอนเท็นต์ที่ฉีกจากที่เคยทำ จริง ๆ คือ เฟิร์นแพลนที่จะเก็บไข่อยู่แล้ว ตอนเข้าไปคุยกับคุณหมอก็ได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเยอะมาก และรู้สึกว่าเป็นประโยชน์ที่คนดูควรได้รู้ได้ฟังและอาจเป็นประโยชน์กับเขาในอนาคตก็ได้ แต่ความยาก คือ เฟิร์นต้องถ่ายทอดข้อมูลทางการแพทย์ที่ละเอียดและยากให้คนเข้าใจได้ง่ายที่สุด พร้อมไปกับความเรียลที่คนอยากดู นั่นคือเฟิร์นต้องเข้าไปทำเอง เจาะเข็มเข้าเนื้อเองจริง ๆ เจ็บจริง กลัวจริง อย่างที่ทุกคนเห็น
เฟิร์นยอมรับว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรกับคลิปนี้เลยนะ แต่คิดว่าถ้าเป็นประโยชน์กับคนแค่หลักสิบหลักร้อยก็ยังดี กลายเป็นว่าลงคลิปไปได้ไม่นานมีคนดู 2 แสนกว่าวิวแล้ว มันเยอะมากนะสำหรับชาแนลของเฟิร์น ส่วนคนดูในเฟซบุ๊กคือยอดเป็นล้านแบบออร์แกนิก ซึ่งไม่บ่อยนักที่จะเกิดกับเพจของเฟิร์นเช่นกัน ผลตอบรับดีกว่าที่คิดแบบทะลุเพดาน หลายคนบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน หรือดูแล้วได้ประโยชน์ ให้ข้อมูลละเอียดจัง เฟิร์นก็ดีใจมาก ๆ
ลิปส์: เคยเจอดราม่าจากการทำคลิปบ้างไหม
ใบเฟิร์น: ยังไม่เคยมีเลย แต่ก็รู้ว่าสักวันอาจจะมีก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นความผิดของเราจริงก็ต้องยอมรับและขอโทษ
“ปกติเฟิร์นเป็นคนที่อ่านดราม่าในอินเทอร์เน็ตเยอะมาก เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ พวกแฮชแท็ก #ยทบ (ยูทูบเบอร์) #บตบก (บิวตี้บล็อกเกอร์) เฟิร์นเข้าไปอ่านหมดเลย เพื่อที่เราจะได้ไม่ก้าวพลาดในจุดนั้น ถือว่าเลี่ยงดราม่าได้เยอะเหมือนกัน เพราะเรารู้แล้วว่าคนในสังคม sensitive กับเรื่องอะไร”
ลิปส์: เมื่อดารานักแสดงมาทำยูทูบชาแนลมีข้อได้เปรียบไหม
ใบเฟิร์น: เฟิร์นเคยคิดว่า ได้เปรียบนะ แต่สุดท้ายมาลองคิดดี ๆ ก็คงไม่ได้เปรียบมากนัก จริงที่เราอาจได้เปรียบในตอนเริ่มต้น เพราะมีคนรู้จักเรามาก่อนแล้ว เราก็อาจไม่ได้เริ่มจากศูนย์ อาจมี 100 คนที่รู้จักเรามาตามแชนเนลของเราทันที แต่ความได้เปรียบนี้ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป สุดท้ายอยู่ที่คอนเท็นต์มากกว่า คนที่เขาเริ่มนับจากศูนย์แล้วสะสมคนตามมาเป็นร้อยเท่ากัน แต่วันหนึ่งเขาเกิดทำคอนเท็นต์ที่คนชอบแล้วจนมีคนตามเป็นหมื่นก็ได้ ในขณะที่เราก็อาจจะยังอยู่แค่ 200 เท่านั้น สุดท้ายสิ่งที่ดึงคนได้คือคอนเท็นต์ ไม่ใช่ชื่อเสียงของเรา บางคนที่ติดตามแชนเนลของเฟิร์น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฟิร์นเป็นนักแสดง บางคนบอกว่า สวยเหมือนดาราเลย ก็มี หรือเวลาไปเที่ยวก็มีคนจำได้ว่าน้องคนนี้ทำเพจทำคลิปเที่ยวนะ
ลิปส์: การทำยูทูบเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้จริงไหม
ใบเฟิร์น: เป็นอาชีพได้จริง และรายได้โอเคมากๆ รายได้ของยูทูบเบอร์มาจากสองทางคือ โฆษณาคั่นระหว่างคลิปที่คนดูไม่กด skip กับรายได้ sponsor ที่ tie-in สินค้า เฟิร์นจะมีรายได้จากอย่างแรกน้อยมาก และจะได้จากอย่างหลังเยอะกว่า แต่บางคนก็สามารถได้ทั้งสองทางเลย ยูทูบเบอร์ดัง ๆ เขาทำรายได้มากจนซื้อบ้านซื้อรถได้ เฟิร์นอาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็พูดได้ว่าเป็นอาชีพได้ เลี้ยงตัวเองได้
ลิปส์: ถือว่าแชนเนลของเราประสบความสำเร็จหรือยัง
ใบเฟิร์น: ยังนะ มันควรไปได้มากกว่านี้ ตอนแรกเฟิร์นรู้สึกเฟลว่า ทำไมเราทำจริงจังมา 2 ปีแล้ว คนดูยังน้อยอยู่เลย แต่พอคิดว่า มันไม่ประสบความสำเร็จใจเราก็ห่อเหี่ยว ตอนหลังเลยปรับ mindset ใหม่ว่า เราจะไปถึงวันที่ประสบความสำเร็จให้ได้ แต่จะไม่กดดันตัวเองมาก ให้เรามีความสุขกับสิ่งที่อยากทำด้วย จะได้เป็นพลังบวกให้ก้าวต่อไป และส่งความสนุกและความสุขให้คนดูผ่านผลงาน อย่างที่เราเคยตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นดีกว่า
┃Text : Chernporn K.
┃Photography : Somkiat K.
