มิว – นิษฐา จิรยั่งยืน บอกเล่าการเดินทางในวงการบันเทิงมาตลอด 10 ปี และบทบาทล่าสุดของการเป็นนางเอกหนังทริลเลอร์ ยูทูบเบอร์ และคุณแม่ลูกอ่อน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 คอละครต่างเฝ้ารอที่จะได้ชมละครชุดสุดยิ่งใหญ่ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ โดยเฉพาะเรื่อง คุณชายปวรรุจ ซึ่งแจ้งเกิด ‘มิว – นิษฐา จิรยั่งยืน’ ดาราสาวน้องใหม่เพียงหนึ่งเดียวที่มียิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ วันนี้เธอมองย้อนกลับไปถึงเส้นทางหนึ่งทศวรรษในโลกมายา พร้อมอัปเดตการรับบท ‘แม่’ เป็นครั้งแรก ในภาพยนตร์ขย่มขวัญเรื่องล่าสุด บ้านเช่า…บูชายัญ โดยฝีมือผู้กำกับ ลัดดาแลนด์
“หนังผีเรื่องเดียวของ GDH ที่มิวดูก็คือ ลัดดาแลนด์ ซึ่งพี่จิม (โสภณ ศักดาพิสิษฏ์) เป็นผู้กำกับ จากนั้นมิวก็ไม่กล้าดูหนังผีอีกเลย” มิวหัวเราะเมื่อเท้าความถึงประสบการณ์ในการดูหนังของเธอและผลงานสร้างชื่อของจิม
‘มิว นิษฐา’ จากคนกลัวผีสู่นางเอกหนังผีใน ‘บ้านเช่าบูชายัญ’
“วันหนึ่งที่มิววิ่งออกกำลังกายอยู่สวนลุมฯ แม่ก็โทรมาว่า GDH ติดต่อให้เล่นหนัง ตอนแรกดีใจมาก แต่พอบอกว่าเป็นหนังผี…โอ้โหไม่อยากเล่นแล้ว แค่ได้ยินชื่อผู้กำกับว่าเป็นพี่จิมก็รู้เลยว่าน่ากลัวแน่ ยิ่งพอรู้ว่ามีเรื่องราวเกี่ยวกับลัทธิด้วยก็กลัวเข้าตัว ทั้งมิวทั้งพี่เซนต์ (ธราภุช คูหาเปรมกิจ – สามี) กลัวทั้งคู่ ต่างจากปกติที่พี่เซนต์จะเป็นคนคอยเชียร์ แต่เรื่องนี้เราคิดกันเยอะ นอนอ่านบทอยู่บนเตียงก็อูย…น่ากลัวจัง บางช่วงมีรูปประกอบให้ดูด้วย (หัวเราะ) เลยคิดกลับไปกลับมาว่าจะเล่นหรือไม่เล่นดี”
คิดใหม่เมื่อเจอรุ่นใหญ่
“มิวได้เข้าไปที่ GDH ค่ะ ได้คุยกับพี่จิม – ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ทั้งสองคือ พี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) กับพี่วรรณ (วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์) และทีมผู้ช่วยผู้กำกับ สุดท้ายมิวตัดสินใจว่าถ้าปฏิเสธไปคงเสียโอกาสน่าดู เพราะทั้งตัวบทและการเล่าเรื่องของ บ้านเช่า…บูชายัญ มีความน่าสนใจมาก มันไม่ใช่ผีหลอกแบบ…แฮ่! (ทำเสียงสมจริง) แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว เป็นเรื่องของแม่ที่ต้องการปกป้องลูก ซึ่งมิวว่าเหมาะกับความรู้สึกมิวตอนนี้มาก ด้วยความที่เราเข้าใจความเป็นแม่อย่างถ่องแท้แล้ว”
เป็นการแสดงครั้งแรกที่มิวได้สวมวิญญาณมนุษย์แม่ตัวจริง
“ตอนนั้นมิวเพิ่งคลอดลูกได้ 6 เดือนเองค่ะ ระหว่างนั่งรถมากองถ่ายก็ปั๊มนม ทุกเช้าจะมีถุงนมมาฝากกองถ่ายแช่ตู้เย็น ตอนถ่ายทำถ้ามีช่วงพัก 15 – 20 นาที ก็ยังเบรกปั๊มนมอยู่เลย
“มิวรู้สึกว่าอินเนอร์เรามาแรงและมาเต็มมากค่ะ ถ้าได้เล่นเรื่องนี้ตอนยังไม่มีลูก มิวไม่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ลึกเท่านี้ เราคงทำสายตาแบบนี้ไม่ได้ เวลามองลูกสาวในเรื่องก็จะคิดเลยว่านี่คือลูกของเราจริงๆ”
โดนสามีในหนังตบหน้าอีกต่างหาก
“ใช่ค่ะ ก่อนถ่ายพี่เวียร์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ – พระเอก บ้านเช่า…บูชายัญ) ก็มาแซวนะว่าวันนี้จะได้ตบมิวแล้ว พี่เวียร์เป็นคนที่มิวคุ้นเคยเร็วมาก เขาชวนคุยเก่ง มีชวนซื้อสวนทุเรียนใกล้ๆ กันด้วย (หัวเราะ) เพราะมิวชอบกินทุเรียนมาก แต่พอเข้าฉากปุ๊บ พี่เวียร์กลายเป็นตัวละคร ‘กวิน’ ได้ทันที แบบเปลี่ยนเป็นคนละคนซึ่งตรงกันข้ามกับตัวจริงพอสมควร พระเอกในเรื่องจะพูดน้อยและไม่ค่อยแสดงอารมณ์ความรู้สึก
“ส่วนพี่ต่าย (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) เคยเล่นละครด้วยกันในเรื่อง ทรายสีเพลิง ค่ะ ความรู้สึกแรกที่ได้เจอตอนนั้นคือกลัวและเกร็ง ถึงตอนนี้จะไม่เกร็งแล้ว แต่พี่ต่ายจะมีออร่าของความน่าเกรงขามอยู่ เวลาเข้าฉากเลยช่วยให้รู้สึกถึงความลึกลับบางอย่างในตัวผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเข้ามาเป็นผู้เช่าบ้านของเรา”
หลอนแรงจากเค้าโครงเรื่องจริง
“หนังเรื่องนี้ Based on true story แต่ไม่ได้เจาะจงเรื่องใดเรื่องหนึ่งนะคะ มีการนำมาผสมผสานแล้วก็เขียนบทเพิ่มเติม มิวขอทีมงานไว้ตั้งแต่แรกเลยว่าไม่ถ่ายสถานที่จริงนะ แล้วก็ไม่ใช้ของจริงเข้าฉาก ตอนถ่ายทำก็น่ากลัวอยู่นะคะ บางฉากต้องการภาพกว้าง ตากล้องต้องไปอยู่ไกลๆ ในความมืดจนเรามองไม่เห็น หรือมีอยู่ฉากหนึ่งที่ต้องลงน้ำตอนตีสอง…ไปอยู่ใต้ต้นไทรงี้ เล่ามากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ อยากให้ไปดูในโรงภาพยนตร์กัน
“มิวมั่นใจตั้งแต่ตอนถ่ายทำแล้วว่างานจะออกมาดี ทุกคนเต็มที่มากค่ะ มีครบหมด สัตว์ เด็ก เอฟเฟกต์ สลิง รวมถึงบทที่ปั้นกันมาเป็นปี กว่าจะผ่านแต่ละฉากได้ต้องเล่นกันหลายรอบ เพราะต้องเก็บภาพหลายมุมกล้อง ทุกขั้นตอนละเอียดจริงๆ”
ย้อนมองก้าวแรกของ ‘มิว นิษฐา’ ในอาชีพนักแสดง
“วันแรกที่เข้ามาในวงการบันเทิง มิวไม่มีพื้นฐานเลยค่ะ ไม่ชอบการแสดงออกด้วยซ้ำ จริงๆ แล้วงานที่มิวทำอยู่ตอนนี้ค่อนข้างขัดกับตัวตนที่โตมา เราเป็นเด็กขี้อาย ไม่ชอบอยู่ในสปอตไลท์ อย่างงานกีฬาสีที่โรงเรียนก็ไม่เคยอยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์หรือคนถือป้าย เราชอบเดินพาเหรดรวมกับเพื่อนๆ หรือแม้แต่งานกลุ่มสมัยเรียน มิวยังเลือกอยู่เบื้องหลังเพราะไม่อยากออกไปพรีเซนต์หน้าห้อง แต่ในเมื่อวันหนึ่งเราเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ตัวเอง เราต้องใช้ความพยายามให้มากกว่าคนที่มีความถนัดอยู่แล้ว ค่อยๆ เรียนรู้กับสิ่งที่เราเจอตรงหน้า ซึ่งมิวเองมองว่าเรามาไกลมากจากวันแรก และทุกครั้งที่มองย้อนกลับไปก็ยังถามตัวเองอยู่นะคะว่า…เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไงน้า”
ความบังเอิญที่ลิขิตมาแล้ว
“พ่อแม่ไม่ได้อยากให้เข้าวงการเลยค่ะ เป็นคนละเส้นทางกับที่ตัวเองคิดฝันเอาไว้ด้วย เพราะมิวเรียนมาทางด้านแฟชั่นดีไซน์ แต่พอดีเพื่อนที่มหา’ลัยทำแคสติ้ง เขามาชวนไปแคสต์โฆษณาเลยลองดูค่ะ คิดแค่ว่าถ่ายโฆษณาวันเดียวก็ได้เงินแล้ว แบบหาเงินเองได้…เท่ดี
“มิวเริ่มจากเป็นตัวประกอบหลัก มีทั้งโฆษณาเครือข่ายโทรศัพท์ หมากฝรั่ง ไก่ทอด แต่ที่คนจำได้และเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตก็คือโฆษณาแชมพูที่ถ่ายกับพี่แพนเค้ก (เขมนิจ จามิกรณ์) เป็นการได้งานแบบฟลุ๊กมากค่ะ คือจริงๆ มิวถ่ายโฆษณาตัวหนึ่งอยู่ ทีนี้ช่างผมบอกว่าทีมโฆษณาแชมพูยังหาคนที่หน้าคล้ายแพนเค้กไม่ได้สักที หามานานมาก วันรุ่งขึ้นมิวเลยลองไปแคสต์ดู ปรากฏว่าได้เฉยเลย
“วันถ่ายทำได้เจอครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) ที่มาเป็นแอกติ้งโค้ชเป็นครั้งแรก มีการพูดคุยกันเรื่องเข้าช่อง 3 อยู่เหมือนกันค่ะ เพราะตอนนั้นครูเงาะสอนนักแสดงใหม่ของช่อง 3 ประกอบกับพอโฆษณาแชมพูออนแอร์ พี่แอน ทองประสม เห็นเข้าเลยติดต่อให้มิวไปลองแคสต์เป็นนักแสดงที่ช่อง
“วันแคสต์เข้าช่อง พี่แอนมาช่วยรับ-ส่งบทด้วย พี่แอนบอกให้ร้องเพลงอะไรก็ได้ มิวร้องแล้วไม่รอด พี่แอนเลยบอกงั้นร้องเพลงชาติแล้วกัน เราก็ร้องให้ฟังนะ (หัวเราะ)”
ชวดบทเพื่อนนางเอก! แต่ขึ้นแท่น ‘นางเอกน้องใหม่’ ในซีรีส์ฟอร์มยักษ์
“ช่วงนั้นพี่แอนกำลังเตรียมละครเรื่องใหม่อยู่ เลยส่งมิวไปแคสต์เป็นเพื่อนนางเอกค่ะ แต่งานนั้นเราไม่ได้ จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง จู่ๆ ก็ได้รับสายที่บอกให้มิวไปช่อง 3 เดี๋ยวนี้เลย! เราเพิ่งตื่น ไม่ได้เตรียมตัวอะไรทั้งนั้น พ่อแม่ก็ไม่อยู่เลยเรียกแท็กซี่ไปเอง ไปถึงก็ได้เจอผู้จัดละครหลายท่าน แล้วก็มีนักแสดงหน้าใหม่ยืนเรียงกันอยู่
“ต่อมาพี่คิง (สมจริง ศรีสุภาพ) ผู้จัดและผู้กำกับโทรให้มิวไปลองเข้าบท ‘ท่านหญิงวรรณรสา’ คู่กับพี่โป๊ป (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) วันนั้นมิวพยายามเต็มที่นะ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเล่นดีมาก ปรากฏว่าเราได้รับเลือกให้เล่นบทนำใน คุณชายปวรรุจ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ละครชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพ เมกะโปรเจกต์ของช่อง 3
“ดีใจมากนะคะแต่แบบงง ๆ และแอบหวั่นด้วย รู้สึกว่าฝีมือเรายังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นตัวหลัก แต่ไหนๆ ได้โอกาสมาแล้วก็คิดว่าสู้ตาย! ยากขึ้นไปอีกตรงที่เปิดกล้องที่สวิตเซอร์แลนด์ด้วย ซึ่งเวลาจำกัด ทุกอย่างเร่งรีบ กดดัน มิวรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของกองถ่าย เพราะนักแสดงทุกคนเก่งมาก ในขณะที่เรามาใหม่อยู่คนเดียว”
“(ตั้งแต่สัมภาษณ์มิวครั้งแรกในชุดนักศึกษาที่กองถ่ายสุภาพบุรุษจุฑาเทพ จนถึงวันนี้ที่กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ไปแล้ว มิวยังคงห้าว ๆ แมน ๆ ไม่ประดิษฐ์เหมือนเดิมเด๊ะ) ใช่ๆ เราเป็นคนจริตน้อย (หัวเราะ) ยิ่งช่วงเล่นละครแรกๆ มิวไม่ชอบฉากสวีทของพระ – นางเลยนะ เพราะเราไม่มีจริตผู้หญิง รู้สึกว่ามันยากจัง เราทำไม่เป็น”
10 ปีที่อยากเล่า กับนักแสดงหญิงระดับรางวัลนาฏราชและสุพรรณหงส์
“สุภาพบุรุษจุฑาเทพ – คุณชายปวรรุจ (ปี 2556) เป็นละครเรื่องแรกที่ต้องพูดถึง เพราะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของมิวไปเลย
“ตามรักคืนใจ (ปี 2558) เป็นการรวมตัวของคนเก่งฝีมือดีในวงการค่ะ ตอนนั้นณเดชน์ (พระเอกในเรื่อง) เป็นผู้ชายที่หล่อมาก…ก เล่นละครเก่งมาก…ก ดีใจที่ได้เล่นละครที่พี่ดา (หทัยรัตน์ อมตวณิชย์) เป็นผู้จัด เพราะมิวดูละครของพี่ดามาหลายเรื่อง ส่วนป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์) ก็เป็นผู้กำกับที่เก่งมาก ตอนแรกคิดว่าน่าจะดุด้วยซ้ำ
“เรื่องนี้มิวเล่นแล้วอิน ต้องลดอายุตามคาแรกเตอร์ของนางเอกที่เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักมีเสน่ห์ มีหลายฉากที่ประทับใจค่ะ เช่น ฉากที่สารภาพกับพ่อว่าตัวเองเป็นลูก แล้วก็ได้ไปต่างจังหวัดเยอะ ทั้งเชียงใหม่ เขาใหญ่ สระบุรี ภาพออกมาสวยมาก
“แฟนเดย์…แฟนกันแค่วันเดียว (ปี 2559) มิวดูหนัง GDH แทบทุกเรื่องอยู่แล้วค่ะ เคยคิดไว้ว่าถ้าวันหนึ่งได้เล่นหนังก็อยากเล่นของค่ายนี้ สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ นอกจากจะได้เล่นหนังเรื่องแรกกับ GDH แล้ว ยังได้พี่โต้ง (บรรจง ปิสัญธนะกูล) เป็นผู้กำกับ ซึ่งมิวชอบหนังเรื่อง กวน มึน โฮ ของพี่โต้งมาก เรื่องนี้ได้เล่นกับพี่เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) มีครูเงาะเป็นแอกติ้งโค้ช และบินไปถ่ายทำที่ญี่ปุ่นด้วยค่ะ
“(เป็นครั้งแรกที่มิวคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีสุพรรณหงส์ และเป็นครั้งแรกที่ยอมเล่นเลิฟซีนแบบไม่ใช้มุมกล้อง?) ใช่ค่ะ เป็นเรื่องแรกที่จูบจริง ก่อนหน้านั้นมิวขอไม่จูบจริงมาตลอด แต่เรื่องนี้พี่โต้งขอก็ต้องจัดให้ พี่โต้งให้ทำอะไร เราทำทุกอย่าง เพราะรู้สึกว่าเขามองขาดว่าต้องเล่นเบอร์ไหน เรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่มิวรักมาก”
“รากนครา (ปี 2560) ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับพี่อ๊อฟ พี่แดง (พงษ์พัฒน์ – ธัญญา วชิรบรรจง) ซึ่งเป็นที่สุดแล้วในการผลิตผลงานระดับมาสเตอร์พีซค่ะ ได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมืออย่างหมาก (ปริญ สุภารัตน์) พี่แต้ว (ณฐพร เตมีรักษ์) ที่สำคัญคือมิวได้พลิกมาเล่นบทร้าย เอาแต่ใจ ขี้อิจฉา แล้วยังต้องพูดภาษาเหนือด้วย ซึ่งยากมาก…ก ท้าทายมาก…ก ถามตัวเองตลอดว่าจะทำได้มั้ย…จะรอดมั้ย แต่วันนี้มองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าเราทำได้ดีนะ ประทับใจค่ะ เป็นละครที่มิวได้รางวัลนาฏราช สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมด้วย
“อกเกือบหักแอบรักคุณสามี (ปี 2563) เป็นละครเบาสมองก็จริง แต่มิวว่าเรื่องนี้ยากนะ ด้วยความที่บทไม่มีอะไรซับซ้อน ฉะนั้นสิ่งที่จะดึงคนดูเอาไว้ได้ก็คือความสัมพันธ์หรือเคมีระหว่างพระ-นาง ซึ่งมิวเจอกับหมากเป็นเรื่องที่สองแล้วเลยค่อนข้างชิลค่ะ
“การร่วมงานกับพี่แอ้ว (อำไพพร จิตต์ไม่งง – ผู้กำกับ) พี่แอน (แอน ทองประสม – ผู้จัดละคร) เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แต่ระหว่างถ่ายทำมิวกดดันพอสมควร เพราะพี่แอ้วเป็นผู้กำกับที่เป๊ะมาก ไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ และมีภาพของตัวละครที่ชัดเจน ส่วนพี่แอนก็มีความละเอียดมาก ไม่ว่าเสื้อผ้าหน้าผม การแสดง การรับ – ส่งบท ฯลฯ พี่แอนดูทุกอย่าง
“(มีเทคนิคการแสดงยังไงให้บทเบาแต่ตะโกนได้?) ใช้วิธีรับ – ส่งเยอะๆ กับหมากค่ะ บางอย่างไม่มีในบท พี่แอ้วก็จะให้เติมนู่นนิดนี่หน่อย เล่นนอกบทกันบ้างเพื่อให้ได้รีแอ็กที่สดใหม่ เป็นธรรมชาติค่ะ”
ต่อด้วยรายการ HAPPY MEW ทางยูทูบ กับตัวตนของมิวที่สดใสคูณสิบ
“ก่อนแต่งงานมิวไม่ค่อยได้เปิดเผยชีวิตส่วนตัวเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องแฟน ไม่เคยลงรูปพี่เซนต์ในไอจีด้วยซ้ำ แต่หลังจากได้ใช้ชีวิตคู่ มิวอยากให้คนภายนอกได้เห็นไลฟ์สไตล์เรามากขึ้น ได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตเรา มิวมั่นใจในคนคนนี้ และอยากให้ทุกคนได้รู้จักเราสองคนในแบบที่เราเป็นจริงๆ ค่ะ
“(มิวคุยเก่งขึ้นมากในบทบาทยูทูบเบอร์) หรือคะ?…มิวคุยไม่เก่งเลยนะ แต่กับคนที่คุ้นเคยหรือกับคนใกล้ตัวที่สนิทมากๆ อย่างครอบครัว หรือเพื่อนสมัยเรียน มันจะมีฟีลที่เราคุยเยอะ มีอะไรก็จะพูด คือเป็นคนไม่มีความลับเลยค่ะ”
เตรียม ‘ฮันนีมูน’ ทริปแรกหลังวิวาห์มากว่า 3 ปี
“มิวกับพี่เซนต์กำลังวางแผนที่จะไป SOUTHERN FRANCE หรือฝรั่งเศสทางตอนใต้ค่ะ เช่น เมืองนีซ เมืองคานส์ ฯลฯ เราเห็นในรูปมาตลอดว่าแถบนั้นสวยมาก…ก เป็นเมืองท่าน่ารัก ๆ ที่อยู่ติดทะเล ไม่มีตึกสูง ดูสงบ ไม่วุ่นวาย เลยคิดว่าอยากไปฮันนีมูนที่นั่น เพราะเอาจริงๆ เราสองคนยังไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลยค่ะตั้งแต่แต่งงานมา เจอโควิดซะก่อนแล้วก็มีลูกต่อ ทีนี้ยาวเลย อีกที่ที่คุยกับพี่เซนต์ไว้ก็คือแอลเอค่ะ แพลนเอาไว้ว่าภายในปี 2023 ต้องไป 2 สถานที่นี้ให้ได้ก่อนมีลูกคนที่สอง (ยิ้ม)”
สไตล์ที่ลงตัวของคู่รักสายชิล ‘มิว & เซนต์’
“มิวกับพี่เซนต์เรามีสไตล์การท่องเที่ยวที่คล้ายกันค่ะ พอไปถึงที่หมายแล้วเราจะออกไปหาของกินอร่อยๆ ทั้งร้านโลคัล และร้านที่ได้มิชลินสตาร์ จากนั้นค่อยไปเดินซื้อของถ้าเป็นเมืองช้อปปิ้ง แต่ถ้าเป็นเมืองพักผ่อนก็จะเน้นชมความงามในโรงแรมค่ะ หรืออย่าง ‘โตเกียว’ ที่เหมาะกับการออกไปเที่ยวในเมือง เราเน้นการมองหาสถานที่หรือย่านที่น่าไปเดิน
“(ใครเป็นคนหาสถานที่?) พี่เซนต์เป็นคนแพลนทุกอย่างค่ะ (ยิ้ม) เขาเดินทางเยอะก็จะรู้ว่าที่นี่โรงแรมสวย ที่นั่นมีร้านอาหารอร่อย เขาจะทำการบ้านไปก่อน”
สถานที่พักกายใจที่ยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำ
“มิวประทับใจ Aman Resorts Amanoi ที่ประเทศเวียดนามค่ะ ครั้งนั้นถือเป็นการพักผ่อนที่แท้จริงของมิวเลย เราเดินทางไปถึงเวียดนามแล้วก็เข้าที่พัก โดยไม่ออกไปเที่ยวที่อื่นเลยจนกระทั่งวันกลับ การใช้ชีวิตภายในโรงแรมที่ติดทะเลเป็นอะไรที่ชิลมากค่ะ เราไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่ริมผา ฟังเพลง ดื่มแชมเปญ เข้าสปา ปิคนิคบนเกาะส่วนตัวของโรงแรม ฯลฯ เราได้พักผ่อนเต็มที่แบบที่ไม่ต้องคิดอะไรเลย”
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานะ จากแฟนสู่ภรรยา..จากภรรยาสู่แม่ของลูก
“ตอนเป็นแฟนกัน ชีวิตมิวค่อนข้างเหมือนเดิมค่ะ เน้นทำงานเป็นหลัก แต่หลังเสร็จงาน จากที่จะกลับบ้านหรือไปเจอเพื่อนก็เปลี่ยนไปหาพี่เซนต์แทน คือแบ่งเวลาให้แฟนประมาณ 30%
“พอแต่งงาน เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เป็นคู่ชีวิตแล้ว ครึ่งหนึ่งของเราก็คือสามี เวลาจะไปไหน จะทำอะไรก็นึกถึงเขา อยากให้เขาเป็นพาร์ทเนอร์ของเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
“แต่การเป็นแม่คนทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะที่สุดค่ะ เราใช้เวลา 80% ของชีวิตไปกับการดูแลลูก ยอมลดทอนทุกสิ่งอย่างเพื่อที่จะโฟกัสลูกเป็นหลัก เราอยาก ‘ให้’ เด็กคนหนึ่งโดยที่ไม่รู้สึกเสียดายเวลาส่วนตัวเลยสักนิด เรายอมให้เด็กคนนี้อย่างไม่มีเงื่อนไข ชนิดที่ไม่เคยยอมให้ใครแบบนี้มาก่อน”
สิ่งที่คงเดิม แม้วันเวลาและสถานภาพเปลี่ยนไป
“ความที่ไม่ต้องเป๊ะไปซะทุกอย่างค่ะ มิวชอบมุมที่เรามีความยืดหยุ่น สามารถบริหารจัดการสิ่งรอบตัวได้ ไม่ว่าจะในบทบาทภรรยาหรือการเป็นแม่ เราไม่ต้องเอาทุกอย่างไว้ในมือทั้งหมด เพราะถ้าแบกทุกอย่างก็จะเครียดเกินไปและไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง แต่ทุกวันนี้มิวยังมีช่องว่างให้ชีวิตส่วนตัว 20% ยังได้ออกไปเจอเพื่อน ยังได้เที่ยวกับสามีโดยที่ไม่ต้องพาลูกไป”
รักนะแต่สาขอบ่น
“เรื่องที่พี่เซนต์บ่นมิวมาตลอดก็คือของเยอะค่ะ มิวพยายามขนไปไว้ในห้องทำงานมิวอยู่นะ (ขำเสียงอ่อย) เมื่อก่อนเราซื้อของ ซื้อเสื้อผ้าแบบไม่ค่อยได้คิด เห็นว่าเซลก็ซื้อมาก่อน ชอบ – ไม่ชอบก็ซื้อมาก่อน ได้ใช้ – ไม่ได้ใช้ก็ค่อยว่ากัน พอได้รู้จักพี่เซนต์ก็คิดเยอะขึ้น เขาไม่ซื้อของสิ้นเปลือง ไม่ฟุ่มเฟือยเลยค่ะ แต่จะซื้อของชิ้นใหญ่ที่ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีว่าจำเป็นต้องใช้ เราได้เห็นวิธีการใช้เงินของเขาที่เกิดประโยชน์ ตอนนี้มิวซื้อของน้อยลงเยอะ ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่”
ความน่ารักของสามีที่สัมผัสได้หลังใช้ชีวิตร่วมกัน
“พี่เซนต์เสมอต้นเสมอปลายมากและใส่ใจแล้วก็ดูแลมิวทุกอย่าง เป็นฝ่ายสนับสนุนที่ดีมากๆ แม้ว่าสิ่งที่เราจะทำ แต่พี่เซนต์ไม่เห็นด้วย หรือรู้อยู่แล้วว่าไม่เวิร์ก เขาก็ยังคงเป็นแบ็กอัพให้มิวทุกครั้ง…ไม่เคยถามเขานะคะว่าทำไม แต่รู้สึกโชคดีที่ได้คนคนนี้มาเป็นคู่ชีวิตค่ะ”
เวลาไม่เท่ากัน แต่เป้าหมายเดียวกันเพื่อลูกน้อย
“มิวกับพี่เซนต์มีจุดมุ่งหมายเดียวกันค่ะก็คือให้ ‘มาริน’ (ลูกสาว) เป็นเด็กที่มีความสุขกับชีวิต อนาคตอยากทำอาชีพอะไร เราจะซัพพอร์ต ไม่มีการบังคับว่าโตขึ้นต้องทำธุรกิจ พี่เซนต์บอกตลอดว่า ‘อยากให้ลูกมีความสุขเหมือนมิว’ เพราะเขาเป็นคนคิดมาก ในขณะที่มิวเป็นคนไม่คิดเยอะ ปล่อยวางง่าย และเลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถคอนโทรลได้ สิ่งเดียวที่เราคอนโทรลได้คือจิตใจเราเอง ฉะนั้น อย่าเก็บสิ่งที่เราคอนโทรลไม่ได้มาไว้กับใจมากเกินไป”
การบริหารความสัมพันธ์ที่คุณแม่ลูกอ่อนไม่ควรละเลย
“เวลา 80% ที่มิวให้ลูก ครึ่งหนึ่งในนั้นก็จะมีส่วนที่มิวให้ทั้งสามีและลูกสาวไปพร้อมกันค่ะ มิวว่าเวลาของการใช้ชีวิตแบบคู่รักเป็นสิ่งสำคัญมากๆ บางคนพอมีลูกก็จะลืมความสัมพันธ์ระหว่างสามี – ภรรยา ทำให้วันหนึ่้งที่ลูกออกไปมีชีวิตของเขาแล้ว พ่อแม่ก็อาจจะกลับมาใช้ชีวิตคู่แบบเดิมไม่ได้ นี่ก็เป็นเรื่องที่มิวคุยกับพี่เซนต์ค่ะว่า ‘เราจะมีกันและกันไปตลอด’ ต้องไปเดตกันบ้าง ไปเที่ยวกันสองคนบ้างนะ”
‘มิว นิษฐา’ พร้อมแล้วสำหรับทายาทคนที่สอง?
“แรกๆ มิวว่าจะให้มารินเข้าโรงเรียนสัก 3 ขวบค่ะ แต่ลูกมีพัฒนาการเร็วมาก ประกอบกับได้ไปเห็นว่าครูที่โรงเรียนปล่อยให้เด็กเล่นด้วยเทคนิคที่ช่วยเสริมพัฒนาการในแต่ละด้าน ซึ่งบางทีเป็นการเล่นที่เราเองก็คิดไม่ถึง มิวเลยตัดสินใจแล้วล่ะว่าจะให้ลูกเข้าโรงเรียนตอน 2 ขวบ คืออีกประมาณครึ่งปีค่ะ ให้เขาไปเล่น ไปเจอเพื่อน มารินชอบเจอเด็กคนอื่นๆ อยู่แล้ว ลูกน่าจะแฮปปี้ในการได้ไปโรงเรียน
“(คนต่อไปผู้หญิงหรือผู้ชาย?) ก่อนมีลูก มิวอยากมีลูกสาวหนึ่ง ลูกชายหนึ่ง พอได้ลูกสาว มิวรู้สึกว่าเขาน่ารักมาก..ก ขี้อ้อน..น สวีท..ท (ลากเสียงโหมดอ่อนโยนสุด) มิวแฮปปี้มากกับการมีลูกสาว จนรู้สึกว่าคนที่สองจะเป็นชายหรือหญิงก็ได้ค่ะ”
ภาพบั้นปลายชีวิต ถ้าทิพย์ได้ก็อยากไปแล้ว
“มีไอเดียอยู่เหมือนกันค่ะว่าตอนแก่ตัว มิวกับพี่เซนต์อาจไปอยู่เขาใหญ่หรืออยู่นอกเมืองเป็นหลัก ค่อยเข้าเมืองเป็นบางวัน อาจจะเป็นบ้านที่มีสวนใหญ่ๆ ให้ได้เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ใช้ชีวิตแบบสงบ จริงๆ พี่เซนต์มีอารมณ์แบบนี้แล้วค่ะ ในเวลานี้ที่เรามีลูกก็อยากไปอยู่บ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่หรือเชียงใหม่กันแล้ว อยากให้ลูกได้วิ่งเล่นในธรรมชาติ ไม่ต้องอยู่ในเมืองที่วุ่นวาย แต่ยังทำไม่ได้เพราะต้องทำงานกันทั้งคู่ค่ะ”
ความประทับใจถึงลิซ่า BLACKPINK ในฐานะตัวแทนหมู่บ้าน
“น้องลิซ่าเป็นคนที่น่ารัก…แบบน่ารักมากๆ เลยค่ะ น้องเป็นธรรมชาติและใส่ใจคนอื่นมาก อย่างรอบล่าสุด น้องส่งข้อความมาบอกมิวว่ากำลังจะมีคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ พี่มิวอยากมาดูมั้ย? เลยบอกน้องไปว่ามิวกดตั๋วแล้ว ตั้งใจจะไปซัพพอร์ตน้องด้วยตัวเองตั้งแต่แรก เราก็เลยคุยกันว่างั้นเดี๋ยวไปเจอกันในรอบซาวนด์เช็ก ปรากฏว่าวันนั้นมิวติดงานที่ดูเหมือนน่าจะเลทค่ะ น้องก็คอยส่งข้อความมาอัปเดตว่า อีก 10 นาที ต้องขึ้นไปซาวนด์เช็กแล้วนะคะ หรืออีก 5 นาทีนะคะ..พี่มิวมาทันมั้ย? สุดท้ายก็ไม่ทันจริงๆ ค่ะ ต้องไปเจอกันหลังเวที มิวเสียดายมากๆ ที่วันนั้นไม่ได้ดูน้องในรอบซาวนด์เช็ก”
ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ต้องเพอร์เฟกต์ตลอดเวลาก็ได้
“มิวมองว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง เพียงแต่ว่าเราสามารถยอมรับกับความไม่สมบูรณ์แบบนั้นได้มากน้อยแค่ไหน มิวก็มีความไม่สมบูรณ์แบบ แต่เรารับได้ ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นในชีวิตค่ะ รู้แค่ว่าเรามีข้อดีเรื่องนี้ และมีข้อเสียเรื่องไหน ไม่ได้อวยกว่าตรงนี้ฉันดี หรือเก็บมาคิดว่าตรงนั้นฉันด้อย เรามององค์รวมให้บาลานซ์ แล้วก็แฮปปี้ไปกับมัน การที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบมากก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง สำคัญที่ตัวเราเองต้องภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นค่ะ”
Words: Sasi Akkomee
Photo: Waroon Kieattisin
Style: Daneenart Burakasikorn