ทำความรู้จักกับแง่มุมความเป็น นะโม – ธนภัทร ผิวคำ คนรุ่นใหม่ที่ไม่อาจนิยามได้ด้วยคำเดียว เมื่อเขาสวมหมวกหลากหลายเป็นทั้ง นักแสดง นักกีฬา นักธุรกิจ ดาวติ๊กต่อก ไปจนถึงทาสแมว
WELLNESS IS A WAY OF LIFE
“ตั้งแต่เด็กผมชอบเล่นกีฬาต่าง ๆ แต่ที่ถนัดมากคือบาสที่เล่นจนเป็นทีมของโรงเรียนเลย ผมสูง 185 เซนติเมตรได้ก็เพราะกินนมและเล่นบาสนี่แหละ ผมกินนมแทนน้ำเลย มันสามารถแหวกกรรมพันธุ์ได้จริง ๆ เพราะพ่อแม่ก็ไม่ได้ตัวสูงมาก ตอนเด็ก ๆ ฝันอยากเป็นนักบาสอาชีพด้วย ผมชอบ KOBE BRYANT มาก ๆ ตอนเขาเสียชีวิตเมื่อปี 2020 ก็ตกใจมาก คนที่เล่นบาสทุกคนช็อกกันหมดที่เขาจากไปกะทันหัน
“ตอนเป็นนักกีฬาก็เล่นกีฬาอย่างเดียว แต่พอขึ้นปีหนึ่ง มีผู้จัดการ เริ่มเข้าวงการเต็มตัวมากขึ้น ก็หันมาเล่นฟิตเนสเพราะผมตัวผอมและสูงด้วย เลยดูตัวเล็กไปหน่อย ถ้าออกกำลังกายให้มีกล้ามสักหน่อย เวลาเข้ากล้องจะดูสมาร์ทขึ้น ไม่เก้งก้าง และจะได้ดูโตขึ้นหน่อยด้วย ไม่ได้ดูเด็กเกินไป
“ผมไม่ได้ควบคุมอาหารใด ๆ เลย ผมชอบกินแป้งและกินเยอะมาก ไม่ได้งดคาร์โบไฮเดรทเลย อาจจะเพราะระบบเผาผลาญเราค่อนข้างดี ถ้าเรามีกล้ามเนื้อเยอะก็จะเผาผลาญเร็ว ซึ่งผมก็เพาะกล้ามเนื้อปูพื้นฐานไว้แล้ว และผมก็กินแบบไม่เลือกเวลาและไม่จำกัดมื้อด้วย จะกินทุกครั้งที่หิว วันหนึ่งกิน 5-6 มื้อ ดึกแค่ไหนก็กิน เที่ยงคืนยังกินมาม่าอยู่เลย (หัวเราะ) คงเพราะยังอายุไม่มากเลยยังเผาผลาญดี แต่มีรุ่นพี่หลาย ๆ คนบอกว่าถ้าอายุ 30 ขึ้นไปจะเริ่มเผาผลาญไม่ดี อ้วนง่าย ลดยาก กินเยอะขนาดนี้แต่น้ำหนักก็อยู่ที่ 60 กิโลกรัมนะ ผมกินเยอะแต่ออกกำลังกายเยอะไปด้วย น้ำหนักเลยจะอยู่ประมาณนี้ เคยอ้วนสุดคือหนัก 65 แต่บางทีเครียดและไม่มีเวลากินก็อาจจะน้ำหนักลดไปเอง”
LIFE IN THE LIMELIGHT
“ผมไม่ได้คิดฝันว่าจะเข้ามาเป็นนายแบบและนักแสดง แต่เรามีโอกาสได้เข้ามาทำตรงนี้เร็ว อย่างงานถ่ายแบบผมทำมาตั้งแต่เรียนมัธยม เคยออกรายการรถโรงเรียนด้วยเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนม.ต้นก็ไปทำงานเป็นเอ็กซ์ตร้าในกองถ่าย ได้เริ่มทำงานตั้งแต่เด็กก็รู้สึกชอบและได้หารายได้ด้วยตัวเอง และโชคดีมากที่ได้ถ่ายโฆษณาแบบไม่ต้องไปแคสติ้ง ลูกค้าจิ้มมาเลย แล้วก็เคยออกรายการ Thailand’s Got Talent ทำให้ผู้จัดการได้เห็นและติดต่อมา เขาก็ดูแลผมจนทุกวันนี้
“พอเข้ามาทำงานแสดง ผมชอบนะ ไม่ใช่แค่ได้แสดงอย่างเดียว เราได้ทำงานหลายอย่างและได้เจอผู้คนใหม่ ๆ ตลอดเวลา ไปกองถ่ายแต่ละกองก็เจอคนไม่ซ้ำกันเลย มันก็สอนให้เราปรับตัวง่ายและมีเซนส์ในการเข้าหาคน ผมอยากทำต่อไปเรื่อย ๆ รู้สึกชอบงานแสดงซีรีส์ มันเข้าทางผมมากกว่าแสดงละคร ด้วยเนื้อเรื่องที่ซีรีส์จะเป็นวัยรุ่น ตัวละครยังอยู่ในวัยเดียวกับผม ผมชอบบทที่สมวัยของผมในตอนนี้ คือเป็นวัยรุ่น เฮฮา สดใส เพราะผมเข้าบทดราม่าค่อนข้างยาก เป็นคนร้องไห้ยากสุด ๆ ในชีวิตจริงเราแทบไม่ร้องไห้เลย ไม่มีเรื่องให้เสียใจจนจะร้องไห้ด้วย แต่ละครจะเป็นเรื่องของคนที่วัยโตกว่าอายุจริง มีมุมบางอย่างที่ไกลตัวเรา ที่สำคัญงานซีรีส์ยุคนี้มีโปรดักชั่นที่ดีมาก ๆ บางเรื่องถ่ายเหมือนภาพยนตร์เลย งานถ่ายแบบก็ชอบ มีช่วงหนึ่งเคยถ่ายแบบเสื้อผ้า 30 กว่าชุด เราต้องครีเอทท่าโพสเยอะมาก รู้สึกว่าเราก็ทำได้และสนุกด้วย”
LIVING IN A MULTIVERSE
“อีกโลกหนึ่งของผมคือเป็นคนชอบอยู่บ้าน เล่นเกมและเลี้ยงแมว ผมติดแมวมาก เลี้ยงอยู่ 2 ตัว คนชอบทักว่าเวลาผมพูดถึงแมวจะเป็นอีกเสียงหนึ่งเลย เสียงละมุน (หัวเราะ) แต่บ้านก็จะเต็มไปด้วยขนแมวอยู่ทุกที่ ทั้งที่ผมเป็นคนรักความสะอาดสุด ๆ แต่ก็ยอมเพื่อแมว ใช้วิธีเอาโรลเลอร์ไล่รูดขนแมวแทน ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวก็จะชอบไปเล่นฟิตเนส ออกกำลังกาย ตอนกลางวันจะเจอตัวผมได้ที่ยิม แต่ผมไม่ใช่คนโลกส่วนตัวสูงเลย อีกด้านหนึ่งผมชอบอยู่กับเพื่อนมาก ๆ แต่ด้วยความที่ติดแมวก็เลยอยู่บ้านบ่อย พออยู่บ้านมาก ๆ ก็ชอบทำความสะอาดบ้านมาก ๆ เห็นอะไรเลอะนิดเดียวก็จะเช็ดทันที เวลาทำอาหารจะล้างมือบ่อยมาก จับเครื่องปรุงทีก็ล้างมือที
“งานอดิเรกใหม่ตอนนี้คือเล่นติ๊กต่อก ผมเริ่มเล่นตอนอยู่ปี 3 เห็นกระแสมาแรงเลยลองเล่นดูแบบเล่น ๆ เลย แต่อยู่ดี ๆ งานเข้า คือมีงานจ้างเข้ามาเฉยเลย บางคลิปเราอัดเล่น ๆ เต้นตามเพลงแต่คนดูเยอะมาก หรือมีอยู่คลิปหนึ่งที่ผมแค่วัดส่วนสูงแต่คนดูเกือบ 2 ล้านวิว ผมคิดว่าคนยุคนี้คงชอบดูมีมสั้น ๆ กัน แต่ความยากของติ๊กต่อกคือเดาอัลกอริทึมยากมาก เท่าที่ผมพอจะจับทางได้คือ ถ้าเราทำคอนเทนต์แนวไหนก็ให้ทำแนวนั้นไปตลอด อย่างถ้าเราทำคลิปเน้นการพูด คลิปอื่น ๆ ของเราก็ควรจะพูด ถ้าสลับไปพูด เต้น รีวิว ทำอะไรหลากหลายแล้วยอดวิวจะไม่ค่อยดี ต้องไปในทางเดียวกันให้ชัดเจนว่าเราเป็นคนสายไหน
“ยิ่งถ้าเราทำคลิปที่พูดให้ข้อมูลจะยิ่งดี รีวิวได้ทุกอย่างตั้งแต่ต้นไม้ อาหาร เสื้อผ้า เหมือนคนยุคนี้ชอบเข้าไปหาความรู้กันในติ๊กต่อก อย่างที่เขาเรียกกันว่าเป็น TikTok Uni ผมคิดว่าด้วยหน้าตาของติ๊กต่อกที่เลื่อนดูง่ายกว่าแอพอื่น ๆ อย่างของผมจะเป็นสายเต้น แต่จะเลือกเพลงที่มีท่าเต้น เราก็ทำ challenge ท่าเต้นเพลงฮิต ๆ แต่ก็ทำให้ผมติดโทรศัพท์มาก ๆ ถ้าอยู่บ้านก็เล่นมือถือทั้งวัน ออกกำลังกายก็เปิดดูคลิปนั้นคลิปนี้ไปด้วย มีแค่สองเวลาที่ผมไม่ได้เล่นมือถือคือตอนอาบน้ำกับตอนหลับ”
A MULTIPOTENTIALITE
“ผมคิดว่าคนรุ่นผมไม่ค่อยคิดเรื่องว่าเรียนจบแล้วจะเป็นพนักงานบริษัท เราอยากทำธุรกิจของตัวเองหรืออย่างน้อยก็มีอาชีพอิสระ แต่ก่อนผมอยากเป็นนักบาสและมีธุรกิจของตัวเอง แต่การจะมีอิสระได้ก็ต้องมีความรับผิดชอบในตัวเองสูงมาก พอโตมาผมอยากทำหลาย ๆ อาชีพไปพร้อมกัน อย่างบทความที่คนแชร์กันเยอะ ๆ ว่าหมดยุครายได้ทางเดียว ผมเห็นด้วยมาก ๆ ชีวิตจริงมันเป็นแบบนั้นเลย รุ่นพี่หลายคนที่เรียนจบไปก็มาบอกว่าทำทั้งงานหลักและงานเสริมไปพร้อมกัน รายได้จากงานเสริมจะมากกว่างานหลักด้วยซ้ำ แต่ก็ทิ้งงานหลักไปไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
“นอกจากเรื่องความมั่นคงก็เป็นเรื่องของความสนใจด้วยที่เราสนใจหลายอย่าง ก็ไม่จำเป็นว่าเราต้องทำแค่อย่างเดียว อย่างตอนนี้ผมเข้ามาทำงานแสดงแล้วก็ชอบมาก สนุกกับมัน ขณะเดียวกันผมก็สนใจธุรกิจ มันเป็นความฝันของเราก่อนจะเป็นนักแสดงเสียอีกว่าอยากทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ตอนนี้ก็เริ่มเข้าไปศึกษาแล้ว เป็นธุรกิจค้าเหล็ก (หัวเราะ) สายอุตสาหกรรมก่อสร้างไปเลย เป็นเรื่องที่เราเพิ่งเข้าไปศึกษาและเริ่มสนุกกับมัน ได้ศึกษางานบัญชี ทำโปรแกรมเอ็กเซล ก็เป็นงานที่ฉีกไปงานในวงการบันเทิงไปคนละแบบ ผมอยากหาประสบการณ์และมีทักษะหลาย ๆ ด้าน เพราะดูแล้วเด็กยุคนี้ที่อายุน้อยกว่าผมขยันกว่านี้เยอะ ตอนนี้ผมอายุ 23 แต่เด็กอายุ 14-15 นี่เขียนโค้ดดิ้ง เขียนโปรแกรมได้แล้ว ไปไกลมาก ตอนเราอายุเท่าเขาเรายังเล่นอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่เลย เด็กยุคนี้พัฒนาเร็วมากจนเราตามไม่ทัน
“ข้อดีของผมก็น่าจะอยากทำอะไรหลายอย่างแล้วก็ไปหาโอกาสที่จะทำเลย ไม่ได้แค่คิดเฉย ๆ อย่างตอนนี้เป็นนักแสดง เดือนหน้าก็จะเป็นนักธุรกิจ เราไม่ได้รอเวลาให้ผ่านไป”
นะโมสวมแจ็กเก็ตและกางเกงเดนิมจาก AMERICAN EAGLE และรองเท้าจาก Camper
MAKEUP: SUPICHA J.
HAIR: PONGSAMUSCHA S.
ขอบคุณสถานที่: FORESTPRESSO ซอยสังคมสงเคราะห์ 11 โชคชัย 4 https://www.facebook.com/Forestpresso/
WORDS: SUPHAKDIPA P.
PHOTOS: SOMKIAT K.
STYLE: ANANSIT K.