Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

PROXIE การรวมตัวของเด็กหนุ่มทั้ง 6 ผู้เปี่ยมล้นด้วยความฝัน !

Interview / People

อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยให้สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว หรือว่าบ่อยครั้งนัก วันนี้เราเลยจะชวนทุกคนมานั่งคุยกันถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น จนกลายมาเป็น PROXIE ในวันนี้

บอยกรุ๊ปที่เห็นครั้งแรกก็ติดตา ฟังเพลงครั้งแรกก็ติดหูวงนี้ ไม่ใช่แค่เพราะวิชวลหล่อกริบ ท่าเต้นเป๊ะ หรือเพลงฟังสบายเท่านั้น แต่เกิดมาจาก 6 คน 1 ฝัน ในนาม PROXIE

หลังจากตระเวนออกงานมาทั้งวัน ตกค่ำ 6 หนุ่ม PROXIE เดินทางกลับมาที่ค่าย พวกเขาเข้าไปในห้องซ้อมที่กรุกระจกบานใหญ่เต็มผนังอย่างคุ้นเคย แต่ค่ำนี้ไม่ใช่เวลาร้องเพลงหรือซ้อมเต้นเหมือนอย่างเคย พวกเขามาใช้เวลา – ซึ่งหาก USER แฟนด้อมของพวกเขาเป็นต้องอิจฉา LIPS เพราะพวกเขาถึงกับออกปากว่า “ไม่เคยพูดเรื่องนี้ที่ไหน”

อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยให้สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว หรือว่าบ่อยครั้งนัก นับตั้งแต่พาตัวเองไปออกสื่อใน THE BROTHERS THAILAND รายการเฟ้นหาไอดอลเพื่อสร้างวงทีป็อปใหม่ของเมืองไทยเมื่อ 2 ปีก่อน การอยากตามฝันเป็นศิลปินก็ส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลส่วนมากคงเพราะอยากมาเรียนลัดกับโค้ชซึ่งรายการนี้เรียกว่า โบร้ช (BROACH) อย่างติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ผู้ที่จะเป็นบอสของพวกเขาต่อมาในอนาคต, อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, มาริโอ้ เมาเร่อ และนิชคุณ หรเวชคุณ ชื่อที่คนฝันอยากเดินตามเส้นทางสายไอดอลชาวไทยยกเป็นไฟนำทาง 

“พอเห็นชื่อพี่คุณ ผมส่งใบสมัครทันที ไม่สนใจว่าเขาจะคัดคนออกไหม ผมขอเจอพี่คุณหนึ่งครั้งก็พอ” กัน-รัชชานนท์ เรือนเพ็ชร์ แฟนคลับตัวยงของนิชคุณตั้งแต่สมัยก่อนจะเดบิวต์เป็น 2PM บอก “พี่นิชคุณ 2PM  คือ ตำนานหนึ่งของเคป็อปเจเนอเรชั่นที่ 2” วิคเตอร์-วรเมธ กอนุประพันธ์ น้องเล็กของวงที่โตมาในยุคเคป็อปเจน 4 อย่าง BTS แต่นับถือใจไอดอลรุ่นก่อนกล่าวเสริม และเหตุผลที่ไม่มีใครไม่พยักหน้าตามของ กร วรรณไพโรจน์ ผู้เปลี่ยนใจจากสายร็อกไทยมาเข้าสู่แวดวงทีป็อปที่สรุปว่า “เขาเป็นคนไทยคนแรก ๆ ที่ดันตัวเองไปสู่เวทีระดับโลกได้ แสดงว่าเขาต้องมีอะไรที่โดดเด่นมาก ๆ” 

ความโดดเด่นบางอย่างนั้นไม่ใช่พรสวรรค์ หากเป็นพรแสวงที่จำเป็นต้องได้มาจากการอุทิศตนฝึกซ้อมเท่านั้น และนั่นก็เป็นสิ่งที่ PROXIE ทั้งหกทำมาตลอดตั้งแต่เข้าร่วมรายการ THE BROTHERS และยังทำต่อไปแม้ในช่วงโควิดระบาด ช่วงล็อกดาวน์ที่ทุกวงการซบเซา ช่วงที่ยังไม่มีกำหนดวันเดบิวต์ ช่วงเวลาที่อนาคตคล้ายว่าใกล้แต่ก็เหมือนไม่เคยคว้าไว้ได้สักที “ก่อนเดบิวต์ เราประกาศออกไปแล้วว่าจะมีวง PROXIE แต่ก็มีการเลื่อนเดบิวต์เพราะโควิดเข้ามาหลายระลอก เป็นช่วงที่อองรีดาวน์มาก ๆ เรียกว่าหมดแพสชั่นไปเลย มาซ้อมเสร็จก็กลับ มาแต่ตัว จิตใจเราไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าทำไปทำไม ไม่มีกำหนดอะไรที่แน่นอนเลย” อองรี-ออสการ์ เอ็ดเวิร์ด วัตราเศรษฐ์ ผู้สละชีวิตโค้งสุดท้ายในวัยมัธยมออกมาทุ่มเทให้กับฝึกซ้อมเป็นศิลปินเล่าถึงช่วงเวลาที่สมาชิกทั้งหกบอกตรงกันว่าอยู่ในสภาพนี้ไม่ต่างกัน 

“ช่วงเวลาที่รอเดบิวต์ก็คิดบ้างว่าหรือตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเรา แต่อีกใจก็คิดว่า มันคือความคลาดเคลื่อนที่เข้าใจได้ มันสุดวิสัยที่เราจะควบคุมจัดการอะไรได้จริง ๆ แต่ในความเข้าใจก็มีบางครั้งที่เราหมดไฟ เราจะจับเข่าคุยกันเสมอ พยายามหาวิธีให้เรามีกิจกรรมร่วมกัน และผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ ไม่หมดไฟไปก่อน” โชกุน-ปวริศร์ ศรีชัยชนะ บอกถึงวิธีการรับมือกับความกังวลในแบบที่แตกต่างกันไป อย่างอดีตผู้นำเชียร์จุฬาฯ อย่าง คิม-ปัณณธร จิรศาสตร์ ซึ่งในช่วงก่อนเดบิวต์นั้นคาบเกี่ยวกับช่วงเพิ่งเรียนจบ เพื่อนรุ่นเดียวกันทยอยได้งานทำ เริ่มต้นชีวิตวัยทำงานด้วยเงินเดือนสูงลิบ ไม่แปลกที่เขาเริ่มตั้งสงสัยในทางเลือกของตัวเอง “เราต้องซ้อมเสมอ ถ้าโอกาสเข้ามา เราจะได้พร้อมทำได้ทันที ถ้ามีผลงานแย่ ๆ ออกไปแล้วจะกลายเป็นภาพจำ ทัศนคติลบกู้คืนได้ยากมาก” หนึ่งในพี่ใหญ่ของวงที่น้อง ๆ ยกให้เป็นรุ่นพี่สายปลุกแพสชั่นกล่าว 

PROXIE เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกด้วยซิงเกิล CRAZY LOVE (รักบ้าบอ) ในเดือนเมษายนปีนี้ ตามด้วยในซิงเกิลที่สอง ‘คนไม่คุย’ ซึ่งกลายเป็นไวรัลดังในทุกแพลตฟอร์ม ฮิตติดชาร์ต ยอดวิวหลักล้าน จนทำให้วางชื่อ PROXIE บนแผนที่ทีป็อปได้ในที่สุด ทีนี้ละ จากที่เคยมีเวลาซ้อมเพลงเดียวนานเป็นปี ได้พักผ่อนเต็มที่ ชีวิตบทนั้นได้จบลงแล้ว “คิมมองว่าถ้าเราอยากประสบความสำเร็จจริง ๆ เราต้องยอมเสียสมดุลไปบ้าง ถ้ามีเวลาแล้วไปนอน ไปเล่นเกม ไม่ได้ซ้อม เกิดมีงานเข้ามา แล้วเราไม่ได้ซ้อม โชว์ของเราก็จะตก ก็จะไม่มีคนจ้างงาน” คิมถึงกับบอกว่าเวลานอนแทบจะหาไม่ได้แล้วตอนนี้ 

“พอเด็กผู้ชาย 6 คนมาอยู่ด้วยกัน แม้นิสัย บุคลิกหรืออายุจะต่างกัน แต่ทุกคนมีแพสชั่นเดียวกัน พวกเราเลยมีจุดหนึ่งที่ไปด้วยกันได้ อย่างช่วงที่เลื่อนเดบิวต์ กุนขี้เกียจมาก ไม่อยากซ้อม ไม่อยากร้องเพลง พอเราผ่านจุดนั้นมาได้ เรามีแต่จะอยากซ้อม อยากทำทุกอย่าง ตัวขี้เกียจหายไปเลย เราเหมือนเป็นคนละคน รู้สึกสนุกกับงานมากกว่าจะอยากนอน เราเอ็นจอยกับการทำงานมาก ๆ กุนว่าความว่างทำให้เราหนืด เวลายุ่ง ๆ จะมีแรงทำงานไปเอง ยิ่งมีคนรอบข้างที่เอ็นจอยไปกับเราก็ยิ่งสนุก” โชกุนบอกอย่างขอบคุณเพื่อน ๆ อีก 5 คนที่ทำให้คนรักการใช้เวลาอยู่คนเดียวอย่างเขาได้รู้จักคุณค่าของทีมเวิร์ก “บางคนมีประสบการณ์ บางคนไม่มี บางคนเก่งในบางด้านมาก ซึ่งเราก็ใช้สิ่งนั้นเป็นเอกลักษณ์ และใช้ให้เกิดประสิทธิภาพได้ แต่ไม่มีใครเลยที่คิดจะแก่งแย่งแข่งขันกัน หรือจะอยากดูเด่นไปกว่าใคร ทุกคนรอและไปด้วยกันจริง ๆ” กรกล่าวถึงความเป็นเนื้อเดียวกันของความฝันทั้งหก 

“กรเข้าใจว่าหน้าที่ของศิลปิน คือเราส่งพลังบวก ส่งความสุขไปให้ผู้คน กรเลยไม่ค่อยได้พูดในทางที่เรารู้สึกกังวลหรืออ่อนแอ แต่จริง ๆ แล้วตัวกรค่อนข้างกังวล” กรซึ่งกำลังเรียนแพทย์ และรุ่งโรจน์ในการเป็นศิลปินกับ PROXIE กล่าวอย่างตัดสินใจว่าจะเปิดใจแล้วจริง ๆ “กรพยายามคิด WORST CASE ตลอด อย่างคิดว่าถ้าเราทำงานหนัก ร่างกายไม่ไหว สิ่งแย่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นก็เช่น อาจจะสอบตก สอบซ่อม ถ้าซ่อมไม่ผ่านก็อดไปอังกฤษ คณะกรสอบ 2 ปริญญา ได้ไปอังกฤษด้วยที่ UCL (UNIVERSITY COLLEGE LONDON) ซึ่งกรโอเคถ้าไม่ได้ไป ทุกอย่างมันยาก แต่กรโอเคกับสิ่งนั้นด้วยซ้ำ มันได้อย่างเสียอย่าง PROXIE ก็คือโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่จะแย่ไปกว่าไม่ได้ไปอังกฤษ เราอาจซ้ำชั้น จบไม่พร้อมเพื่อน ๆ ครอบครัวบอกว่าไม่เป็นไร ในใจกรก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่จริง ๆ ก็ไม่อยากให้ออกมาเป็นแบบนั้น” กรกล่าวอย่างใคร่ครวญ 

“การคิดแบบนี้ทำให้เราเตรียมใจได้ กรแชร์ความกังวลกับเมมเบอร์ตลอด ไม่ได้เล่าตรง ๆ แต่กรจะขี้บ่น (หัวเราะ) แต่ไม่เคยแชร์ออกสื่อมาก่อน ไม่อยากให้แฟน ๆ กังวล กรไม่เคยเปิดใจขนาดนี้มาก่อน ด้วยความที่เป็นกรุ๊ป เรายิ่งรู้สึกว่าเรารั้งความพุ่งทะยานไปข้างหน้าของ PROXIE ด้วยเวลาที่จำกัด ด้วยเรี่ยวแรง และอะไรหลาย ๆ อย่าง รู้สึกผิด” กรกล่าวอย่างเป็นห่วงความรู้สึกแฟน ๆ และเพื่อนร่วมวงซึ่งอยากให้เขารับรู้ว่า 

“วันที่รู้ว่าเป็น PROXIE ผมกลัวมาก มันต้องจริงจังแล้ว จะมาเล่น ๆ ไม่ได้ เราต้องเต็มที่ เรามีเมมเบอร์ที่ต้องแคร์” วิคเตอร์มองไปที่สมาชิกแต่ละคนที่นั่งเรียงรายรอบสตูดิโอด้วยแววตาเป็นประกายอย่างเวลาที่เราพูดถึงคนที่เรารักและแคร์มากมาย “พี่กันเหมือนเป็นลีดเดอร์ เขาเก่งทุกอย่างจริง ๆ เขามีประสบการณ์เยอะ คอยช่วยน้อง ๆ ทุกอย่าง เด็กๆ PROXIE นับถือพี่กันมาก ส่วนพี่คิมเป็นสายเตือนเรื่องวางตัว แต่ก็มีมุมเด็ก ชอบเล่นเกม โชกุนเป็นคนที่ผมสนิทที่สุด เป็นคนคล้าย ๆ กร แต่พลังน้อยกว่า เป็นคนตลก ชอบเล่นมุข เป็นคนฮา ๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ถ้าจะจริงจังก็ทำได้ ถ้าจะขี้เกียจก็ขี้เกียจเลย เป็นคนสุดโต่งและมาสายกว่าผม (หัวเราะ) ส่วนอองรีแก่กว่าผมไม่กี่เดือน แต่เขาโตกว่า เขาไม่ได้เก่งทางวิชาการ แต่เก่งเรื่องการใช้ชีวิต เขารู้เรื่องอะไรมากกว่าคนที่เรียนอย่างเดียว

“ส่วนกรเป็นคนที่เรียนรู้เร็ว เขาหัวดี เรียนหมอและทำ PROXIE ไปด้วย เขาเก่งมาก แต่ก็เครียดมาก เวลานอนแทบจะไม่มี ผมสงสัยมากว่าเขาทำได้ยังไง ทั้งที่กรเป็นคนแบบผม คือขี้เกียจ ทำอะไรเละไปหมด แต่ว่าเรียนหมอและทำ PROXIE ไปด้วยกันได้ แสดงว่ากรต้องเก่งมาก ๆ ผมเป็นประเภทต้องผลักดันตัวเองเยอะ การจะมีความรับผิดชอบได้นี่เป็นเรื่องเหนื่อยมากสำหรับผม ผมเลยชื่นชมกรมาก” สายตาและน้ำเสียงของวิคเตอร์หมายความตามที่พูดทุกคำจริง ๆ “PROXIE อยู่ในชีวิตเรามา 2 ปี สิ่งนี้เปลี่ยนชีวิตผมและเป็นบาลานซ์ที่ดี ตัวผมไม่ค่อยมีเอ็นเนอร์จี้ แต่ในวงมีกรและโชกุนที่พลังเยอะมาก บางครั้งผมก็ช่วยดับเอ็นเนอร์จี้คนอื่น บางทีคนอื่นก็มาเพิ่มให้ผม อะไรที่มีมากไปหรือน้อยไปก็ไม่ดีหรอก ฉะนั้นเลยบอกว่า PROXIE คือบาลานซ์ที่ดี” วิคเตอร์ปิดท้ายอย่างหล่อ 

อองรีก็คิดไม่ต่างกันว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเพราะเพื่อนใหม่ทั้งห้าคนนี้ “อองรีเคยไปเที่ยวกับเมมเบอร์ ด้วยความที่เราออกจากโรงเรียนมา เราขาดคอนเน็กชั่นกับเพื่อนวัยเดียวกันไป ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่ติดต่อกันแต่มันไม่เหมือนเดิม เราไม่ได้มีประสบการณ์ร่วมกันเหมือนแต่ก่อน อองรีบอกเมมเบอร์ว่าตอนนี้อองรีเหลือแค่เพื่อน ๆ ใน PROXIE แล้วนะ บอกโดยที่ไม่อายเลยว่าเรามีแค่พวกเขา PROXIE คือครอบครัวที่อองรีเสียไปไม่ได้” 

คนที่เห็นคุณค่าของการมีเพื่อนร่วมวงมาเป็นเพื่อนร่วมทางฝันไปด้วยกันที่สุด คือกันที่ผ่านพบมาแล้วทั้งช่วงที่วงการทีป็อปโรยรา และช่วงยุคทองของทีป็อป “เมื่อ 10 ปีก่อนตอนอายุ 16 ผมเคยเดบิวต์มาแล้ว ตอนนั้นเป็นน้องเล็กของวง พอ 10 ปีต่อมาได้เดบิวต์อีกรอบกับ PROXIE เรากลายเป็นผู้อาวุโสสุดในวง” กันเล่าประสบการณ์ของการเป็นบอยกรุ๊ป “ตอนที่รู้ว่าได้เป็นสมาชิก PROXIE ผมดีใจสุด ๆ เลย การเป็นวงผมว่าดีมาก เรามีเพื่อนร่วมทาง คอยช่วยกันคิดทำทุกอย่างไปด้วยกัน เรื่องในอดีตเราเข้าใจว่ามันคือความจริงของชีวิต ถ้าไปต่อไม่ได้ก็ต้องจบ แต่เราก็ยังฝันว่าจะได้ทำวงบอยกรุ๊ปอีก วันนี้เราเป็นพี่ใหญ่ของวงก็คอยดูแลน้อง ๆ ใครติดขัดอะไรก็เข้าชาร์จไปช่วยทันที มีอะไรก็ออกหน้าก่อนเสมอ ทุกคนรู้กันไปเองว่าต้องเป็นผมที่เป็นตัวเปิด เป็นตัวเชื่อมระหว่างน้อง ๆ กับผู้ใหญ่” 

“โชคดีที่เรามีความคิดความฝันที่ตรงกันว่าเราอยากจะไปอยู่ตรงไหนก็วงการทีป็อป เวลาเราท้อหรือเหนื่อย เรามีเป้าหมายตรงนี้ที่ขับเคลื่อนเราได้ ถ้าเราอยากไปถึงตรงนั้นแล้วทำแค่นี้ จะไปถึงได้หรือ เป้าหมายคือเราอยากเป็นเบอร์หนึ่งของวงการทีป็อป และเป้าหมายต่อไปคืออยากไประดับโลก คิมอยากให้เห็นว่าคนไทยทำได้ อยากให้มาสนับสนุนทีป็อปกันเยอะ ๆ พวกเราแบกรับความฝันนี้ไปด้วยกัน” คิมกล่าวอย่างให้กำลังใจทุกภาคส่วน “อองรีประทับใจนะกับการที่แฟน ๆ สนับสนุนเรามาตั้งแต่รายการ THE BROTHERS แรก ๆเราก็งงว่าทำไมเขามาชอบเรา เราโนเนมมาก แฟน ๆ 10-20 คนแรกที่อยู่กับเรามา อองรีจำได้ทุกคน แล้วเราก็ชอบคนที่เข้ามาใหม่ด้วย รู้สึกขอบคุณจริง ๆ ถ้าเราคอยซัพพอร์ทศิลปินคนอื่นก็ แสดงว่าเราคงชอบคน ๆ นี้มาก ๆ แฟน ๆก็คงคิดแบบเดียวกับเราที่อยากให้ PROXIE ประสบความสำเร็จจริง ๆ” อองรีกลั่นทุกคำอย่างช้า ๆ ด้วยความขอบคุณ 

“แต่ก่อนที่เราเคยยืนมองศิลปินที่เราชอบ เราจะลองจินตนาการภาพในหัวเสมอว่าถ้าเป็นเราบ้างจะเป็นอย่างไร พอมาถึงจุดนี้ที่เราได้ขึ้นไปยืนบนเวทีบ้าง” โชกุนกล่าวอย่างซึ้งใจว่า “รู้สึกความยากลำบากทั้งหมดที่ผ่านมามันหายเหนื่อยหมดเลย วันนี้เราทำให้ทุกคนมีความสุขได้” 

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม