ลิซ่าสิ้นสุดรอบการแสดงตั้งแต่วันที่ 28 – 30 กันยายนที่ CRAZY HORSE PARIS คาบาเรต์โชว์ชื่อดังในปารีส ในโชว์ที่เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของศิลปินเคป๊อป เมื่อเธอเดินในเส้นทางที่ไม่เคยมีใครก้าวย่างมาก่อน ความแปลกใหม่ย่อมก่อให้เกิดความคิดเห็นแตกต่าง การตัดสินใจครั้งนี้ของลิซ่าจึงได้รับทั้งก้อนหินและดอกไม้
ขณะที่ฮวาซา MAMAMOO ไปเต้นท่าไหนในเทศกาลดนตรีของมหาวิทยาลัย จนมีผู้ปกครองไปแจ้งตำรวจว่า การแสดงของเธออนาจาร และขอให้ดำเนินคดีอาญา
นี่หรือคือไอดอล?
นับแต่ประกาศข่าวว่าลิซ่าจะไปโชว์คาบาเรต์ที่ CRAZY HORSE PARIS ก็สร้างความตื่นตะลึงในสังคมออนไลน์ ด้อมบางส่วนถอนกำลังสนับสนุน ลบโพสต์ที่เกี่ยวกับมักเน่ของ BLACKPINK บอกว่าการกระทำของเธอสร้างอิทธิพลแง่ลบต่อแฟนๆรุ่นเยาว์ ทำให้ภาพลักษณ์ของไอดอลมัวหมอง
เมื่อเปิดรอบการแสดงจริง ลิซ่าปรากฏตัวในโชว์ 5 องก์ รวมเวลาทั้งสิ้น 10 นาทีต่อหน้าผู้ชม ซึ่งมีทั้งจีซู เจนนีและโรเซ่, ออสติน บัตเลอร์, โรซาเลีย, คายา เกอร์เบอร์ รวมไปถึงแฟนๆจากนานาประเทศที่บินไปชมโชว์ และโพสต์การรีวิวในโซเชียลมีเดียไปทางชื่นชมต่อ ‘การยกระดับการแสดงไปอีกขั้น’ ‘การเต้นที่เป็นดั่งงานศิลปะ’ ของลิซ่า
ภาพของลิซ่าที่ถ่ายพร้อมเพื่อนๆนักเต้นคาบาเรต์ก่อเสียงวิจารณ์ว่า เธอแต่งตัวโป๊เกินไป เป็นไอดอลแต่มาใส่บิกินีเต้น แต่อีกฝั่งหนึ่งบอกว่า ลิซ่าถืออภิสิทธิ์ ถ้าจะมาเต้นคาบาเรต์แล้วทำไมไม่แต่งตัวให้เหมือนคนอื่นๆ จะมามีผ้าปิดท่อนบนทำไม
แต่เป็นเจ้าแถบผ้านี่ละที่เป็นตัวปัญหา เมื่อมีคลิปนักเต้นสาวที่คลับคล้ายว่าจะเป็นลิซ่าออกมาโชว์ลีลา และทันใดก็ปลดผ้าปิดหน้าอกแล้วโยนใส่คนดู ใน X ยังมี ‘ผู้ชม’ ที่อ้างว่าไปดูลิซ่า และเธอปลดผ้าท่อนบนออก เหลือแต่บิกินีท่อนล่างเท่านั้น
นักสืบโซเชียลทำงานหนักมาก เมื่อวิเคราะห์ภาพแล้วบอกว่า นี่มันตัดต่อ! ทรงผม เสื้อผ้า และสัดส่วนร่างกายไม่เหมือนลิซ่าเสียหน่อย นอกจากนี้ทาง CRAZY HORSE PARIS ตรวจอุปกรณ์บันทึกภาพก่อนเข้าชม และห้ามถ่ายรูปหรือคลิปวิดีโอระหว่างการแสดง นักแสดงคนดังที่ไปดูโชว์ลิซ่าต่างโดนวิจารณ์ไปด้วยว่า สนับสนุนตัวอย่างที่ไม่ดีต่อคนที่มีอิทธิพลต่อแฟนรุ่นเยาว์
ท่ามกลางก้อนหินและดอกไม้ ลิซ่าเดินหน้าขึ้นเวทีครบทุกรอบ “ช่างเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่ได้มาแสดงที่ CRAZY HORSE PARIS ขอบคุณทุกคนที่ช่วยให้การแสดงนี้เกิดขึ้น ติดต่อฉันมานะ ถ้าเกิดนักเต้นคนไหนไม่ว่าง” ลิซ่าโพสต์ไอจี
ล้ำเส้น หรือ รับได้?
ย้อนไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ฮวาซา MAMAMOO ขึ้นเวทีในเทศกาลดนตรีของมหาวิทยาลัยซองคยอนควาน ฮวาซาสวมเสื้อแขนยาวซีทรูสีดำ ฮอตแพนต์ยีนส์ และรองเท้าบู๊ตยาว โชว์เมดเลย์เพลงฮิตของวง และเพลงเดี่ยวของเธอที่ร่วมงานกับโลโค
ฮวาซาเต้นคลอไปกับท่วงทำนองของเพลง และหนึ่งในท่าเต้นของเธอกลายเป็นไวรัลดัง
เธอแหวกขานั่งย่อ เอามือข้างหนึ่งแตะลิ้นที่แลบออกมา และเลื่อนลงไปแตะหว่างขา ก่อนจะลุกขึ้นมาเต้นต่อไป
ปรากฏว่ามีผู้ปกครองนักศึกษาไปแจ้งความว่า การแสดงของฮวาซาอนาจาร และหากตำรวจมีหลักฐานมากพอว่า การแสดงของเธอละเมิดกฎหมาย ไอดอลคนดังก็จะโดนคดีอาญา
ระหว่างที่เรื่องราวนี้เกิดขึ้น ฮวาซาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กำลังเดินสายแสดงคอนเสิร์ตกับ MAMAMOO ในสหรัฐ มือถือของเธอเต็มไปด้วยข้อความ เธอเอะใจว่าคงเกิดเรื่องแล้วเป็นแน่ ก่อนจะพบว่าตนถูกเชือดในโลกโซเชียลไปแล้วเรียบร้อย
ฮวาซาขึ้นเวทีพร้อมข้อความด่าทอชิงชังเต็มหัว ทว่าเธอแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทำหน้าที่บนเวทีอย่างมืออาชีพ
แต่เมื่อคอนเสิร์ตจบลง ขณะอยู่ในลิฟต์เตรียมขึ้นห้องพักพร้อมกับโซลาร์ ฮวีอินและมุนบยอล เมมเบอร์ของ MAMAMOO น้ำตาที่พยายามเก็บซ่อนไว้ก็ทะลักออกมา
“น้ำตาที่ฉันร้องไห้ครั้งเดียวนั้น มากกว่าน้ำตาที่ฉันร้องไห้ตลอดทั้งปี” ฮวาซากล่าวเมื่อมาออกรายการทอล์กโชว์ในช่องยูทูบของซองชีคยอง นักร้องรุ่นพี่
ท่ามกลางเสียงด่าทอจากรอบทิศ ไซ (PSY) เจ้าของเพลงดัง Gangnam Style และผู้บริหารค่ายเพลง P Nation ส่งเพลงใหม่ไปให้เธอ เพลงนั้นมีชื่อว่า ‘I Love My Body’ เนื้อเพลงพูดถึงการรักตัวเอง การมองเห็นตัวตนและคุณค่า มากกว่าจะมาวิพากษ์วิจารณ์และเกลียดชังกัน
นั่นทำให้ฮวาซาตกลงใจเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในค่ายของไซทันที หลังจากปฏิเสธเขาไปแล้วหลายครั้ง
หลายเดือนแห่งความทุกข์ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากตำรวจได้รวบรวมหลักฐาน และวิเคราะห์การแสดงของเธอแล้วว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายข้อใดหรือไม่ ก็ปรากฏว่า ข้อกล่าวหาของผู้ปกครองไม่เพียงพอจะแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อฮวาซาได้
ข่าวนี้มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยว่า ฮวาซาเปิดการแสดงต่อหน้าคนดูที่เป็นนักศึกษา ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว บ้างก็มองว่า หากท่าเต้นรูดเป้าของเธอ ‘อนาจาร’ แล้วการที่ไอดอลผู้ชายเต้นท่าจับเป้าล่ะ? ทำไมไม่โดนมองว่าอนาจารเหมือนกัน
บางคอมเมนต์บอกว่า อย่ามา Woke! การกระทำของฮวาซาไม่ใช่เรื่องเสริมพลังหญิง Woman Empowerment ไม่ใช่เรื่องว่าใครเป็นเพศไหน ให้โฟกัสไปที่การกระทำว่า เหมาะหรือไม่เหมาะสม ลามไปสู่การตอบโต้ที่ไม่จบสิ้น
ผู้หญิงในฐานะวัตถุทางเพศ
ดิตา วอน ทีส นักเต้นเปลื้องผ้าสุดไอคอนิกของโลก เริ่มทำงานในคลับเปลื้องผ้าตั้งแต่อายุ 19 เธอยังเคยทำงานเป็นนักเต้นโกโก นางแบบบอนเดจ (การอยู่ในสภาวะถูกพันธนาการร่างกาย ส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ BDSM) และพนักงานขายชุดชั้นใน เรียกว่าคลุกคลีอยู่กับการใช้เซ็กซ์เป็นการแสดงออกทางศิลปะมาอย่างยาวนาน
ดิตาออกเงินตัวเองสร้างโชว์ของตัวเองมานานก่อนที่โลกจะยอมรับว่า การแสดงของเธอคือศิลปะอย่างหนึ่ง ในขณะที่เธอมองตัวเองว่าเป็นเพอร์ฟอร์เมอร์ เป็นศิลปิน แต่ผู้ชมบางส่วนอาจมองเรือนร่างของเธอเป็นวัตถุทางเพศ “แน่ละว่าฉันเห็นอยู่ว่าบางทีตัวเองก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็น ‘วัตถุ’ แต่ไม่ใช่ตอนที่ฉันทำการแสดง ไม่เคยเลย
“เวลาที่มีคนรู้ว่าฉันเป็นคนดัง แต่ไม่รู้ว่าดังมาจากอะไรหรอกนะ แต่ก็ยังมาขอถ่ายรูป” ดิตากล่าว “แค่ยิ้มๆตามไปมันก็ง่ายดี แต่นั่นละคือช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกปฏิบัติเหมือนเป็นสิ่งของ”
ดิตาในวัย 51 กล่าวว่า “เราไม่ควรบอกใครว่าสิ่งไหนทำให้เขารู้สึกบั่นทอนหรือมีพลังฮึกเหิม เรื่องแบบนี้แล้วแต่คน แต่ฉันคิดว่า บางครั้งก็ต้องให้เวลาสักพักใหญ่ๆในชีวิตให้เราได้รู้จักตัวเองดีพอ เพื่อจะรู้ว่าสิ่งไหนที่โอเคกับเรา”
ดิตายังบอกด้วยว่า “ฉันคิดว่า ตัวเองไม่น่าไปเต้นในคลับเปลื้องผ้าตอนอายุ 19…แต่ไม่อายถ้ามีคนเรียกฉันว่าเป็นนักเต้นเปลื้องผ้า เพราะฉันได้เรียนรู้ความยั่วยวนแบบดูไม่พยายามก็จากที่นั่น”
Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก:
