MINDY (มินดี้) ศิลปินสาวกลุ่มใหม่ล่าสุดที่สามารถหยุดผู้ชมบนโลกออนไลน์ให้ตื่นตะลึงไปกับทักษะการเต้นที่ทั้งเท่คูล น่ารักขี้อ้อน น้ำเสียงไพเราะ แรปลื่นไหล พร้อมกับคอนเซปต์ใหม่ ‘Hiphop T-Pop’ ที่เข้ามาหยอดช่องว่างในวงการเพลงไทยได้อย่างลงตัว จนสร้างความแตกต่างจากเกิร์ลกรุ๊ปในเวลานี้อย่างเห็นได้ชัด
สมาชิกทั้ง 7 มีคาแรกเตอร์ที่หลากหลาย ทว่ากลมกล่อมกำลังดี โดย 6 คนแรกแจ้งเกิดจาก Blow Your Mind รายการเซอร์ไวเวิลออนไลน์ สมทบด้วยหนึ่งสาวคนสุดท้ายจากสายตาอันเฉียบแหลมของ BDL MD Entertainment ค่ายต้นสังกัดโดยตรง
พวกเธอเกิดในช่วงปี 2003 – 2009 กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม. 2 ไปจนถึงมหาวิทยาลัยปี 2 น้องเล็กสุดคือ ไอลีน คอลลินส์ และ เกรซ – ณปภัช ศศิพณิชกุล ตามมาด้วย แพรว – ลักษิกา ลี้จินดา, หมิงหมิง – กันยากร นามบุญเรือง, แพงจัง – เกตน์สิรี มีศิลป์, หงส์เปา – เพชรลดา พิมค์ชัย ไปจนถึงพี่ใหญ่ มุกกิ – ณิชชา จักรชัยกุล
ตาม LIPS ไปทำความรู้จักกับศิลปินความหวังใหม่ของวงการ T-Pop กันได้เลย
“เราอยากให้โลกได้เห็นว่าคนเอเชียมีดี สู้กับพวกเขาได้ และอยากให้คนเห็นว่าพวกเราเป็น All-rounders ที่อายุน้อยแต่ทำได้ทุกอย่าง” MINDY
LIPS: เห็นชื่อเล่นของเมมเบอร์บางคนก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงความหมาย
แพงจัง: ของหนูตรงตัวเลยค่ะ เพราะตอนแม่ท้องแล้วไปเดินซื้อของกับพ่อ เขาชอบบอกว่าอันนั้นแพงจัง อันนี้แพงจัง คือบ่นบ่อยมาก…กกก จนพ่อบอกงั้นให้ลูกชื่อแพงจังเลยแล้วกัน (หัวเราะ)
ไอลีน: ส่วนไอลีนแปลว่าแสงสว่างหรือ beautiful bird ก็ได้ค่ะ
หมิงหมิง: อุ๊ย..หมิงหมิงก็แปลว่าแสงสว่างนะคะ หรือพระจันทร์ก็ได้ หนูถามครูสอนภาษาจีนมา
หงส์เปา: หงแปลว่าสีแดง เปาแปลว่าซอง รวมกันเลยแปลว่าซองอั่งเปา เพราะหนูเกิดวันตรุษจีนค่ะ
MINDY ขึ้นเวทีใหญ่ OCTOBER POP 2023
LIPS: แล้วความหมายของชื่อวง MINDY รวมถึงเนื้อหาและเอ็มวีของเพลง Blow My Mind ล่ะ
แพงจัง: เรามาจากรายการที่ชื่อว่า Blow Your Mind ก็เลยคงคำว่า Mind ไว้ แล้วเติม y จนกลายเป็น MINDY ซึ่งแปลว่ามังกรที่แข็งแกร่งแล้วก็สดใสมีพลังค่ะ (ยิ้ม) เวลาเราเพอร์ฟอร์มจะมีทั้งความแข็งแรงและพลังบวกให้กับคนดู
หมิงหมิง: ชื่อเพลง Blow My Mind เป็นสำนวนที่แปลว่าหัวแทบระเบิด เกิดการคลั่งไคล้ค่ะ เหมือนเราตกหลุมรักคนๆ นึง ทั้งที่จริงๆ เราเป็นคนใจแข็ง ไม่ค่อยชอบใครง่ายๆ แต่เรามาใจอ่อนกับคนนี้
ไอลีน: เพลงนี้ดูแลโดยพี่เบนซ์-วรเชษฏฐ์ ฐานุพงศ์ชรัช (โปรดิวเซอร์) เป็นเพลงป๊อปที่ใส่ความฮิปฮอปเข้ามา ถ้าลองฟังดีๆ เพลงนี้มีหลายบีตมาก ทำให้คนฟังรู้สึกตื่นเต้นว่าท่อนต่อไปจะเป็นยังไง พวกเราแต่ละคนจะมาแนวไหน
มุกกิ: พาร์ตแรปเราได้พี่อัตตา (อัษฏกร เดชมาก) มาแต่งให้ด้วยค่ะ เขาเป็นคนที่คิดคำได้ครีเอทีฟมาก อย่างท่อนของหนูก็จะเล่นกับคำว่า ‘รับ-ผิด-ชอบ’ คือ “ใครจะรับผิดชอบล่ะคะ งั้นเธอก็รับผิดไป ฉันจะรับชอบเธอนะ”
แพรว: เพลงนี้มีหลายท่อนค่ะ ทั้งความน่ารักสดใส แล้วก็ความเท่ เราเลยเป็น T-Pop ที่ไม่เหมือนวงอื่น
วิดีโอซ้อมเต้นเพลง BLOW YOUR MIND ของ MINDY
LIPS: นอกจากแรป ฮิปฮอป ก็มีท่อนเบรกแดนซ์ของ ‘แพรว’ ด้วย
แพรว: หูย…อันนี้เท่เลย (หัวเราะ) ท่าเต้นของเราออกแบบโดยทีมคุณครูจาก Harlem Shake Studio ค่ะ
มุกกิ: ท่อนน่ารักก็เอานิ้วจิ้มกัน
LIPS: จำได้ๆ มีแยกกลุ่มเต้นแบบแก๊งลูกเจี๊ยบด้วย น่ารักดี เหมือนซ้อนการแสดง Roleplay ลงในท่าเต้นเลย
แพงจัง: จะบอกว่าท่อนนั้นครูเขาได้แรงบันดาลใจจากตุ๊กตาเด้งตูดค่ะ (หัวเราะ)
หมิงหมิง: ในเอ็มวี พวกเราจะหาทางชวนพระเอก (ชีส – ชยพล เขียวเอี่ยม) ไปงาน Prom ด้วยวิธีที่ต่างกัน
แพรว: เหมือนพวกเรา 7 คนมีวิธีการเข้าหาคนที่ชอบไม่เหมือนกัน
LIPS: เรามาบอกใบ้กันไหมว่าซิงเกิลที่ 2 ของ MINDY จะออกมารูปแบบไหน
แพงจัง: แรปฉ่ำ แรปเยอะกว่าเพลงแรกแน่นอนค่ะ
หมิงหมิง: เป็นเพลงที่ฟังได้เรื่อยๆ แต่ทุกคนจะได้เห็นพวกเราเท่ขึ้นไปอีก
แพรว: ฟังวันละ 10 รอบยังได้เลยค่ะ เพราะเป็นโทนร่าเริง
ไอลีน: จังหวะกลางๆ ไม่เร็วมาก แต่ก็ไม่ถึงกับช้า
“อยากทำงานนี้เพราะได้ช่วยชีวิตคน ได้เห็นคนมีความสุข หนูอยากทำให้คนมีความสุขค่ะ” ไอลีน
LIPS: คุยถึงแบ็กกราวน์ของแต่ละคนกันดีกว่า ทราบมาว่า ‘ไอลีน’ เป็นลูกเสี้ยวอังกฤษ
ไอลีน: ใช่ค่ะ คุณพ่อเป็นลูกครึ่งไทย – อังกฤษ ส่วนคุณแม่เป็นไทยแท้ค่ะ หนูอยู่เมืองไทยมาตลอดแต่เรียนโรงเรียนนานาชาติ เริ่มเข้าวงการตั้งแต่ 5 ขวบ จริงๆ จุดเริ่มต้นมาจากการที่หนูเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออกเลย (เน้นเสียง) ขี้อายมากๆ แม่เลยส่งไปเดินแบบค่ะ หลังจากนั้นก็มีงานมาเรื่อยๆ ทั้งโฆษณา หนัง ละคร ซีรีส์ จนหนูมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
การแสดงเรื่องแรกจำไม่ได้เลยค่ะ แต่ที่เริ่มจำความได้คือเป็นหนังผี หนูเล่นเป็นเด็กที่ถือตุ๊กตาผีแล้วก็ถูกผีสิงซะเอง (หัวเราะ) ส่วนเรื่องล่าสุดคือ ‘Start-Up’ เวอร์ชันไทย ถ่ายเสร็จแล้ว หนูรับบทเป็นพี่ก้อยตอนเด็กๆ (อรัชพร โภคินภากร – หนึ่งในนักแสดงนำ) หนูไม่เคยเรียนการแสดงค่ะ แต่ด้วยความที่เป็นคนติดหนังติดซีรีส์มาก เลยชอบที่ได้เป็นนักแสดง
หนูดูหนังดูซีรีส์เกี่ยวกับหมอเยอะมาก ชอบที่สุดขอยกให้เรื่อง Grey’s Anatomy หนูอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ คงเพราะเห็นคุณน้าเป็นหมออยู่ที่อังกฤษ รู้สึกว่าหมอเป็นอาชีพที่ดูยุ่งดี หนูเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ และอยากทำงานนี้เพราะได้ช่วยชีวิตคน ได้เห็นคนมีความสุข หนูอยากทำให้คนมีความสุขค่ะ
LIPS: ในรายการ ‘ไอลีน’ ได้รับคำชมเยอะเรื่องการเต้น แสดงว่ามีพื้นฐานที่ดีบวกกับพัฒนาได้เร็ว
ไอลีน: ไม่แน่ใจว่าเร็วไหม อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ (เขินเล็กน้อย) จริงๆ หนูเรียนเต้นทั่วๆ ไปมา 3 – 4 ปีค่ะ แต่ส่วนตัวชอบทางฮิปฮอปอยู่แล้ว เพิ่งได้มาเรียนเต้นจริงจังตอนมาอยู่กับค่ายมากกว่า หนูนั่งย้อนดูคลิปตัวเองวันที่เข้ามาในรายการครั้งแรกแล้วเทียบกับตอนนี้ก็คิดว่า “ฮึ้ย…เราก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันนะ!”
“ทักษะการเต้นของหนูได้มาจากชมรมเต้นล้วนๆ ส่วนการร้องเพลง หนูฝึกเอง เพราะค่าเรียนร้องเพลงเป็นหมื่น หนูว่าแพงไป เลยฝึกเองกับยูทูบดีกว่า” มุกกิ
LIPS: แล้วไปยังไงมายังไง ‘มุกกิ’ ถึงได้มาเข้าร่วมรายการเฟ้นหาเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง Blow Your Mind
มุกกิ: หนูชอบ หนูอยากมาทางนี้ตั้งแต่อนุบาล เพราะพี่สาวชอบเปิดเพลงเกาหลีฟัง หนูเคยขอแม่ไปเรียนเต้นแต่แม่ก็ไม่เคยให้ เลยเก็บความฝันนี้ไว้จนได้เข้าชมรมเต้นของโรงเรียนศึกษานารี แม่ก็เริ่มให้ลองเรียนเต้นดูค่ะ แต่ค่าเรียนแพง หนูก็เลยเรียนอยู่แป๊บเดียว ช่วงนั้นชอบฟังเพลงเกาหลีหนักกว่าเดิมด้วยเพราะเพื่อนพาฟัง เริ่มตระเวนออดิชันด้วย แต่ผ่านแค่รอบแรกๆ จนถอดใจ ทำให้หยุดออดิชันไป 2 ปี แล้วก็กลับไปเต้นคัฟเวอร์เหมือนเดิม
กระทั่งปีที่แล้วหนูเต้นเพลง Growl (ศิลปิน EXO) ในงานโอเพนเฮาส์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่หนูเรียนเอกภาษาจีนอยู่ปี 2 พอเอาคลิปมาลง TikTok มันดันแมส ยอดกดไลค์ประมาณ 2.5 แสน ทีมงานของรายการเห็นเข้าก็เลยติดต่อมาค่ะ ทักษะการเต้นของหนูได้มาจากชมรมเต้นล้วนๆ เลยค่ะ ส่วนการร้องเพลง หนูฝึกเอง เพราะค่าเรียนร้องเพลงคอร์สนึงเป็นหมื่น หนูว่าแพงไป เลยฝึกเองกับยูทูบดีกว่า
“หนูมีโอกาสได้ไปแข่ง World Hip-hop Dane Championship และจบที่อันดับ 5 ของโลกในรุ่น JV MegaCrew” แพรว
LIPS: เราจดจำ ‘แพรว’ ได้ดีจากคำตอบที่บอกว่าส่วนที่ชอบที่สุดในร่างกายตนคือกล้าม!
แพรว: (หัวเราะ) หนูเรียนยิมนาสติกลีลาตั้งแต่ ป.3 จนถึงตอนนี้ค่ะ เลยมีกล้ามเพราะต้องใช้กำลังมาก ต้องดัดตัวด้วย มาเริ่มเรียนเต้นแจ๊ซตอน ป.4 หนูบอกแม่ว่าอยากเปลี่ยนทางเป็นแจ๊ซ เพราะก่อนหน้านั้นเป็นลักษณะเต้นบนหลังกระบะ (ยิ้ม) นี่ยังมีคลิปที่หนูเต้นโยกๆ อยู่บนหลังกระบะ นึกแล้วหนูยังอายมากจนถึงทุกวันนี้
เรียนเต้นแจ๊ซวันแรกมันยากมากจนหนูร้องไห้ แต่หนูก็อ้างกับครูที่สอนเต้นว่าการบ้านที่โรงเรียนหนักมาก หนูขอลาออก แต่ดูเหมือนว่าครูเขารู้ทันก็เลยโน้มน้าวให้หนูสู้ต่อ เขาบอกว่าแจ๊ซทำให้สัดส่วนร่างกายดีนะ แล้วก็เป็นโอกาสที่เราจะได้พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ด้วย หนูก็เลยเรียนแจ๊ซจนถึงป.6 จากนั้นก็เรียนเต้นฮิปฮอปมายาวๆ ควบคู่กับยิมนาสติกลีลา
หนูมีโอกาสได้ไปแข่ง World Hip-hop Dane Championship เพราะแม่พาไปสตูดิโอสอนเต้นอยู่หลายที่ค่ะ ครูคนหนึ่งสนใจหนู เพราะกำลังอยากได้คนเพิ่มพอดี พอหนูตอบตกลง ครูก็จัดตารางซ้อมให้เลย เราซ้อมกันหนักมาก ตั้งแต่เที่ยงถึงห้าทุ่มของทุกวัน พอเป็นรองแชมป์ในประเทศไทยก็เลยได้โควตาไปแข่งต่อที่อเมริกา และจบที่อันดับ 5 ของโลกในรุ่น JV MegaCrew พอกลับมาเมืองไทยหนูก็ยังลงแข่งเวทีอื่นๆ แล้วก็ไปเต้นตามสตูดิโอต่างๆ ช่วงนั้นหนูกำลังเรียนร้องเพลงกับครูคนหนึ่ง เขาเห็นฟีดของรายการ Blow Your Mind ที่กำลังรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน ก็เลยบอกว่าเป็นโอกาสที่หนูน่าจะลองดูค่ะ
LIPS: เห็นเท่ๆ แบบนี้ แต่พอเปลี่ยนมิชชัน แพรวก็เอาอยู่ทุกแนวดนตรี ทุกลุคการแต่งตัว
แพรว: ใช่ค่ะ หนูสามารถเท่ เซ็กซี่ น่ารัก…ได้หมด หนูว่ามาจากพื้นฐานการเต้นแจ๊ซนี่ล่ะ
“มีความฝันที่อยากจะเป็นศิลปินอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยประถมก็เต้นคัฟเวอร์เพลงของ BLACKPINK มาตลอด ไม่เปลี่ยนวงเลย” เกรซ
LIPS: ก่อนหน้านี้ ‘เกรซ’ ทำอะไรมาบ้าง ต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เลย หรือยังไป-กลับโคราชอยู่
เกรซ: หนูย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วค่ะ ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่เริ่มถ่ายรายการ เพราะต้องฝึกหนัก แล้วก็ต้องอยู่ซ้อมกับทุกๆ คน หนูชอบเต้นชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กค่ะ มีความฝันที่อยากจะเป็นศิลปินอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยประถมก็เต้นคัฟเวอร์เพลงของ BLACKPINK มาตลอด ไม่เปลี่ยนวงเลยค่ะ (ยิ้ม) มี T-Pop บ้างช่วงก่อนขึ้น ม.1 เช่น เพลงของวง 4EVE
ตอนอยู่โคราช ทีมเต้นของหนูใช้ชื่อว่า Good Girls เพราะคุณครูเป็นคนตั้งให้ (หัวเราะ) พวกเราค่อนข้างเป็นที่รู้จักในโคราช เพราะเวทีไหนเปิดแข่ง หนูกับเพื่อนๆ ไม่เคยพลาดสักรายการ อารมณ์เด็กล่ารางวัลนิดนึงค่ะ (ยิ้ม) เราเดินสายตามต่างจังหวัดไปทั่ว แล้วส่วนใหญ่ก็ได้รางวัลติดไม้ติดมือกลับมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่ 1, 2, 3 หรือป๊อปปูลาร์โหวต
หนูเพิ่งมาเรียนร้องเพลงก่อนออดิชันได้ประมาณ 1-2 เดือน ที่เหลือคือฝึกเองหมดเลย ก่อนหน้านี้หนูไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่พอได้เข้ามาอยู่ในรายการ ทุกคนเก่งกันมากจนรู้สึกว่าเราต้องพัฒนาตัวเองให้เร็วที่สุด เพราะตั้งแต่อีพีแรกจนถึงอีพีสุดท้ายใช้เวลาถ่ายทำแค่เดือนกว่าๆ เองค่ะ
LIPS: ป่วยหนักตั้งแต่มิชชันแรกๆ แต่ก็สู้สุดใจจนได้เดบิวต์
เกรซ: ใช่ค่ะ จากตอนเช้าที่ปกติทุกอย่าง พอถึงเวลาที่ต้องแข่ง อยู่ๆ ก็เป็นไข้ เจ็บคอ ร้องเพลงไม่ได้ เต้นไม่ได้ จนพี่ทีมงานต้องหายามาให้ถึงดีขึ้น หนูไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะดวงหรือเปล่า แต่จะบอกว่าหนูก็มูนิดนึง (ยิ้ม) หนูไปขอพรองค์พระพิฆคเณศที่สี่แยกห้วยขวางว่าให้หนูเข้ารอบ 12 คนได้ไหม ตอนนี้เลยกลับไปขอบคุณท่านเรียบร้อยแล้วค่ะ
“แม่ชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก เขาโตมากับแนวนี้ พอหนูลืมตาดูโลกก็เลยชอบร้องเพลงไปด้วย” แพงจัง
LIPS: ส่วน ‘แพงจัง’ เป็นตัวตึงไฮโน้ตที่ทุกคนซูฮก และเดินสายประกวดร้องเพลงมาก่อน
แพงจัง: ใช่แล้วค่ะ เมื่อก่อนหนูประกวดร้องเพลงลูกทุ่งลูกกรุง เพราะแม่ก็ชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก เขาโตมากับแนวนี้ พอหนูลืมตาดูโลกก็เลยชอบร้องเพลงไปด้วย แม่เลยฝึกให้และพาไปแข่งขันรายการทีวีแรกคือ The Voice Kids Thailand ซีซัน 4 ถือว่าเปิดโลกมากค่ะสำหรับเด็ก 8 ขวบ ตอนนั้นหนูอยู่ทีมพี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า อามระดิษ)
ส่วนรายการ ‘We Kid Thailand เด็กร้องก้องโลก’ เป็นปรากฏการณ์ใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตหนูเลย เพราะได้ร้องเพลงความในใจกับพี่อ๊ะอาย 4EVE (กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ) คลิปนั้นดังมากจนหนูช็อก เพราะไม่เคยร้องเพลงแล้วดังขนาดนี้ ต่อมาหนูก็ประกวดไปเรื่อยๆ
ช่วง ม.ต้น เพื่อนพาไปเป็นติ่งเกาหลี รู้สึกเปิดโลกกับวงการเพลงป๊อป! หนูชอบมาก คลิกมากจนค่อนข้าง obsess โดยเฉพาะวง IZ*ONE ที่เดบิวต์จากรายการเซอร์ไวเวิล Produce 48 ทำให้หนูอยากไปเกาหลี อยากเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป ถึงขนาดคุยกับแม่ว่าจะไม่ประกวดร้องเพลงแล้ว มันมีพลังแรงกล้าแบบ “แม่ (ลากเสียงสูง) หนูอยากทำ” ตอนนั้นทะเลาะกันหนัก เพราะหนูร้องลูกทุ่งลูกกรุงมาตั้งแต่เด็ก แม่ก็เลยอยากให้ไปต่อทางนี้มากกว่า
MV เพลง BLOW YOUR MIND – MINDY
LIPS: The Golden Song เป็นเวทีสุดท้ายในการประกวดร้องเพลงลูกกรุงใช่ไหม
แพงจัง: ใช่ค่ะ ตอนนั้นเริ่มรู้ตัวแล้วว่าอยากไปสายไอดอล แต่แม่บอกว่าอย่าเพิ่งทิ้งโอกาสเดิมทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะบางทีเราอาจจะได้อะไรจากสิ่งที่เราไม่คาดคิด พอเข้าร่วมรายการ หนูก็ได้เรียนรู้เยอะมากจริงๆ ทุกวันนี้ยังเจอเพื่อนๆ พี่ๆ ในวงการลูกกรุงอยู่เลยค่ะ แต่หลังจากนั้นก็หยุดไป 2 ปี เพื่อฝึกเต้นที่บ้านทุกวัน พยายามทำให้แม่เห็น จนเขาเริ่มเข้าใจว่าหนูอยากมาทางนี้จริงๆ เลยพาไปสมัครเรียนเต้น
หนูออดิชันมาเรื่อยๆ คนอื่นเข้ารอบบ้าง ไม่เข้ารอบบ้าง แต่หนูไม่เคยเข้ารอบเลยตั้งแต่รอบส่งคลิป เขาอาจจะฝึกฝนกันมานาน แต่หนูเพิ่งเริ่มดู เริ่มฝึก ตอนนั้นเลยอาจจะยังไม่มีศักยภาพเพียงพอ เขาให้เหตุผลว่าเราขาดตรงนั้นตรงนี้ หนูว่าหมายถึงคาแรกเตอร์ ซึ่งตอนนั้นก็ “โอ้มายก้อด…คาแรกเตอร์ฉันคืออะไร (กุมขมับ)” แล้วก็อาจรวมถึงเรื่องของเสน่ห์หรือคาริสมาที่คนเป็นศิลปินต้องมี จะร้องเก่งเต้นเก่งอย่างเดียวไม่ได้
ถามว่าหนูเสียใจไหม? เสียใจมากค่ะ แต่ก็มีความคิดในหัวว่าถ้าเราหยุด…จะไม่มีโอกาสอีกเลย แต่ถ้าทำต่อ…ต้องมีโอกาสบ้างแหละ! จนวันหนึ่งแม่เลื่อนฟีดเฟซบุ๊ก เจอประกาศของรายการ หนูก็เลยมาลองดู พอรู้ว่าผ่านเข้ารอบเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ดีใจมากๆ ตื่นเต้นมากค่ะ
Vlog เบื้องหลังสเตจแรกของ MINDY ที่คอนเสิร์ต OCTOBER POP 203
LIPS: ในรายการ ‘แพงจัง’ กับ ‘มุกกิ’ จะชื่นชมกันผ่านช่วงสัมภาษณ์เดี่ยว เหมือนต่างฝ่ายต่างเป็น FC
มุกกิ: หนูจำได้ พี่ทีมงานถามว่าชอบใครที่สุดในทีม หนูตอบทันทีว่าแพงจัง เพราะตอนแพงจังร้องเพลงให้ฟัง หูหนูเหมือนได้เคลือบกลิตเตอร์ เขาร้องดีเกิ๊น! อยากยกให้ทั้งเพลง
แพงจัง: หนูอะชอบพี่มุกกิตั้งแต่วันแรกที่เวิร์กชอป 19 คนเลย เขาโดดเด่นมาก สวยมาก จัดเต็มแบบไอดอลจนหนูอยากบอก “ซารางเฮโย”
มุกกิ: แต่หนูอยากบอกว่าแฟนคลับตัวจริงเสียงจริงของแพงจังอยู่ทางนี้ค่ะ (ผายมือไปที่เกรซ)
เกรซ: (ยิ้มเขิน) ตั้งแต่เด็ก หนูเห็นพี่แพงจังมาหลายเวทีค่ะ เขาดังมาก หนูชอบร้องเพลงก็เลยชอบดูคลิปคนที่ร้องเพลงด้วย จนได้เห็นคลิปของพี่แพงจัง เจอช่องทางไหนก็ติดตามหมด ช่วงที่พี่เขาหายไป หนูก็งงนะคะว่าทำไม ก็ว้าวุ่นเลยทีนี้ (หัวเราะ) พอมาเวิร์กชอปกับรายการวันแรก หนูตกใจมากตอนเขาแนะนำตัวว่าชื่อแพงจัง หนูจำได้ทันที ถามว่าพี่คือคนที่เคยร้องเพลงตอนเด็กๆ ไหมคะ (แฟนคลับรุ่นบุกเบิกเล่าให้ฟังด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย)
แพงจัง: จริงๆ ก่อนหน้านั้น หนูเริ่มร้องเพลงได้ไม่เหมือนเดิมด้วย ขึ้นเสียงสูงไม่ได้ มันเจ็บคอ เหมือนคนที่กำลังโตแล้วเสียงเปลี่ยน อาจจะเป็นเพราะหนูไม่ได้เรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง อาศัยฝึกกับแม่ พอได้เรียนรู้เทคนิคกับครูสอนร้องเพลงโดยตรง อาการก็ดีขึ้นมากแล้วค่ะ
LIPS: คุณแม่เป็นนักร้องมาก่อนหรือ
แพงจัง: เปล่าค่ะ สมัยเด็กๆ คุณครูที่โรงเรียนพาแม่ไปประกวดค่ะ เพราะแม่หนูก็อยากเป็นศิลปิน แต่ทางครอบครัวไม่สนับสนุน เขาเลยไม่มีโอกาสได้ทำงานตรงนี้ แม่เลยฝากความหวังการเป็นนักร้องไว้ที่หนู
“สิ่งที่เหมือนกันของโอกาสทั้ง 2 ครั้งคือความหนักหน่วงกว่าจะฝ่าฟันจนได้เดบิวต์ แต่แตกต่างตรงที่เมื่อก่อนความคิดอ่านหนูยังเด็กมาก ตอนนี้เราโตขึ้นแล้ว มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าเราต้องการไปบนเส้นทางนี้” หมิงหมิง
LIPS: สาวหมวยจากขอนแก่นลุคนางแบบ ‘หมิงหมิง’ เคยเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ปมาแล้วก่อนหน้านี้
หมิงหมิง: ใช่ค่ะ ตั้งแต่เด็กหนูลองเรียน ลองทำกิจกรรมหลายด้าน ทั้งกีฬา วิชาการ เต้น ร้องเพลง แข่งจินตคณิต เดินแบบ ฯลฯ หนูชอบเองค่ะ หนูเป็นคนลุยๆ สนใจอะไรก็ลองทำหมด เคยเรียนเต้นอยู่หนึ่งปีด้วย เรียนเทนนิสด้วย แต่ไม่ได้เรียนร้องเพลงนะคะ เพราะเคยไปเรียนแล้วไม่ค่อยสปาร์ก แม่หนูเลยเป็นคนสอนเอง (คุณแม่เป็นนักร้องเหรอ?) เปล่าค่ะ คุณแม่เป็นตำรวจหญิงที่ชอบร้องเพลง (หัวเราะ)
พอ ป.3 หนูก็ไปแข่งในรายการ The Voice Kids Thailand ซีซัน 3 ซึ่งเป็นเวทีใหญ่ครั้งแรกทางทีวีค่ะ ตอนนั้นหนูอยู่ทีมพี่สุเมธ & พี่ปั๋ง พออายุ 13 ก็ไปออดิชันรายการ Idol Paradise ทางช่อง 3 (33 HD) จนเป็นหนึ่งในผู้ชนะที่ได้เดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ปวง Celeste หนูกับคุณแม่ก็เลยย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ไม่งั้นเหนื่อยมากค่ะ ส่วนคุณพ่อยังอยู่ที่ขอนแก่น
ตอนนั้นได้ปล่อยเพลงตึกตัก (Skip a Beat) ดังเลย แต่มีแค่ซิงเกิลเดียว ผู้ปกครองของสมาชิกในวงก็เลยคุยกับค่ายจนได้ข้อสรุปว่าต้องแยกย้าย จุดนั้นทำให้หนูหมดแพสชันไปช่วงหนึ่งเลย เพราะกว่าจะถึงจุดที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปิน พวกหนูผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าจะเป็น 9 คนสุดท้าย (จากผู้สมัครทั่วประเทศกว่า 7,000 คน) เราสู้มาด้วยกัน ซ้อมเต้นกันทุกวัน พอเสียใจ ท้อ ก็เลยหยุด ไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรต่อเลยค่ะ ปล่อยว่างยาวๆ
พอย้ายมาเรียนที่โรงเรียนหอวัง หนูก็ได้เป็นนักร้องคอรัสในวงดนตรีสตริงคอมโบ เป็นอะไรที่เปิดประสบการณ์มาก เพราะหนูไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่เคยร้องเพลงเป็นกลุ่มที่มีคนเยอะขนาดนี้ มันเป็นเสียงประสานที่ไพเราะมาก ร้องคนเดียวทำไม่ได้ เลยรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เราชอบ จนวันหนึ่งคุณแม่ก็ได้เจอโพสต์ของรายการ Blow Your Mind หนูก็เลยลองดู เพราะรู้สึกว่าเราเคยผ่านตรงนี้มาแล้ว ไม่อยากยอมแพ้ เหมือนอยู่ๆ ก็ได้แพสชันกลับมาค่ะ
LIPS: จุดเปลี่ยนคืออะไร โอกาสที่ได้เดบิวต์อีกครั้งกับวง MINDY เหมือนหรือต่างจากครั้งแรกอย่างไร
หมิงหมิง: หนูชอบดูรายการเซอร์ไวเวิลของเกาหลีที่ชื่อ I-Land ซึ่งผู้ชนะจะได้เดบิวต์เป็นวง ENHYPEN หนูติดตามพวกเขามาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งก็รู้สึกกับตัวเองว่าไม่อยากยอมแพ้ ไม่อยากหยุดไปเฉยๆ เลยขอกลับมาลองอีกสักตั้ง สิ่งที่เหมือนกันของโอกาสทั้ง 2 ครั้งคือความหนักหน่วงกว่าจะฝ่าฟันจนได้เดบิวต์ค่ะ แต่แตกต่างตรงที่เมื่อก่อนความคิดอ่านหนูยังเด็กมาก ตอนนี้เราโตขึ้นแล้ว มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าเราต้องการไปบนเส้นทางนี้ แพสชันเลยมาเต็มมาก
“ช่วงแรกหนูต้องฝึกคนเดียวเพื่อพัฒนาตัวเองให้ทันกับสมาชิกในวง ซึ่งเป็นผู้ชนะในรายการและเตรียมตัวเดบิวต์แล้ว บางวันหนูต้องเรียนเต้น 8 ชั่วโมงติดต่อกัน” หงส์เปา
LIPS: มาถึง ‘หงส์เปา’ สมาชิกที่ค่ายคัดเลือกโดยตรง เพื่อเติมเต็มเคมีวง MINDY ให้กลมกล่อม
หงส์เปา: หนูเรียนอยู่ ม.5 ที่จังหวัดพะเยาค่ะ เป็นการเรียนระบบออนไลน์ หนูเป็นเด็กศิลป์ – จีน ชอบเรียนภาษาจีน เป็นลูกครึ่งจีน แต่เกิดและโตที่เมืองไทย เคยเข้าร่วมการแข่งขัน To Be Number One Idol (การประกวดเยาวชนต้นแบบ) แต่ก็ออกมาก่อนเพราะพอเป็นไอดอลควบคู่กับการเรียนแล้วรู้สึกว่าหนักเกินไป หนูเลยเลือกเรียนอย่างเดียวดีกว่า
จนมีคนชวนมาออดิชันที่ค่าย BDL MD ปรากฏว่าผ่าน เลยได้เริ่มซ้อมครั้งแรกตั้งแต่วันนั้นเลยค่ะ (หัวเราะ) ช่วงแรกหนูต้องฝึกคนเดียวเพื่อพัฒนาตัวเองให้ทันกับสมาชิกในวง ซึ่งเป็นผู้ชนะในรายการและเตรียมตัวเดบิวต์แล้ว บางวันหนูต้องเรียนเต้น 8 ชั่วโมงติดต่อกัน แล้วก็ต้องรีบพัฒนาการเรียนร้องเพลงด้วย
หนูมี ‘หวังอี้ป๋อ’ เป็นไอดอลค่ะ เขาเล่นซีรีส์วายเรื่องปรมาจารย์ลัทธิมาร พอหนูเสิร์ชว่าเขาเป็นใครก็เลยได้เห็นผลงานก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นศิลปินเกาหลีใต้วง UNIQ เขาเท่มาก หล่อมาก หนูได้แรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินจากเขา
LIPS: ก่อนหน้านี้เคยดูรายการ Blow Your Mind มาก่อนไหม ได้เจอใครแล้วรู้สึกเซอร์ไพรส์บ้าง
หงส์เปา: ดูค่ะ เพราะคลิปรายการมาอยู่ในหน้าฟีดหนู ตอนนั้นเห็นพี่มุกกิแล้วหนูชอบเขามากแบบ “อุ๊ย…ใครอะสวยจัง” พอได้มาอยู่ตรงนี้ เห็นพี่มุกกิตัวจริงก็ “อู้ว…โดนใจ” (มือทาบอก) พี่เขาสวยกว่าที่เห็นในจออีก แล้วก็เก่งมากจริงๆ
มุกกิ: พูดดีมีขนมเลี้ยง…ง (กล่าวเสียงเนิบ ทำหน้าเป็น ก่อนประสานมือรูปหัวใจส่งให้หงส์เปา)
หงส์เปา: จริงๆ ทุกคนเก่งหมดเลยค่ะ แต่หนูอาจจะชอบสไตล์พี่มุกกิไง ส่วนคนที่ทำให้หนูเซอร์ไพรส์มากที่สุดก็คือ ‘แพงจัง’ ค่ะ หนูไม่คิดว่าจะได้เจอแพงจัง (น้ำเสียงตื่นเต้น) เพราะเขาหายไปนาน หนูติดตามเขาอยู่บ้าง ฟังเพลงที่เขาร้อง ตอนนั้นก็ยังเอ๊ะอยู่ว่าเขาหายไปไหน แล้วจู่ๆ ก็โอ้…เราได้มาอยู่วงเดียวกัน หนูจำเขาได้ทันที
“ถ้าอยากประสบความสำเร็จไม่ควรหยุดพัฒนา อย่างการร้องเพลง ถ้าเราหยุดฝึกซ้อม เสียงจะแย่ลง เราต้องรักษาระดับหรือไม่ก็พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ” มุกกิ
LIPS: ‘มุกกิ’ เป็นทั้งเมนโวคัลและเมนแดนซ์ที่ได้รับคำชมตั้งแต่อยู่ในรายการว่าเป็น All – rounders สุดครบเครื่อง ในทางกลับกัน เรามองตัวเองอย่างไร มีด้านไหนที่กำลังอยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกระดับ
มุกกิ: ทุกด้านค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จไม่ควรหยุดพัฒนา (เกรซที่ฟังอยู่ถึงกับเชียร์ด้วยท่าคิลสไตล์แรปเปอร์) อย่างการร้องเพลง ถ้าเราหยุดฝึกซ้อม เสียงมันจะแย่ลง เราต้องรักษาระดับหรือไม่ก็พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ การเต้นก็เหมือนกัน ทีแรกหนูไม่คิดว่ามันจะมีดีเทลเยอะขนาดนี้ พอได้มาเรียนในค่าย เขาเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐาน ทำให้หนูได้รู้จักกับร่างกายตัวเองมากขึ้น ยิ่งเรียนก็ยิ่งพัฒนา หนูรู้สึกว่าเราเก่งกว่านี้ไปได้เรื่อยๆ ก็เลยอยากฝึกฝนทุกอย่าง แม้กระทั่งการพูดค่ะ หนูค่อนข้างพูดไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ)
LIPS: เหมือน ‘มุกกิ’ ไม่กลัวการก้าวข้ามเซฟโซน สังเกตจากมิชชันเพลงปล่อยจอย (Bamm feat. Pimma PiXXiE) ที่อยากจะลองร้องแรป ทั้งที่ไม่ใช่ความถนัด แถมส่งผลต่อคะแนนการแข่งขันได้
มุกกิ: ใช่ค่ะ อยากท้าทายตัวเองขึ้นไปอีก หนูเคยฝึกร้องแรปเองบ้าง แต่ก็ต้องใช้เวลาในการฝึกพอสมควร
“ไอลีนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ฝึกแป๊บเดียวก็แรปได้เลย รวมถึงการเต้นด้วย น้องเพิ่งฝึกได้ไม่นาน แต่จัดระเบียบร่างกายได้ดีมาก” มุกกิพูดถึงไอลีน
LIPS: ตัดภาพมาที่ ‘ไอลีน’ ซึ่งแรปเก่งอยู่แล้ว
ไอลีน: จริงๆ หนูไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นเมนแรปเลยค่ะ แต่มิชชันแรกของรายการเป็นเพลง Typa Girl (BLACKPINK) ซึ่งเผอิญว่าหนูเป็นคนเดียวที่ร้องท่อนแรปเพลงนี้ได้ ต่อมาเลยกลายเป็นคนร้องแรปโดยปริยาย ซึ่งหนูว่ามันก็สนุกดีนะ ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และเริ่มคิดว่านี่อาจจะเป็นทางของเรา
มุกกิ: ไอลีนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ค่ะ น้องฝึกแป๊บเดียวก็แรปได้เลย รวมถึงการเต้นด้วย น้องเพิ่งฝึกได้ไม่นาน แต่จัดระเบียบร่างกายได้ดีมาก
ไอลีน: เรามีคลาสเรียนแต่งแรปด้วยนะคะ (ยกมือแบบขอเล่า) หนูอยากจะบอกว่าพี่แพงจังเขียนแรปเก่งมาก
“หนูแรปเก่ง น่าจะมาจากการตั้งใจเรียนภาษาไทย สมัยประถมอาจารย์ให้แต่งกลอน หนูมักจะได้คะแนนเต็ม จนรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นตัวตึงแต่งกลอนเหมือนกันนะ” แพงจัง
LIPS: จัดสักท่อนได้ไหมสาว
แพงจัง: (ทำสมาธิหนึ่งวิ ก่อนสวมวิญญาณเดอะแรปเปอร์) At the moment ที่ฉันกำลังพัก ปล่อยวางจากเรื่องราวที่อยากจะพัก เก็บมันเอาไว้ข้างในลิ้นชัก ไม่อยากจะเอามาคิดให้มันผูกมัด แต่สุดท้ายก็ลบไม่ได้และมันไม่ช่วยให้ลืม บอกแล้วฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากจะแค่ยอมรับ ว่าเธอไม่อยู่ตรงนี้แต่ฉันยังคอยนั่งนับ เพื่อรอคอยวันเวลาที่เธอจะบอก “คิดถึงครับ” (เมมเบอร์ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดแทนซาวนด์เอฟเฟกต์แบบเวทีประชันแรป)
หนูว่ามาจากการตั้งใจเรียนภาษาไทย สมัยประถมที่อาจารย์ให้แต่งกลอน หนูมักจะได้คะแนนเต็มจนรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นตัวตึงแต่งกลอนเหมือนกันนะ (ทรงเด็กหน้าห้อง?) ใช่ค่ะ หนูไม่ได้อยากเป็น แต่แม่บอกให้ตั้งใจเรียน (หัวเราะ)
LIPS: ใครอยากพัฒนาตัวเองด้านไหนเพิ่มขึ้น หรือมีจุดไหนที่รู้สึกว่าควรเอาชนะตัวเองให้ได้
แพรว: หนูอยากร้องเสียงสูงให้ได้ เพราะพื้นฐานเป็นคนเสียงต่ำ หนูต้องฝึกเยอะมากเพื่อให้เส้นเสียงมันจำเหมือน Muscle Memory จนทุกวันนี้หนูร้องเสียงสูงได้คงที่แล้ว แม้จะยังไม่ 100% แต่มันก็ดีกว่าวันแรกมาก อีกอย่างที่อยากพัฒนาคือการแรปค่ะ หนูสับสนในตัวเองว่าทำไมเราแรปไม่เท่ ทั้งที่โทนเสียงก็ทุ้มดี ตอนนี้กำลังหาแนวทางอยู่ค่ะ
เกรซ: ของหนูทั้งร้องทั้งเต้นเลย คือหนูร้องเพลงได้ แต่ยังไม่เก่งเท่าพี่ๆ ที่เป็นเมนโวคัล (แพงจัง มุกกิ หมิงหมิง) ซึ่งมีเนื้อเสียงที่แข็งแรงกว่า อาจจะด้วยความที่หนูไม่ได้ฝึกร้องเพลงทุกวันแบบพี่ๆ เขา ส่วนการเต้น หนูก็อยากทำให้เท่ขึ้น แข็งแรงขึ้น จะได้ช่วยเสริมศักยภาพของวงให้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
แพงจัง: หนูพอใจในสกิลการร้องเพลงของตัวเองระดับหนึ่ง ถือว่าเราแก้ปัญหาเสียงเปลี่ยนที่เจอตอนเด็กๆ ได้แล้ว ถึงจะยังไม่ 100% เพราะบางทีสมมติหยุดซ้อมไปหนึ่งสัปดาห์ก็รู้สึกว่าปัญหาในเชิงเทคนิคของการร้องจะกลับมาอีก เช่น เสียงไม่บาลานซ์ คล้ายๆ การเต้นที่เป็น Muscle Memory ค่ะ เส้นเสียงก็เป็นกล้ามเนื้อเหมือนกัน
เรื่องเต้น หนูไม่ได้เก่งตั้งแต่แรก เพราะเมื่อก่อนฝึกเอง เคยลงเรียนแต่ก็ไม่ได้จริงจัง ไม่เหมือนตอนเทรนที่ค่ายซึ่งหนักหนาสาหัสมาก หนูเลยต้องสู้ จนตอนนี้รู้สึกว่าพัฒนาขึ้นมาก หนูอยากอัปสกิลทุกด้าน อยากเก่ง อยากแรปเท่ อีกอย่างคือการหาเอกลักษณ์ของตัวเองให้เจอค่ะ หนูอยากทำให้มันชัดเจนมากขึ้นว่าเราจะเป็นเวย์ไหน ด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์ก็อยากให้มีเสน่ห์ อยากให้คนดูชอบและสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร
“หนูอยากลองเป็น ‘เจนนี่ BLACKPINK’ หนึ่งวัน พอลุกจากเตียงจะเดินไปส่องกระจกแล้วหยิกแก้มตัวเองเป็นอันดับแรก และอยากรู้ว่าชีวิต 1 วันของเซเลบริตีต้องทำอะไรบ้าง” หมิงหมิง
หมิงหมิง: ของหนูเป็นเรื่องการเต้นค่ะ (หมิงหมิงค่อนข้างเครียดกับการเต้นมาตั้งแต่อยู่ในรายการ?) ใช่ค่ะ เหมือนมีปมนิดหนึ่งกับการเต้น ด้วยความที่เราตัวสูงมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นครูบอกทำนองว่าความสูงทำให้เราดูเก้ๆ กังๆ เต้นได้ไม่สวย พอหนูมองตัวเองในกระจกเลยนอยด์ รู้สึกว่าตัวเองเต้นไม่เก่ง แต่พอได้มาเรียนที่ค่ายตั้งแต่พื้นฐาน หนูก็มั่นใจขึ้นมากแล้ว
ตอนนี้อยากจัดระเบียบร่างกายให้ได้ดีๆ หนูอยากเต้นให้อึดขึ้น สมูธขึ้น สวยขึ้น เพิ่มความแข็งแรงของแขน (ลองเรียนยิมนาสติกแบบแพรวไหมล่ะ?) หนูเคยแข่งยิมนาสติกนะ แต่หนูว่ามันอาจจะเป็นเรื่องการคอนโทรลท่าทางให้คมขึ้น ชัดขึ้น ครูบอกว่าหนูมีกล้ามเนื้อแต่ไม่ยอมใช้ เลยพยายามฝึกการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นที่เป็นมัดเล็กอยู่ค่ะ
ไอลีน: เรื่องเต้น หนูกับพี่หมิงจะตรงข้ามกัน พี่หมิงเขารีแล็กซ์มาก ในขณะที่หนูก็คอนโทรลเกิ๊น (แต่ในรายการ ไอลีนก็ได้รับคำชมตลอดนะว่าเต้นเก่ง) หนูเป็นคนที่เต้นแล้วดูแข็งไปหมดอะค่ะ มองแล้วไม่ค่อยสบายตา เลยพยายามแก้ไขตรงนี้อยู่ (เป็นเพอร์เฟกชันนิสต์?) ใช่ค่ะ หนูเพิ่งสังเกตตัวเองว่าเราอยากทำทุกอย่างให้มันดี ให้มันเป๊ะ ไม่รู้ทำไม
การร้องเพลงก็เป็นความท้าทายสำหรับหนูมากๆ หนูไม่เคยเรียนร้องเพลงมาก่อน เลยรู้สึกว่ามันค่อนข้างยาก พอรู้ตัวว่าไม่เก่งด้านนี้ก็เลยไม่ค่อยกล้าที่จะก้าวผ่านจุดนั้น หนูกลัวผิดถ้าจะร้องแบบนั้นแบบนี้ออกไป (พบทางออกแล้วหรือยัง?) พูดกับตัวเองค่ะว่า “ช่างมัน! ผิดถูกทำไปก่อน” พี่ๆ ในวงคอยบอกเราแบบนี้ มันก็ดีขึ้น หนูทำได้ดีขึ้นค่ะ (ชูกำปั้น)
หงส์เปา: หนูก็ไม่เคยเรียนร้องเรียนเต้นมาก่อนค่ะ ตอนเข้ามาเป็นเทรนนีวันแรก หนูร้องแย่มากจนครูบอกว่าสกิลติดลบ แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ ครูเขาบอกว่าเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้น เรื่องเต้น หนูรู้สึกว่าตัวเองยังเต้นไม่คูลพอ ส่วนเพอร์ฟอร์แมนซ์ หนูว่าหนูยังแสดงออกทางสีหน้าแววตาไม่ค่อยเก่ง ตรงนี้ต้องพัฒนาอีกค่ะ
“หนูกินไอติมช็อกโกแลตไป แล้วก็ปลอบตัวเองไป “อา…า ไม่เป็นไรนะ” แล้วก็กินๆๆ หนูซีเรียสกับชีวิตค่ะ แต่การกินฮีลใจหนู” หงส์เปา
LIPS: หงส์เปาจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงในวันที่เพื่อนๆ เตรียมเดบิวต์ แต่ครูบอกว่าทักษะเราติดลบ
หงส์เปา: หนูกินอย่างเดียว (ฮะ?…ยังไงนะ? เรางง ทุกคนงง) หนูกินไอติมช็อกโกแลตไป แล้วก็ปลอบตัวเองไป “อา…า ไม่เป็นไรนะ” แล้วก็กินๆๆ “อ้า…อารมณ์ดีละ โอเคซ้อมต่อได้!” (เป็นคนที่ไม่ซีเรียสกับชีวิต?) ซีเรียสค่ะ แต่การกินฮีลใจหนู (เธอส่งยิ้มตาใส ในขณะที่เราค้นพบตัวตึงแห่งวง MINDY อีกหนึ่งอัตรา)
LIPS: ‘หงส์เปา’ ชอบทำอะไรบ้าง รีวิวการใช้ชีวิตที่พะเยาให้ฟังหน่อย
หงส์เปา: ชีวิตหนูที่จังหวัดพะเยาเป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุกค่ะ ที่นั่นเป็นเมืองเล็กๆ บรรยากาศดี ไม่มีรถติด เป็นฟีลชาวบ้านอยู่กัน ทุกคนสนิทกันหมดค่ะ (ยิ้ม)
หนูชอบทำเบเกอรี ด้วยความที่ช่วงโควิดหนูเหงามากๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเปิดยูทูบทำครัวซองต์ มาการง เค้ก บราวนี ฯลฯ หนูทำกินทุกวันจนอ้วนเลยค่ะ แล้วหนูก็ชอบแมวมากเป็นพิเศษ แมวมันงอกได้นะคะ (หัวเราะ) ตอนแรกมีแมวหลงเข้ามาในบ้านหนึ่งตัว หนูก็รอดูว่าจะมีอีกไหมในหมู่บ้าน มันก็มีมาอีกค่ะ 2 – 3 ตัว หนูเลยหอบเข้าบ้าน จับอาบน้ำหมด จากนั้นก็เจอแมวข้างถนนที่ไม่มีเจ้าของอีกหลายตัว เห็นบาดเจ็บ หนูก็เก็บมาเลี้ยงหมด ตอนนี้เหลืออยู่ 4 ตัวค่ะ
“เราต้องสวยตลอดเวลาค่ะ ถ้าหน้าสด หนูจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย” เกรซ
LIPS: ในส่วนของสาว ‘เกรซ’ คือขาดเครื่องสำอางไม่ได้เหรอ
เกรซ: เอ่อคือ…เราต้องสวยตลอดเวลาค่ะ ถ้าหน้าสด หนูจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย
ไอลีน: อยากจะบอกว่าทุกครั้งที่เกรซมาซ้อม ตาต้องแต่งเต็มค่ะ กรีดตาเฉี่ยวทุกรอบ แล้วก็มีกลิตเตอร์วิงค์ๆ
มุกกิ: น้องเป็นเด็ก 13 ที่แต่งหน้าเก่งกว่าหนูอีก
เกรซ: หนูเป็นคนรักสวยรักงามค่ะ ทำคลิปรีวิวตั้งแต่อยู่อนุบาลเลย (เล่าพร้อมแอกติงการโชว์สินค้าให้กล้องโฟกัสแบบบิวตี้บล็อกเกอร์) มีสอนแต่งหน้าด้วยนะคะ บางทีก็คุยคนเดียว แบบอยู่ๆ มีกล้องทิพย์ขึ้นมา (หัวเราะ)
“เราทุกคนมีความฝันที่จะทำให้วงมีชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศ ได้ขึ้นเวทีในต่างประเทศ” แพรว
LIPS: มีใครในวงที่ไม่ชอบแต่งหน้าเลยไหม
แพรว: (ยกมือเหงาๆ โดยลำพัง) ก่อนเข้ารายการหนูไม่แต่งเลย หน้าสดทุกวันเลย แต่พอเข้ารายการ เราก็ต้องดูแลตัวเอง ปรึกษาพี่หมิงเอาค่ะ เขาเป็นครูสอนแต่งหน้าคนแรกของหนู
หมิงหมิง: (อมยิ้มพร้อมทำเสียงแบบบิวตี้แอดไวเซอร์) เราก็มีการให้คำปรึกษาน้องค่ะว่าในส่วน Personal Color ของสีผิวแพรวนี่เหมาะกับสีโทนส้ม จะได้ขับผิวเขาในสไตล์ Autumn Girl ค่ะ
ไอลีน: วันหนึ่ง 2 คนนี้เขาแต่งหน้ากันอยู่ในห้องน้ำค่ะ หนูเปิดเข้าไปแล้วนึกว่าเป็นตากุ้งยิงกัน เห็นพี่หมิงกำลังป้ายเปลือกตาให้พี่แพรว แต่ตัวเองก็ตาแดงก่ำเลย ส่วนพี่แพรวก็ตาส้มมาก (หัวเราะ)
หมิงหมิง: พี่ถือคติว่า ‘ปัดไปก่อน เดี๋ยวอ่อนเอง’ (หัวเราะ) มิน่าล่ะ..หนูรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้น้องไม่ปรึกษาหนูแล้ว
LIPS: ในขณะที่ ‘แพงจัง’ ก็น่าจะขลุกอยู่ในท้องฟ้าจำลองได้ทั้งวัน
แพงจัง: โอ๊ย หนูชอบดาราศาสตร์มาก ชอบดูคนพูดคุยถึงสิ่งลี้ลับด้วยค่ะ มีคลิปหนึ่งเกี่ยวกับเอเลียน หนูชอบมากเลยเริ่มศึกษา (เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง?) เชื่อค่ะ เขาว่ากาแล็กซีมีดาวหลายล้านดวง ระบบสุริยะมีโลก ระบบอื่นก็น่าจะมีบ้าง หนูนะมีความฝันว่าอยากเชกแฮนด์กับเอเลียน ชอบมาก คลิป Area 51 อะไรแบบนี้ หนูดูเยอะมาก สนุกค่ะ ช่วงที่จริงจังสุดๆ หนูบอกแม่เลยว่าอยากเป็นนักบินอวกาศ หนูจะไปทำงานที่นาซ่า (ชูกำปั้นด้วยความมุ่งมั่น) เสิร์ชเงินเดือน เสิร์ชช่องทางการสมัครงาน แต่ตอนนี้หนูเรียนศิลป์-จีนค่ะ บ๊ายบายเคมี-ฟิสิกส์เรียบร้อย (ยิ้ม)
LIPS: ถ้าวันรุ่งขึ้นต้องลืมตาตื่นเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง อยากลองใช้ชีวิตในร่างใครสัก 24 ชั่วโมง
หงส์เปา: ‘แมว’ ค่ะ เพราะมันใช้ชีวิตสบายมาก ร้องเมี้ยวๆ ก็มีคนเอ็นดู มีกับข้าวให้กิน อีกอย่างอยากลองปีนต้นไม้ ใช้ชีวิตรีแล็กซ์แบบที่ไม่มีอะไรต้องเครียดเลย (หัวเราะ)
หมิงหมิง: ‘เจนนี่ BLACKPINK’ ค่ะ พอลุกจากเตียงจะเดินไปส่องกระจกแล้วหยิกแก้มตัวเองเป็นอันดับแรก หนูชอบแก้มเขามาก (เสียงอ่อนเสียงหวาน) แล้วก็อยากรู้ว่าชีวิต 1 วันของเซเลบริตีต้องทำอะไรบ้าง
แพงจัง: อยากตื่นมาเป็น ‘นักบินอวกาศ’ แบบเช้าวันนี้ฉันจะไปทำงานด้วยจรวด!! (หัวเราะ) หนูมีความฝันว่าชีวิตนี้จะต้องได้เห็นโลกด้วยตาตัวเองจากนอกโลก
แพรว: อยากลองเป็น ‘แม่’ ค่ะ ทุกเช้าแม่จะขับรถพาไปส่งที่โรงเรียน แล้วก็คอยซัพพอร์ตหนูทุกด้าน ไม่ว่าจะเรียนเต้น เรียนร้อง เล่นกีตาร์ ยิมนาสติก ฯลฯ หนูอยากรับรู้ว่าแม่อดทนได้ยังไง เขาเก่งมาก หนูอยากเป็นคนที่แสนดีได้เหมือนเขา ปกติหนูกับแม่ไม่สวีทหวานกันเลย เพราะเขาจะเน้นให้เราเป็นคนเข้มแข็งมากกว่า
เกรซ: อยากเป็นคนถือกระเป๋าให้ ‘พี่ลิซ่า BLACKPINK’ เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่งพอ ถ้าเราได้ไปอยู่ใกล้เขาก็น่าจะได้ซึมซับความเก่งหรือทัศนคติบางอย่าง แถมอาจได้ไปสเตจระดับโลกด้วย
มุกกิ: หนูอยากเป็น ‘สัตว์เลี้ยงบ้านคนรวย’ ตัวอะไรก็ได้ (หัวเราะ) อยากมีชีวิตช่วงหนึ่งที่ได้รีแล็กซ์ทั้งวัน แบบแผ่พุงแล้วนอนตากแอร์ (ทำท่าประกอบ) ว่างๆ ก็ลุกไปลับเล็บกับกระเป๋าของเจ้าของ
ไอลีน: ‘รยูจิน ITZY ค่ะ’ อยากส่องกระจกแล้วรู้สึก “เฮ้ย…หล่อจังเรา!” คือเขาเป็นคนที่มีคาริสม่า หนูอยากรู้ว่าเต้นยังไงให้เท่แบบเขา อยากขึ้นสเตจใหญ่ๆ อยากรู้ว่าการมีคอนเสิร์ตของตัวเองมันเป็นยังไง อีกคนที่หนูอยากลองเป็นคือ ‘พี่แพรว’ ค่ะ (สมาชิกในวง MINDY พากันฉงนก่อนที่ไอลีนจะเฉลย) หนูอยากสัมผัสความรู้สึกตอนตีลังกาไง อยากมีกล้ามแบบพี่แพรวบ้าง อยากรู้ว่าการเต้นที่แข็งแรงเป็นยังไง
“อยากให้เพลงภาษาไทยแมส เราทำให้คนฟังชอบเพลงของเราได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ภาษาของเขา” MINDY
LIPS: ถ้าเป็นไปได้อยากพัฒนาหรือต่อยอดวง MINDY ไปทิศทางไหน อย่างไร
แพรว: เราทุกคนมีความฝันที่จะทำให้วงมีชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศ ได้ขึ้นเวทีในต่างประเทศค่ะ
แพงจัง: หนูอยากยกระดับ T-Pop อยากให้วงมีชื่อเสียงระดับเวิลด์ไวด์ ไม่ใช่ดังแค่ในประเทศแล้วพอใจละ คือรู้สึกว่าไหนๆ ทำแล้วก็เอาให้สุดไปเลย ในหัวหนูเลยไปต่อเรื่อยๆ เราต้องไม่หยุด ถามว่าต้องทำเพลงเป็นภาษาอังกฤษไหม ส่วนหนึ่งก็ช่วยค่ะ แต่ใจหนูอยากให้เพลงภาษาไทยแมส เราทำให้คนฟังชอบเพลงของเราได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ภาษาของเขา
ไอลีน: หนูหวังให้ MINDY เป็นวงที่ทุกคนยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ส่วนตัวหนูมองว่าคนยุโรปยังไม่ค่อยได้อินกับเพลงฝั่งเอเชีย ไม่ว่า K-Pop หรือ T-Pop หนูเลยอยากให้เขาเห็นว่าคนเอเชียมีดี สู้กับพวกเขาได้ อีกอย่างคืออยากให้คนเห็นว่าพวกเราเป็น All-rounders ที่อายุน้อยแต่ทำได้ทุกอย่าง (ยิ้ม)
Words: Sasi Akkomee
Photos: BDL MD Entertainment