Role Model หรือคนต้นแบบอาจเป็นใครสักคน (หรือคุณสมบัติหลายๆแบบจากหลายๆคน) ที่คุณมองไปแล้วอยากเป็นแบบนั้น หรืออยากทำให้ได้แบบเขาแต่ไม่อยากทำตัวเหมือนเขา หรือว่าเป็นคนที่คุณมองไว้เพื่อจะไม่ล้มเหลวหรือผิดพลาดแบบเขาก็เป็นได้
LIPS พาไปทำความรู้จักโรลโมเดล 3 แบบที่อาจช่วยเป็นแรงใจเล็กๆ หรือเป็นแรงผลักดันยิ่งใหญ่ให้ชีวิตคุณ
‘แทยอน’ ต้นกำเนิดความเป็นแฟนบอยของแบมแบม
ไม่เคยปิดบังว่าตนเป็นแฟนบอยของแทยอน Girls’ Generation และเมื่อแทยอนเลือกมาเยือน Bam House รายการเดียวในช่วงโปรโมตอัลบั้ม To.X (อีกรายการคือ Kang Hyungwook’s Dog Guest Show แต่เมนหลักของรายการคือเจ้าเจโร หมาน้อยเพื่อนซี้ของแทยอน) แบมแบมก็ใช้โอกาสนี้เทหัวใจพูดทุกสิ่งที่อยากพูดกับ ‘โรลโมเดล’ ของตน
“ความอยากจะขอบคุณพี่เป็นเรื่องใหญ่สุดสำหรับผม” แบมแบมกล่าวแบบใจไม่อยู่กับตัวเมื่อได้พูดคุยกับโรลโมเดลแบบตัวต่อตัวเป็นครั้งแรก “ตอนนั้นผมได้ลายเซ็นพี่ แล้วพี่เขียนว่า ‘แล้วเจอกันหลังจากเธอเดบิวต์แล้วนะ’ ถ้อยคำนี้ช่วยผมได้เยอะมาก ตอนนั้นเป็นช่วงที่พี่ออกวงซับยูนิต TaeTiSeo ผมเป็นเด็กฝึกอยู่พักใหญ่แล้ว แถมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม Got7 ด้วยซ้ำ ผมคิดว่ารอบนี้ก็คงยังไม่ได้เดบิวต์เหมือนเคย ก็เลยคิดว่าเลิกดีกว่าถ้าหมดสัญญา
“แต่หลังจากได้ลายเซ็นของพี่ ผมสัญญากับตัวเองว่าจะเดบิวต์ให้ได้ ตอนนั้นผมอายุ 15 ครับ ยังเด็กมากเลย พอได้เดบิวต์แล้ว อะไรๆก็ดีขึ้นมาก ทั้งชีวิตผมและครอบครัวผมด้วย คนรอบตัวก็ดีขึ้น พี่มีอิทธิพลต่อชีวิตผมมากที่สุดในตอนนั้น ผมนับถือรุ่นพี่อย่าง BigBang และ Rain มาก และถนอมเลี้ยงความฝันของตัวเองที่จะเป็นนักร้องให้ได้ แต่พี่แทยอนคือคนที่ทำให้ผมมุ่งมั่นอย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่ผมอยากบอกพี่ครับ”
ขนาดบอกว่าไม่รู้จะพูดอะไร แต่แบมแบมกล่าวต่อไปอีกว่า “สมัยเป็นเด็กฝึกมันยากมากจริงๆ พอถึงจุดหนึ่งผมก็ไปเลยที่แม่น้ำฮัน นั่งร้องไห้แล้วก็ฟังเพลง If ของพี่แทยอนไปด้วย เนื้อเพลงมีท่อนที่ร้องว่า ‘ถ้าฉันจากไป’ ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเพลงมากนัก ผมก็เลยเข้าใจไปเองว่าคงหมายความว่า ‘ถ้าฉันจากไปเมืองไทยตอนนี้ล่ะ’ แต่ผมเป็นเด็กฝึกมา 3 ปีแล้ว คงน่าเศร้าถ้าต้องล้มเลิกทุกอย่างแล้วจากไป ผมคิดแบบนี้ตอนที่ร้องไห้ครับ”
แบมแบมยังเล่าถึงโมเมนต์กำเนิดแฟนบอยของแทยอนมานับสิบปีว่า “ผมเริ่มเป็นแฟนบอยของพี่แทยอนตอนที่พี่ออกเพลงกับซับยูนิต TaeTiSeo ผมดูมิวสิกวิดีโอของพี่ที่หอ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเป็นแฟนเพลงของศิลปิน…แต่จุดที่ผมกลายเป็นแฟนเพลงของพี่จริงๆ มาจากรายการ We Got Married ครับ ครูสอนภาษาเกาหลีบอกให้ผมหัดภาษาจากการดูรายการวาไรตี้โชว์ ผมก็เลยดูรายการนี้ ผมเป็นแฟนเพลงของพี่เพราะพี่ทำคัลกุกซูไก่ (ก๋วยเตี๋ยวไก่) ให้รุ่นพี่จองฮยอนดน เป็นตอนนั้นเองที่ผมตกหลุมรักพี่ ผมมาคิดดูว่าเพราะอะไรนะ อาจจะเพราะตอนพี่ทำก๋วยเตี๋ยวไก่ พี่ดูอารีมากเลย”
และนี่คืออิทธิพลที่โรลโมเดลด้านบวกส่งผลต่อคนคนหนึ่ง ดังที่แบมแบมเล่าว่า “ผมใช้พี่แทยอนเป็นเรฟเฟอเรนซ์เยอะมากเลย เวลาดูมิวสิกวิดีโอของพี่ ผมจะใช้เมกอัพของพี่มาเป็นเรฟเฟอเรนซ์ อย่างในเอ็มวีเพลง Can’t Control Myself ที่พี่แต่งหน้าเลอะๆ (เพราะร้องไห้) ผมก็เอามาแต่งตาสีแดงบ้างตอนทำเวิลด์ทัวร์ (Area52) ผู้ชายยุคนี้ไม่ค่อยแต่งหน้าจัดๆกันแล้ว แต่ผมซื่อสัตย์กับคอนเซ็ปต์ของตัวเองฮะ
“ผมเดบิวต์ได้เพราะพี่และได้เป็นแฟนเพลงของพี่ แต่พอได้เป็นนักร้องแล้ว ผมไม่อยากให้ความสามารถตัวเองด้อยไปกว่าพี่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องดนตรี ความสามารถ หรือความนิยม ผมได้เป็นนักร้องแล้วก็อยากจะทำให้จริงจัง แม้ว่าจะเริ่มจากการเป็นแฟนเพลงของพี่ แต่ไม่ใช่ว่าผมอยากจะเป็นคู่แข่งกับพี่นะ แต่ผมอยากเป็นนักร้องที่อยู่ในระดับเดียวกับพี่ได้ ซึ่งผมยังไปไม่ถึง ผมดูเวิลด์ทัวร์ของพี่ ผมรู้เลยว่าตัวเองยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังอีกไกลเลย
“มีอย่างหนึ่งที่ผมภูมิใจมาก เมื่อ 2 ปีก่อน Louis Vuitton ถ่ายรูปศิลปิน (ที่มาร่วมชมแฟชั่นโชว์ Spring-Summer 2022) ในเกาหลี ทางแบรนด์โพสต์รูปของผมกับพี่พร้อมกันในไอจี ผมงี้แฮปปี้สุดๆเลย ผมบอกตัวเองว่า ‘แบมเอ๊ย ขยันๆต่อไปนะ อีกนิดเดียว’ พี่เป็นแรงผลักดันให้ผมเยอะมากจริงๆ”
ต้นแบบ 3 ประเภทที่คุณ(อาจ)มีในชีวิต
คำพูดเหล่านี้ของแบมแบมบอกเล่าถึงการเป็นต้นแบบในทางบวกที่แทยอนมีต่อเขา ซึ่งนั่นเป็น 1 ใน 3 ประเภทของโรลโมเดลดังต่อไปนี้
1. ต้นแบบทางบวก Positive Role Model
โรลโมเดลคนนี้ไม่ใช่คนที่อยากทำให้คุณไปบวกกับใคร แต่เป็นคนที่ทำให้คุณนึกอยากทำอะไรดีๆในทางบวกเหมือนกับเขา อย่างที่แบมแบมใช้เมกอัพของแทยอนมาเป็นเรฟเฟอเรนซ์ในงานของตน หรือมองการวางตัวให้ประสบความสำเร็จได้ยาวนานกว่า 18 ปีของแทยอนเป็นแรงผลักดันตนเอง โรลโมเดลทางบวกไม่ใช่คนที่คุณอยากจะประสบความสำเร็จแบบเขาเท่านั้น แต่เป็นคนที่มีค่านิยมหรือคุณค่าที่สอดคล้องกับคุณด้วย
2. ต้นแบบในทางตรงกันข้าม Reverse Role Models
โรลโมเดลแบบนี้มีคุณสมบัติที่คุณติ๊กถูกทุกข้อเหมือนกับโรลโมเดลทางบวก เช่น เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวคุณเองก็อยากจะได้มา แต่สิ่งที่ต่างก็คือ คุณกับเขามีคุณค่าที่ยึดถือต่างกัน เช่น คุณอยากเปลี่ยนโลกและช่วยเหลือมนุษยชาติด้วยการพามนุษย์ย้ายไปอยู่ดาวอังคารก่อนที่โลกจะแตกแบบอีลอน มัสก์ แต่คนใกล้ชิดและแม้แต่ตัวเขาเองบอกว่า เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจมนุษย์มากนัก เขาเป็นเจ้านายประเภทที่สามารถไล่คุณออกได้แบบไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ขณะที่เจ้านายคนอื่นอาจจะพิจารณาถึงความเป็นอยู่และผลกระทบที่คุณจะได้รับเสียก่อน นั่นเพราะอีลอนเป็นคนที่มุ่งเป้าหมายและพร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อบรรลุผลสำเร็จ คุณอาจไม่นิยมคุณสมบัติความเป็นมนุษย์ข้อนี้ของอีลอน แต่ก็ยังมีเขาเป็นต้นแบบของคนที่ประสบความสำเร็จทางอาชีพการงานได้
3. ต้นแบบทางลบ Anti-Role Models
โรลโมเดลแบบนี้เป็นแรงขับเคลื่อนได้ดีมาก และมีแรงดึงดูดมากกว่าต้นแบบทางบวกเสียด้วยซ้ำตามพฤติกรรมมนุษย์ที่มักชอบมองเรื่องแย่ๆ (เราถึงชอบเสพดราม่ากันนั่นเอง) เขาเป็นต้นแบบในสิ่งที่คุณไม่อยากเป็น ไม่อยากดำเนินรอยตาม ไม่ปรารถนาจะลงเอยมีชะตากรรมเช่นเดียวกัน คุณเรียนรู้จากความผิดพลาดและความล้มเหลวของเขา เพื่อเตือนตัวเองว่า “ฉันจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้น”
ใครมีโรลโมเดลแบบไหน มาแชร์กับ LIPS บ้างได้นะ
Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก: