Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

Red, White & Royal Blue เปิดชีวิตจริงของเจ้าชายเกย์กับความรักต่อหนุ่ม Dior

Culture / Entertainment

เมื่อภาพยนตร์รอมคอมชื่อดังเรื่อง Red, White & Royal Blue ที่ถูกดัดแปลงมาจากนิยายของ Casey McQuiston นิยายขายดีติดอันดับของ The New York Times ที่นำเสนอเรื่องราวความรักในแบบฉบับ LGBTQIA+ ได้อย่างน่าสนใจผ่านตัวละครอย่าง Prince Henry Fox-Mountchristen-Windsor (รับบทโดย Nicholas Galitzine) และ Alex Claremont-Diaz (รับบทโดย Taylor Zakhar Perez)

มานเวนทระ สิงห์ โคหิล เจ้าชายชาวอินเดีย
มานเวนทระ สิงห์ โคหิล เจ้าชายชาวอินเดีย

หนังบอกเล่าความกล้าทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง โดยฉีกทุกขนบที่พันธนาการอยู่ ผ่านความเจ็บปวดของ Prince Henry เจ้าชายแห่งอังกฤษ ที่ถูกราชสำนักสั่ง “ห้ามไม่ให้เจ้าชายเป็นเกย์” พร้อมจับชนกับวิถีแห่งอเมริกัน ซึ่งภาพยนตร์หยิบยกมุมความเป็นอิสระและความเป็นเสรีชนออกมาถ่ายทอด จึงทำให้ตัวละคร Alex Claremont-Diaz ยื่นมือมาดึง Prince Henry ออกจากกับดักแห่งภาพลักษณ์

Alex Claremont-Diaz กับ Prince Henry ในหนัง Red, White & Royal Blue
Alex Claremont-Diaz กับ Prince Henry ในหนัง Red, White & Royal Blue

หลากหลายฉากโรแมนติกเร่าร้อน และสัญญะทางเพศถูกวางไว้อย่างต่อเนื่องในภาพยนตร์ เพื่อเอาใจคอหนังแนววาย ซึ่งแรกเริ่มตัวละครขีดเส้นความเร่าร้อนที่เลเวลความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits แต่แล้วตัวละครมีการพัฒนาด้านจิตใจจนกลายเป็น “ความรัก” ซึ่งนี่เองคือจุดเริ่มต้นของการดิ้นรนเพื่อลงเอยเป็นความสัมพันธ์ทางไกลที่ขมวดจบแบบ Happy Ending

ใครก็ต่างรู้ดีว่าหนังแนวนี้เสพเพื่อความบันเทิง ความรักระหว่างชายกับชายต้องมีเกิดขึ้นในราชสำนัก แต่การปลดเปลื้องพันธนาการด้วยการเปิดตัวว่าเป็น LGBTQ+ แบบสุดโต่ง พร้อมความสัมพันธ์ทางไกลก็คงจะไม่มีหรอกในชีวิตจริง แต่มันมี !

‘มานเวนทระ สิงห์ โคหิล’ เจ้าชายอินเดียองค์แรกที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์
‘มานเวนทระ สิงห์ โคหิล’ เจ้าชาย (อินเดีย) องค์แรกที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์

ชีวิตคู่กับ “เจ้าหญิง” ที่พังไม่เป็นท่า และการคิดฆ่าตัวตาย

แม้ว่าระบอบกษัตริย์ของอินเดียจะสูญสิ้นอำนาจทางการปกครอง รวมถึงเงินบำนาญจากรัฐบาลอินเดียได้ถูกยกเลิกไป แต่สถานะทางสังคมของเจ้าหญิง-เจ้าชาย ยังคงสืบสานและได้รับการยอมรับในฐานะพระราชวงศ์เหนือดินแดนที่เคยปกครอง ฟังดูชีวิตสุดแสนจะ Elite แต่ไม่ใช่สำหรับ Manvendra Singh Gohil (เจ้าชาย มานเวนทระ สิงห์ โคหิล)

ตามพระอิสริยยศแล้วเจ้าชายมานเวนทระ สิงห์ โคหิล เป็นรัชทายาทแห่งนครราชไพพลา รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย ในวัยเด็กถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับ Princess Chandrika Kumari of Jhabua (เจ้าหญิงจันทริกา กุมารี แห่งนครจาบัว รัฐมัธยประเทศ) ซึ่งปรากฏชีวิตคู่ของเจ้าชายพังครืนไม่เป็นท่า เจ้าหญิงจันทริกากุมารีฟ้องหย่าในฐานะที่เจ้าชายไม่ปฏิบัติหน้าที่สวามีได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นเหตุให้เจ้าหญิงจากไปเฉกเช่นหญิงพรหมจรรย์ พร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายว่า “อย่าทำเช่นนี้กับผู้หญิงคนอื่นอีก”

เจ้าชายมานเวนทระ สิงห์ โคหิล ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Oprah Winfrey Show ถึงประเด็นนี้ว่า “ผมคิดว่าหลังจากแต่งงานแล้ว มันจะไม่เป็นไร ไม่เคยมีใครบอกผมว่าผมเป็นเกย์ ซึ่งนั่นเป็นปกติ การรักเพศเดียวกันไม่ใช่โรค และผมเสียใจที่ได้ทำลายชีวิตเธอ ผมรู้สึกผิด”

หลังจากเหตุการณ์หย่าร้างครั้งนี้ เจ้าชายเผชิญกับความสับสน และความเจ็บปวดในจิตใจ “แน่นอนว่าผมเคยคิดฆ่าตัวตาย…ผมเชื่อในความซื่อสัตย์มาโดยตลอด…ผมรู้สึกว่าไม่สามารถใช้ชีวิตในโลกสองใบได้ ดังนั้นผมควรหยุด ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะใช้ชีวิตที่ในแบบที่ไม่อยาก” เจ้าชายเปิดเผยกับสื่อดังอย่าง Tatler

พระเอก-นายเอกในหนัง Red, White & Royal Blue
พระเอก-นายเอกในหนัง Red, White & Royal Blue

แม่แท้ๆตัดขาด และแผนการบำบัดด้วยการผ่าตัดสมอง-ช็อตไฟฟ้า

ในฉาก Climax ของภาพยนตร์ Red, White & Royal Blue ผู้ชมจะพบว่าตัวละครเจ้าชายเฮนรีถูกสั่งห้ามไม่ให้เปิดเผยความสัมพันธ์พร้อมแก้ข่าวว่า อีเมลพลอดรักเป็นเพียงมือดีบิดเบือนข้อมูลเพื่อสร้างสถานการณ์ดิสเครดิตราชวงศ์ และทั้งสำนักราชวัง ญาติๆ รวมถึงพี่ชายก็ต่างรู้สึกว่า “ตัวตนและการกระทำ” ของเจ้าชายเฮนรีเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และคงไม่ต่างอะไรกับราชวงศ์อินเดีย

ก่อนหน้าปี 2018 ความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พ่อแม่ของเจ้าชายมานเวนทระ สิงห์ โคหิลทำทุกวิถีทาง ทั้งพาไปพบผู้นำทางจิตวิญญาณ และวางแผนรักษากับจิตแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา “พ่อแม่ต้องการให้ผมเข้ารับการผ่าตัดสมอง หรือการบำบัดด้วยการช็อตไฟฟ้า” เจ้าชายกล่าว โชคดีที่แผนการดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกปฏิบัติเนื่องจาก สมาคมจิตเวชอเมริกัน (American Psychiatric Association) ระบุว่า การรักร่วมเพศไม่ใช่ความผิดปกติทางจิต และนี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งชนวนเหตุที่เจ้าชายรู้สึกว่า ราชวงศ์ไม่อยู่เคียงข้างตน

ในภาพยนตร์ Red, White & Royal Blue เมื่อพสกนิกรจำนวนมากมาออกันที่ลานหน้าพระราชวังพร้อมโบกธงสีรุ้ง เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนว่าพวกเขารัก และเคารพในตัวตนของเจ้าชาย เฮนรีและอเล็กซ์ ชายคนรักจึงตัดสินใจละทิ้งขนบไว้เบื้องหลัง พร้อมจับมือกันเพื่อเลือกเส้นทางของพวกเขาเอง จุดนี้แหละที่มันเจ็บปวดสำหรับเจ้าชายมานเวนทระ สิงห์ โคหิล

เมื่อย้อนกลับไปรายการ The Oprah Winfrey Show ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าชายมานเวนทระ สิงห์ โคหิลออกมาเปิดตัวว่าเป็นเกย์ แต่ในปี 2005 เจ้าชายเคยเปิดเผยรสนิยมทางเพศในหนังสือพิมพ์ Divya Bhaskar ฉบับวโททระ และได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาคุชราต พร้อมเผยแพร่เป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอื่น ๆ อีกหลากหลายฉบับ ปรากฎว่าชาวเมืองราชไพพลากลับโกรธเคือง บ้างก็นำหุ่นจำลองมาเผา บ้างก็เยาะเย้ย และบูลลีเจ้าชายในที่สาธารณะ ส่วนครอบครัวของเจ้าชาย พระมารดาถึงขั้นตัดขาด และประกาศว่า หากใครกล่าวอ้างว่ามานเวนทระ สิงห์ โคหิลเป็นลูกชาย ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยทันที

เจ้าชายมานเวนทระกับสามีใหม่ เดอันเดร ริชาร์ดสัน
เจ้าชายมานเวนทระกับสามีใหม่ เดอันเดร ริชาร์ดสัน

พบรักกับเมกอัพอาร์ติสต์จาก Dior และแต่งงานอีกครั้ง

ในภาพยนตร์ Red, White & Royal Blue พูดถึงการพัฒนาความสัมพันธ์จากคู่กัด มาเป็นความรักแบบลึกซึ้งผ่านการแชต และอีเมลส่วนตัว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับชีวิตรักครั้งใหม่ของเจ้าชายมานเวนทระ สิงห์ โคหิล พระองค์ได้พบกับ DeAndre Richardson ช่างแต่งหน้าจาก Dior และได้มีการสานความสัมพันธ์กันผ่านทางออนไลน์

“ผมเห็นรูปถ่ายของมานเวนทระในชุดอินเดียแบบดั้งเดิม และชอบมาก ผมหลงใหลเสื้อผ้าผู้ชายแบบดั้งเดิมมาโดยตลอด ดังนั้นผมจึงติดต่อมานเวนทระทางออนไลน์ เราจึงเริ่มพูดคุยและแลกเปลี่ยนอีเมลกัน ผมคิดว่าจะไปหาเขา และหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายที่น่าสนใจเหล่านี้ และผมไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าชาย” เดอันเดรล่าวกับ Times of India

ความรักครั้งนี้เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน ซึ่งทั้งคู่ได้วางรากฐานอย่างแน่นแฟ้น ในขณะนั้นเดอันเดรยังคงอยู่ในความสัมพันธ์เดิม จนเวลาที่เหมาะสมมาถึง เดอันเดรจึงจบความสัมพันธ์กับอดีตคนรัก และเริ่มศึกษาดูใจกับมานเวนทระในฐานะคนรัก จนกระทั่งตัดสินใจแต่งงานกันในปี 2012

“มันเริ่มต้นจากมิตรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ผมยังบอกคู่รักเพศเดียวกันคนอื่น ๆ ว่าพวกเขาควรเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน แล้วตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการเดินหน้าต่อไปหรือไม่…มิตรภาพจะทำให้เราเอาชนะทุกความท้าทาย” มานเวนทระกล่าว

ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ความรักเท่านั้นที่กำลังสุกงอม เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของเจ้าชายกลับมาเข้าใจกันมากขึ้น มิหนำซ้ำเดอันเดรได้รับการยอมรับในฐานะสามีของเจ้าชาย และเป็นบุคคลสำคัญในครอบครัว

เมื่อพระบิดาของเจ้าชายถามถึงการมาเยี่ยมอินเดียของเดอันเดรว่า “คุณคงจะชอบอินเดีย และได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น ทัชมาฮาล” แต่เดอันเดรกลับตอบว่า “ฉันมาอินเดียไม่ใช่เพราะฉันชอบไปทัชมาฮาล แต่เพราะฉันรักลูกชายของคุณ (ยิ้ม)”

The ‘Real World’ Red, White & Royal Blue

ปัจจุบันความเจ็บปวดครั้งอดีต เปลี่ยนเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชีวิตของชุมชน LGBTQIA+ ในอินเดีย เจ้าชายมานเวนทระเป็นประธานกองทุน Lakshya Trust องค์กรการกุศลเพื่อการป้องกัน HIV และ AIDS ในกลุ่มชายรักชาย (ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย) และ GBT (เกย์ ไบเซ็กชวล และคนข้ามเพศ) ภายใต้เมืองใหญ่สามเมืองของรัฐคุชราต ในอินเดีย ได้แก่ วโททระ สุราษฎร์ และราชโกฎิ รวมถึงอบรมสตรีภาคสนาม เพื่อให้ความรู้กับผู้หญิงที่แต่งงานกับสามีที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และการปฏิบัติต่อกันที่ถูกต้องอีกด้วย

และนี่คือเรื่องราวของ เจ้าชายที่กล้าเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์คนแรกของโลก เจ้าชายที่กล้าฉีกขนบธรรมเนียมดั้งเดิม กล้าที่จะเผชิญหน้ากับกระแสทางลบ เพื่อยืนหยัดต่อสู้เพื่อตัวตน และชุมชน LGBTQIA+ และถ้าชื่อของภาพยนตร์ Red White and Royal Blue เล่นกับสีของธงชาติทั้งฝั่งอเมริกา และอังกฤษ ดังนั้นถ้าจะมี “สีรุ้ง (Rainbow)” ต่อท้ายคำว่า “Royal Blue” ตามด้วยชื่อเรื่องที่ว่า Manvendra Singh Gohil เจ้าชายผู้เป็นขบถต่อขนบ และเบ่งบานสู่เสรีภาพ”

Words: Varichviralya Srisai
ข้อมูลจาก:

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม