Masochistic Product Placements
เทรนด์การตลาดที่แบรนด์แฟชั่นปรากฏในหนังหรือซีรีส์ แต่ไม่ขอให้อวยแบรนด์ให้ดูดี นาทีนี้แบรนด์ยอมโดนแซะ จิกกัด ยั่วล้อ เสียดสี หรือเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำสารพัดรูปแบบไปเลยสิดี อิทธิพลของซีรีส์ต่อแฟชั่นยังระอุต่อเนื่อง การส่งเสื้อผ้าให้นักแสดงใส่แสดงในซีรีส์เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ความไม่ธรรมดาของการตลาดแฟชั่นยุคนี้ก็คือ ส่งของให้นะ สนับสนุนซีรีส์คุณล่ะ ไม่ได้อยากจะให้มาอวยแบรนด์ แต่จัดมาเลย แซะ จิกกัด เสียดสี กระทำฉันเถิดให้สาแก่ใจ(คนดู)จะขอบพระคุณอย่างสูง เพราะคอนเทนต์แนวแซะเป็นไวรัลง่ายกว่า ตามประสาคนดูยุคใหม่ที่ชอบอะไรหลุดๆ บ้งๆ และตั้งข้อสงสัยความสวยหรูดูเกินจริงว่าปลอมหรือเปล่า
ดังนั้นในซีรีส์ดัง Succession ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นท่ามกลางดงคนรวยมว้าก เมื่อตัวละครดูแคลนกระเป๋าลายหมากรุกวินเทจของ BURBERRY โดยพูดว่า “หล่อนถือกระเป๋าใหญ่เทอะทะน่าขันสิ้นดี”
เกิดอะไรขึ้นน่ะรึ แพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ SSENSE โพสต์รูปนางแบบสะพายกระเป๋าทรงโอเวอร์ไซซ์ใส่แมวได้ 5 ตัวกันไปเลยจาก KASSL EDITIONS พร้อมโปรยประโยคแซะจากซีรีส์นั่นแหละมาเป็นคำโฆษณาขายกระเป๋าเสียเลย
สมัยที่ซีรีส์ WEDNESDAY ดังพีค แพลตฟอร์มนี้ก็สร้างลุคบุ๊กเสื้อผ้าสีมืดทึมสไตล์แม่หนูวันพุธ เวนด์สเดย์ แอดดัมส์ พร้อมโปรยหัวว่า “ทุกวันคือวันพุธ”
แบรนด์ไฮจิวเวลรีอย่าง TIFFANY & CO. ก็ไม่น้อยหน้า เมื่อต้นปีที่ผ่านมาไปโผล่ในหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่อง You People เรื่องราวความรักของหนุ่มยิวผิวขาวกับสาวมุสลิมผิวดำที่โดนทดสอบความแตกต่างของครอบครัวและวัฒนธรรมในทุกฉาก โดยเฉพาะมุกสุ่มเสี่ยงขั้นสูงสุดอย่างเรื่องนาซีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ที่ถือเป็นเรื่องต้องห้ามตัวแดงใหญ่มากๆว่า ห้าม-เล่น-มุก-นี้ แต่หนังเรื่องนี้เอามุกฆ่าชาวยิวมาเล่นเบอร์แรงเลยด้วย
ฉากที่ว่านี้ก็คือ พ่อหนุ่มยิวตัวเอกกับเพื่อนไปซื้อแหวนหมั้นจาก TIFFANY & CO. มาเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแฟนสาว แต่ดันซื้อแหวนผิดไซซ์ งานนี้ต้องหาข้อแก้ตัวที่ฟังขึ้น แล้วภาพก็ตัดไปที่กล่องสีฟ้าไข่นกโรบิ้นอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมแหวนหมั้นเพชรส่องประกายวิ้งดูใหม่เอี่ยมอ่องจาก TIFFANY & CO. ที่ไม่มีเค้าลางว่าจะเป็นแหวนเก่าแก่ตกทอดมาจากยุคสงครามโลกแต่อย่างใด ถึงกระนั้น หนุ่มยิวก็ตัดสินใจว่าจะใช้ข้ออ้างว่าเป็นแหวนคุณยายที่ใส่ติดตัวหนีเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์… “ถ้ายกเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มานะ ทุกคนจะแบบ…เงียบฉี่” มุกนี้ทำเอาอินเทอร์เน็ตอึ้งไปทั้งโลกกันเลยทีเดียว ช่างกล้า
The Idol ซีรีส์เอชบีโอที่ออกตัวแรงมากเพราะเป็นการเดบิวต์งานแสดงของเจนนี BLACKPINK และมีศิลปินดังอย่าง The Weekend รับบทนำพ่วงอำนวยการสร้างด้วยอีก แต่แทบทุกฉากกลายเป็นมีมอิหยังวะ โดยเฉพาะฉากที่ตัวละครทีโดรส รับบทโดย The Weekend พาจอซลิน ที่รับบทโดย ‘ลิลี-โรส เด็ปป์’ ไปจับจ่ายในร้าน VALENTINO แล้วพี่ทีโดรสเกิดหลอนอย่างไรไม่ทราบได้ ไปกระซิบข้างหูพนักงานขายว่า “อย่าให้เห็นอีกนะว่าเอ็งแอบมองแฟนข้า” ฉากนี้กลายเป็นมีมดังพร้อมคำแซ่ซ้องนักแสดงประกอบผู้รับบทพนักงานขาย VALENTINO ว่าสมควรได้รางวัลเอ็มมี สาขากลั้นขำยอดเยี่ยมกับฉากที่ผู้สร้างตั้งใจจะให้ดราม่าเดือดๆ แต่คนดูเห็นเป็นฉากตลกจัดๆ ไปเสียได้
จากนั้นตัวละครทั้งสองก็ใช้ห้องลองเสื้อเพื่อกิจกรรมอื่น ปิดท้ายด้วยทีโดรส The Weekend เล่นกับน้องชายในห้องลองเสื้อไปอีก ฉากนี้กลายเป็นไวรัลที่ก่อให้เกิดดีเบตกระหน่ำในโซเชียล แถมมีชื่อของตัวเองด้วยซ้ำว่า The Valentino Showroom/ Store
ไม่มีคำยืนยันจากทางแบรนด์ว่า Tie-in กับซีรีส์หรือไม่ แต่ฉากนี้เป็นเฟมินิสต์จ๋าๆ เลยต่างหาก ย้อนกลับไปสมัยปี 1990 หนังเรื่อง Pretty Woman ที่ทำให้แม่จูเลีย โรเบิร์ตส์มีฉายาว่า แม่สาวบานฉ่ำจนทุกวันนี้ เธอรับบทเป็น ‘วิเวียน วอร์ด’ โสเภณี… หรือสมัยนี้ต้องเรียกว่า ‘เซ็กซ์เวิร์กเกอร์’ โดนเศรษฐีหนุ่ม ‘เอ็ดเวิร์ด ลิวอิส’ (รับบทโดย ริชาร์ด เกียร์) พาไปเปิดโลกแฟชั่นลักชูในบูติกหรูบนถนนโรดีโอไดรฟ์ ถนนเส้นเดียวกับฉากอื้อฉาวใน The Idol เป๊ะ
แต่ฉากเจ้ากรรมในร้าน Valentino ของซีรีส์ The Idolo เจตนาจะจำลองฉากใน Pretty Woman ขึ้นมาใหม่ และพยายามเขียนบทใหม่ให้จอซลินเป็นผู้หญิงที่เซย์โนกับของล่อตาล่อใจจากผู้ชาย เพราะสุดท้ายเธอเป็นฝ่ายปฏิเสธเขาขณะปฏิบัติกิจกรรมในห้องลองเสื้อ ซึ่งทำให้เขาต้องเดินหน้าต่อเอง และภาพที่ตัดต่อมาบอกเป็นนัยว่าเขาเช็ดมือกับเดรสสีแดงที่ Valentino จดสิทธิบัตรว่าเป็นเฉดสีเฉพาะของเมซง นั่นทำให้คนดูมัวแต่อี๋ จนมองข้ามแมสเสจเฟมินิสต์ที่ซีรีส์ต้องการจะสื่อ
ที่เหลือเชื่อก็คือแบรนด์แฟชั่นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่อยากให้แบรนด์ของตนไปอยู่ในฉากที่ตัวละครโดนจิกกัดถูกกระทำ หรือแบรนด์นั่นแหละที่โดนแซะเสียเอง เพราะนั่นละคือความฟินของคนดู
Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก: