Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Culture / Travel

North Eastern Charm – Ubon Ratchathani

สัมผัสเสน่ห์ประหลาดล้ำของอุบลราชธานี
Culture / Travel

“พระอาทิตย์ขึ้นที่ผาชะนะไดอำเภอโขงเจียมจังหวัดอุบลราชธานี” 
เสียงรายงานพยากรณ์อากาศจากสถานีวิทยุกระตุ้นเตือนให้นึกอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นเหนือขอบฟ้าตะวันออกด้วยตาสักครั้งท่ามกลางเหตุการณ์ผันแปรมากมายเป็นช่วงสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลายเวลาแห่งการดำเนินชีวิตครั้งใหม่กำลังคืบใกล้เข้ามาเราสองคนต่างต้องการบางห้วงอารมณ์ที่สงบและปลอดโปร่งเพื่อวันต่อไป

‘ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน’ 
บทสนทนาง่ายๆในบ่ายวันหนึ่งนำทางเรามาถึงที่นี่เพื่อนอนพักปล่อยความคิดไหลตามไปตามกระแสน้ำเพื่อเดินเล่นชมความของชีวิตหลากหลายเพื่อไม่ต้องทำอะไรปลดตัวเป็นอิสระจากหน้าที่ทั้งปวง

ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

     เมฆหนาหนักสีครามค่อยคืบคลุมมาทางขอบฟ้าตะวันออก ประคองมวลมหาศาลอย่างอดทน ก่อนทิ้งตัวสาดลงมาเป็นฝนเม็ดใหญ่ อาบชโลมแผ่นดินแล้งแตกระแหงเบื้องล่างให้ชุ่มฉ่ำ อ่อนกำลังลง และเหือดหายไปในไอระอุ แต่ละวัน สภาพอากาศหมุนวนอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลมมรสุมต้นเดือนกรกฎาคมหอบเอาความสงบลึกล้ำมาปกคลุมทั่วบริเวณเมืองเล็กริมฝั่งโขง ซ้ำด้วยสถานการณ์โรคระบาด อำเภอโขงเจียมในวันนี้จึงดูสะลึมสะลือ อย่างคนไม่เต็มตื่น ทั้งที่พัก และร้านรวง ล้วนดำเนินชีวิตอ้อยอิ่ง รอแสงตะวันส่องกระจ่างถึงสถากรณ์เพื่อก้าวเดินต่อไป

โขงสีปูนมูลสีคราม 

     ผิดกับฤดูน้ำหลากที่ผ่านมา แม่น้ำโขงในปีนี้ดูแห้งขอด แก่งหินผุดโผล่เป็นแนวยาวไล่เรื่อยไปตลอดริมฝั่ง บ้างดำหายซ่อนกายหายใต้ผิวน้ำ และเผยตัวขึ้นใหม่เกิดเป็นเกาะหินเล็กใหญ่กลางสายธาร เราเดินเรื่อยไปถึงตลิ่งโค้งสุดปลายอำเภอ ณ ที่แห่งนี้ สีครามสงบเย็นของน้ำมูลเดินทางมาพบกับสีปูนเชี่ยวแรงจากแม่โขง เมื่อความต่างไม่อาจหลอมรวมกันได้ในแรกเจอ จึงเกิดเห็นการแบ่งตัวของมวลน้ำดังชื่อ ‘แม่น้ำสองสี’ จุดชมวิวยอดนิยมของอำเภอโขงเจียม 
     ตลอดช่วงบ่าย เราอยู่ในบริเวณที่พักริมฝั่งโขง นั่งมองกระแสน้ำผ่านไหล นึกสงสัยถึงใต้น้ำวน ปล่อยสายตาทอดไกลไปฝั่งลาว จินตนาการภาพผู้คนข้างพรมแดน มองเรือลำเล็กออกหาปลา สลับกลับมาพลิกอ่านหนังสือเล่มหนาในมือ วนเวียนไปมาอยู่อย่างนั้นจนหมดวัน เวลาก็เป็นเสียแบบนี้ เมื่อปล่อยผ่านไปโดยไม่คิดจะครอบครอง กลับหลั่งไหลมาอย่างมากมายล้นเหลือ มากเสียจนตาเต็มตื้นด้วยสีสัน จิตใจเอ่อล้นความสงบ

รับตะวันใหม่ก่อนใครในสยาม

     เสียงนาฬิกาปลุกดังเวลาตีห้าตรง แผ่นเมฆหนาหนักคลี่เผยให้เห็นท้องฟ้าเงินสกาวอย่างเช้าวันใหม่ ความสว่างค่อยอาบฉาบไล่ทั่วสายน้ำ ภาพเรือลำเล็กยามออกหาปลาพาบรรยากาศของการเริ่มต้นฟุ้งอวลไปทั่วบริเวณ ลมชื้นลอยนิ่งสงบ เราขับรถตรงขึ้นไปยังหน้าผาสูงชันสุดเขตแดนตะวันออกของประเทศไทย ผ่านทางใต้เงาอุโมงค์ไม้ทะมึน กลิ่นปลอดโปร่งสบายคลุมคลุ้งทั่วไปในอากาศ เช้าวันนี้ที่ผาแต้ม มีเพียงชายวัยกลางคนกับสุนัขคู่ใจ นั่งจิบกาแฟเดียวดายบนพื้นหินสุดปลายผา ดูเป็นภาพแปลกตาของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

     เบื้องล่างคือแม่น้ำโขงทอดตัวคดเคี้ยวข้างผืนป่าชอุ่ม ถัดออกไปคือฝั่งลาว และหน้าผารูปทรงเดียวกันกับที่เรายืนอยู่ ท่ามกลางความเงียบงันหลังม่านเมฆ ท้องฟ้ากลายปนด้วยสีสุกสกาวจากดวงตะวัน ใบไม้ครามเข้ม ค่อยเปลี่ยนเป็นเขียวสดใส ไล่สว่างเรื่อยไปถึงเหลืองทองยามอาบแสงตะวัน ความสงบเผยกายปกคลุมทั่วบริเวณ เราต่างเพียงนั่งมองสรรพสีสัน และภาพของเวลายามแปรเปลี่ยน คงเป็นความรู้สึกเช่นนี้ ที่เราเอาแต่เฝ้าคอยให้พระอาทิตย์ปรากฏกาย และลับหายริมขอบฟ้า วันแล้ววันเล่า อย่างไม่เคยเบื่อหน่าย ช่วงเวลาที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกจังหวะลมหายใจ ทว่าภายในกลับนิ่งงัน เมื่อความรู้สึกหยุดเคลื่อนไหวภายใต้มนตร์สะกดแห่งดวงตะวัน

สามพันโบก

     แม้จะเป็นเวลากว่าห้าโมงเย็น พระอาทิตย์ยังไม่แสดงท่าทีอ่อนแรง อากาศร้อนระอุ และไอแดดยังไล่เลียให้แสบผิว ณ ที่แห่งนี้ ธรรมชาติรังสรรค์ดินแดนแปลกตา ผ่านกาลเวลาและกระแสธาร เกิดเป็นแก่งกว้างกลางลำน้ำใหญ่ที่ผุดเผยเรือนกายยามแล้ง เมื่อเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก ก้อนหินสลับซ้อนยังทำหน้าที่ชะลอการไหลบ่าของกระแสน้ำ ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยหลบภัยของสัตว์น้อยใหญ่ในลำโขง 
     ไม่ต่างกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในระแวกเดียวกัน สามพันโบกยังร้างไร้ซึ่งผู้มาเยือน เรือยาวหลายลำลอยนิ่งเรียงราย เย็นวันนั้น เราเดินเท้าสำรวจรูปทรงน่าตื่นตาของดินแดนกึ่งบาดาล ทั้งโค้งเว้า และเป็นหลุมเป็นบ่อ ชวนให้จินตนาการถึงอาณาจักรพิสดารยามผืนน้ำห่มคลุม ปลาตัวน้อยซุกกายในโพรงหิน สิ่งมีชีวิตใหญ่ในตำนานกำลังแล่นเลียบผ่านผาหิน ทั้งที่เป็นฤดูรสุม ช่วงเวลาที่แก่งแห่งนี้ควรถูกยึดครองโดยธรรมชาติของสายน้ำ

      ความผิดแปลกของฤดูกาล และความกระหายอยากของผู้ต้องการควบคุมความเป็นไปในสรรพสิ่ง ส่งผลเมืองบาดาลแห่งนี้แห้งขอด เหลือเห็นเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ แสงแดดยังไม่ราแรง เรานั่งพักใต้เงาหินมหึมามองดูรายละเอียดรอบกาย บนผิวน้ำนิ่ง ท้องฟ้าดูกระจ่างใส เมื่อหยุดพิจารณาลึกลงไปจะพบกับโลกของตะไคร่น้ำ และสัตว์ขนาดเล็กมากมายอยู่รวมกัน ราวกับธรรมชาติอนุญาตให้เห็นเพียงส่วนย่อของชีวิตที่ควรจะเป็น เมื่อความอุดมสมบูรณ์อันหลากหลายถูกกั้นไว้เพื่อผลประโยชน์ของมนุษย์เพียงบางกลุ่ม

แดดอีสาน

     ราวกับความฝัน ทั้งพายุฝนเทกระหน่ำ เสียงสาดดังสนั่นบนหลังคาสังกระสี อีกกิ่งไม้พัดกระพือลมยามค่ำคืน เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อเปิดประตูห้องนอนออกเวลาสาย ความร้อนแรงของแสงแดดยามเช้าได้หอบนำเหตุการณ์ยามค่ำคืนระเหยหายไปสิ้นแล้ว เมื่อครั้งยังเด็ก ฉันคิดเฝ้าฝันถึงภาพเมืองเล็กริมฝั่งโขงแห่งหนึ่ง บ้านไม้สองชั้นอย่างอีสาน ประตูบานพับ ในชุมชนแสนสงบ ทั้งหมดล้วนเป็นภาพจำจากนิตยสารท่องเที่ยวที่ยังติดค้างในใจแม้เวลาผ่านไปกว่ายี่สิบปี 
     เขมราฐในวันนี้ดูต่างจากภาพประทับใจวัยเยาว์ ถนนสายหลักคึกคักด้วยผู้คน ร้านรวงต่างประดับประดาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว สิ่งใหม่มากมายเข้ามาแทนที่ แม้จะต่างจากภาพฝัน แต่เมืองทั้งเมืองยังทรงเสน่ห์ในปัจจุบันสมัย กลิ่นอายของภาพเก่าเหล่านั้นยังโชยจาง ณ ถนนสายหลักของเมืองเก่า ร้านกาแฟตกแต่งผนังด้วยผ้าทอโบราณ สลับรูปภาพจากอดีต ตลาดขายผ้า และสินค้าพื้นมือง ยังเดินหน้าถักทอภูมิปัญญาพื้นบ้าน อีกทั้งบ้านจำลองที่บอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่น ต่างล้วนแสดงถึงการเติบโตจากรากอันงดงาม ใต้แดดร้อนแรงของแดนอีสาน ความเปลี่ยนแปลงผลิคุณค่าใหม่อยู่ในกาลเวลาของตนเอง

แก่งชมดาว

     ไม่ไกลจากเขมราฐ คือ หมู่บ้านโนนตาล สถานที่แห่งความงดงาม และบริสุทธิ์ แก่งหินรูปทรงหลากหลายทอดไกลสุดสายตา เรื่อยไปในห้วงน้ำเวิ้งว้าง ประติมากรรมจากน้ำมือของกาลเวลา และกระแสน้ำ ไม่ต่างจากสามพันโบก กระแสน้ำกัดเซาะหินจนกร่อนเกิดดินแดนเหนือจินตนาการ  ต่างเพียงโขดหินของแก่งชมดาวมีความละเอียด ซับซ้อนกว่ามาก ทั้งพื้นผิวเต็มแต้มด้วยริ้วรอย และเส้นสายลายสัมผัส พื้นถนนลูกรังดึงเราจากถนนสายหลักส่งตรงไปถึงหมู่บ้านพอดีกับการอำลาจากของแสงแดด หมู่บ้านยามโพล้เพล้ช่างสงบเงียบ และเป็นส่วนตัว เด็กน้อยสองคนอาสาพาชมลานกว้างใหญ่พร้อมบอกเล่าเรื่องเล่าจากก้อนหิน 

     ตลอดชั่วโมงนั้น เรารู้สึกราวกับท่องไปในอาณาจักรแสนไกลที่ประกอบด้วยหัวเมืองน้อยใหญ่มากมาย ปีนไต่ป้อมปราการ มุดลอดใต้ถ้ำลึกลับ นอนพักบนแผ่นศิลา ก่อนออกเดินทางกระโดดข้ามลำน้ำใหญ่ไปยังเมืองถัดไป ทั้งที่เป็นพื้นที่ต่ำ และเปิดโล่ง ที่นี่กลับเงียบ และลับตา ให้ความรู้สึกสงบ และปลอดภัยอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงชั่วขณะ โลกทั้งใบกลับกลายมาเป็นของเรา เมื่อความห่างไกลกั้นความคิดไว้จากความจริง สีครามเข้มของคำ่คืนแผ่คลุมทั่วบริเวณ ในช่วงเวลาแบบนี้ สรรพสิ่งดูจะกลายเป็นอย่างอื่นได้ตามใจปรารถนา ฉันนึกถึงบางคืนที่ดาวพราวฟ้า กลางกระแสน้ำดำสนิท เรานอนนิ่งแนบแผ่นหลังบนโขดหินก้อนใหญ่ จ้องมองท้องฟ้ากลางห้วงเวลา และปักใจเชื่อว่า ธรรมชาติบันดาลเตียงศิลาเหล่านี้มาเพื่อการนอนชมดาว

     เพียงเวลาไม่นานที่ปล่อยตัวปล่อยใจไหลไปในวงจรธรรมชาติ การเดินทางแสนราบเรียบ ปราศจากเหตุการณ์สำคัญใดๆ กลับเปลี่ยนการรับรู้ถึงสิ่งต่างๆ รอบกาย เพราะเดินช้า จึงมองเห็นความงามของหญ้าริมทาง เพราะเงียบ จึงได้ยินเสียงกระซิบของโลกอีกใบ เพราะหยุดนิ่ง จึงสัมผัสถึงพลังงานมากมาย คงจะจริงอย่างที่ใครเคยกล่าวไว้
     เมื่อให้เวลาทุกสิ่งธรรมดาล้วนน่าอัศจรรย์


┃Text & Photography : Suthipa K.

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม