ไม่ได้มีดีเพียงแค่หน้าตาที่หล่อเหลาละลายใจแต่ เมฆ-จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์ ยังมีความสามารถรอบด้านทั้งการเป็นศิลปิน นักร้อง นักดนตรี และนักแสดง เป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง
เมฆ-จิรกิตติ์ เป็นพี่ชายสุดหล่อของนางเอกสาว มุก-วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ เมฆก้าวสู่วงการบันเทิงด้วยการประกวดเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 8 และในปีที่ 9 ซึ่งในครั้งนั้นถึงแม้เมฆจะไม่ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้าย แต่ความมุ่งมั่น และตั้งใจของเมฆนั้นเตะตา สถาพร พานิชรักษาพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด จึงได้ถูกชักชวนมาร่วมงาน และเซ็นสัญญาในที่สุด เมฆแจ้งเกิดจากบท เซโร่ ในซีรีส์เรื่อง รักนะเป็ดโง่ และ U-Prince Series โดยล่าสุดเมฆกำลังมีผลงานเพลงในโปรเจ็กต์ “Love Stranger”
“ในโปรเจ็กต์ Love Stranger ผมร้องเพลง “ลองเลย” คู่กับ Wonderframe เราทั้งคู่สนิทกันมากอยู่แล้วครับ การทำงานเลยยิ่งสนุก ส่วนแนวเพลงจะเป็นป๊อปผสมอาร์แอนด์บีครับ และถ้าพูดตามตรงในท่อนที่ผมต้องร้องแร็พ ผมไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตนะครับ เพราะปกติผมชอบร้องเพลงร็อคมากกว่า ก็อยากให้ลองฟังกัน ซึ่งเพลงลองเลยจะมีเนื้อหาประมาณว่าบางทีเราชอบคนนี้ แล้วเราเอาแต่แอบชอบเฉยๆ ก็จะไม่เกิดผลอะไรขึ้นมา เราต้องลองเลย ลองคุยกันดู ลองคบกันดูก็จะรู้ว่ามันใช่ หรือไม่ใช่
…ซึ่งถ้าพูดถึงประเด็นเรื่องความรักในความคิดของผม ผมคิดว่าเราปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า
“ผมคิดมาตลอดเวลาว่าผมเป็นคนประเภทคลั่งรัก ถ้าผมรักใคร ผมรักแบบคลั่งเลย เราไม่สามารถห้ามความรักได้หรอก แต่เราต้องรู้ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันใช่ความรักจริงๆ หรือเปล่า”
…นอกจากงานเพลงในโปรเจ็กต์ Love Stranger ในตอนนี้ผมกำลังฟอร์มวงทำดนตรีกับเพื่อน 4 คน ภายใต้ชื่อ Saint after sxx ที่แปลว่านักบุญครับ ก็เป็นแนวร็อคที่เราถนัดเลยครับ คิดว่าน่าจะมีผลงานให้ได้ติดตามเร็วๆ นี้ และผมยังทำแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ FeelFan ด้วยนะครับ ผมทำกับเพื่อนสองคน ผมทำด้วยความคึกคะนองของตัวเอง เพราะผมรู้สึกว่าผมต้องการใส่เสื้อผ้าที่เราอยากใส่ แล้วในขณะเดียวกันก็แสดงออกถึงความชอบในเรื่องแฟชั่นของผมด้วย
…ผมมีภาพบางอย่างที่อยู่ในหัวว่าเราอยากแต่งแบบนั้น ใส่แบบนี้ แต่ทำไมไม่มีที่เราชอบ ถ้าอย่างนั้นเราทำขายเองก็ได้ ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นแนวสตรีทนี่แหละครับ แต่จะมีเรื่องราวของการออกแบบเล็กๆ น้อยๆ เข้าไปผสมผสาน เน้นที่ว่าทำเองใส่เอง ผมทำมาได้ปีหนึ่งแล้วครับ โดยทำเป็นคอลเล็กชั่นขึ้นมา แต่ทำน้อยทำไม่มาก เพราะผมกังวลเรื่องการเก็บสต๊อก ผมกลัวขายไม่หมดครับ (หัวเราะ) ฉะนั้นผม จะบอกลูกค้าเวลาขายว่า หมดแล้วหมดเลยไม่ทำใหม่ ถ้าชอบต้องซื้อเลย
…จริงๆ แล้วผมเป็นคนชอบแต่งตัวในสไตล์ญี่ปุ่น แต่งจัด กล้าแต่ง แต่ผมจะไม่บอกว่าผมเป็นคนแต่งตัวเก่ง แต่ผมเป็นคนที่ชอบการแต่งตัว เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำอยู่ตลอดเวลาคือการลองมิกซ์แอนด์แม็ตช์ บางครั้งหลายคนเห็นผมแต่งตัวก็จะบอกว่า ผมแต่งตัวแปลกมาก แต่ผมไม่ได้สนใจว่ามันเท่ หรือไม่เท่ มันคือการทดลองมันสนุกครับ ผมไม่ชอบการที่เราดูแคตตาล็อก ดูคนนั้นคนนี้แต่งแล้วแต่งตามเขา ผมรู้สึกว่ามันไม่แปลกใหม่ มันไม่ตื่นเต้น ผมชอบหาความตื่นเต้นให้ตัวเองด้วยการแต่งตัวแบบสุดๆ ไปเลย แล้วค่อยมาดูฟี้ดแบ็ค ดีไม่ดีไม่ดีไม่เป็นไร ครั้งหน้าเราก็แต่งใหม่ เปลี่ยนสไตล์ไปเรื่อยๆ”
นั่นเป็นการทำงานที่เกิดขึ้นจากความรัก และความสนใจของเมฆ ซึ่งชายหนุ่มออกตัวว่าเขาเป็นคนที่อยู่นิ่งไม่ได้ และไม่เคยปล่อยให้เวลาสูญเปล่าโดยไม่ขยับตัวทำอะไร เพราะทุกวินาทีคือช่วงเวลาที่มีค่าที่ได้เรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง
“ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่มีความชอบค่อนข้างหลากหลายมากในชีวิต ถ้าเกิดใครไปที่บ้านจะเห็นว่าผมสะสมของหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูเข้ากันไม่ได้เลย อย่าง สกินแคร์ น้ำหอม หรือไพ่ทาโรต์ก็มีครับ ซึ่งผมดูดวงเป็น ดูไพ่ทาโรต์ได้ ดูโหราศาสตร์ไทยเป็น มีเรื่องของดวงจีนดูได้นิดหน่อย แล้วผมก็สะสมพวกพวกตะกรุด พวกสร้อยมูเตลูด้วยนะครับ และถ้าถามว่าผมมีเวลาว่างบ้างไหม ไม่ค่อยมีหรอก เพราะผมต้องหาอะไรทำ ไม่ใช่แค่ทำงาน แต่ผมยังชอบต่อยมวย ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ผมอ่านหนังสือค่อนข้างหลากหลายมาก จะมีทั้งปรัชญา จิตวิทยา การพัฒนาตนเอง มีนิยายกำลังภายใน นิยายจีน นิยายญี่ปุ่น อย่างสามก๊ก ผมก็จะชอบอ่าน แล้วก็ไปปาร์ตี้ด้วย ให้มันบาลานซ์ที่สุดครับ
…ส่วนในอนาคตผมคิดว่าผมยังทำงานแสดงของผมไปเรื่อยๆ เพราะตราบใดที่เรายังมีโอกาสตรงนี้เราสามารถทำได้ ก็จะทำให้ดี ส่วนงานเพลงของผม ผมยังทำอยู่เรื่อยๆ ทั้งในฐานะเมฆ-จิรกิตติ์ แล้วก็ในฐานะวงดนตรีที่ผมทำต่อไปครับ”
┃Photography : Somkiat K.
┃Styling : Chanasorn P.
┃Special Thanks : Sofitel Bangkok Sukhumvit Hotel, Adi-C
